ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 297 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-3

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 297 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-3

จิ้นเผิงมุ่งหน้าไปที่โรงอาบน้ำ

เขาพึงพอใจกับชีวิตของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างมาก

แต่ใครบ้างเล่าที่ไม่อยากสนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่

คนส่วนใหญ่แค่ไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง

การดำรงชีพก็ยากลำบากมากพออยู่แล้ว

ย่อมไม่มีเวลาว่างมาเพลิดเพลินใจ

น่าเสียดาย ไม่ว่าจะมีความสุขมากเพียงใด ก็ดูเหมือนว่าจิ้นเผิงไม่สามารถหาความสุขที่แท้จริงได้เลย

แม้ว่ายามที่เขาดื่มสุราจะใจป้ำ

เล่นพนันก็ไม่เคยถอย

เมื่ออยู่กับสตรี เขาก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่

แต่ลึกๆ แล้ว เขายังคงรู้สึกโดดเดี่ยว

เสมือนเป็นเพียงเปลือกที่ว่างเปล่า

เขาใช้ความวุ่นวายของร้านสุรา เสียงอึกทึกของบ่อนพนัน และเรือนกายของสตรีมาเติมเต็มความว่างเปล่า

ไม่เช่นนั้น เขาก็เหมือนกับซากศพที่เดินไปมา

เรื่องของสหายนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่ออยู่กับสหาย เขาสามารถกดความว่างเปล่าในใจของเขาได้ชั่วคราว

แต่ความจริงแล้ว ความว่างเปล่านี้มักมาจากความถวิลหา

ความถวิลหามักจะมาจากสิ่งที่เราไม่สามารถมีได้

ไม่ว่าจะใช้สุรา เงินทอง หรือสตรีมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้

…………………

ในโรงอาบน้ำมีห้องที่เตรียมไว้เพื่อใต้เท้าผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะ

ห้องนั้นมีจุดเด่นอย่างหนึ่ง นั่นคือตั้งอยู่ทางทิศที่ได้รับแสงแดด และมีหน้าต่างขนาดเล็ก

ไม่มีใครเปิดหน้าต่างขณะที่กำลังแช่น้ำ

แต่จิ้นเผิงทำ

เขาไม่เพียงแค่ต้องการแช่ตัวในน้ำอุ่น แต่ยังต้องการอาบแดดด้วย

โดยเฉพาะในวันที่อากาศดีและแจ่มใสอย่างวันนี้

เขาตัดสินใจว่าไม่ควรพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด

เมื่อคนผู้หนึ่งอาบน้ำคนเดียว ไม่มีสหาย ไม่มีสุรา ไม่มีเสียงกระทบของแก้วและสตรี

แม้แต่น้ำร้อนที่เดือดพล่านก็ยังทำให้เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายช้าๆ

ความว่างเปล่านี้มาจากจิตใจ

ร่างกายที่แข็งแรงและสมบูรณ์แค่ไหนก็ต้านทานไม่ได้

อันที่จริง ใช่ว่าเขาไม่เลือกสรรสตรี

แต่ไม่ว่าเขาจะพบสตรีคนใด ในหัวของเขามีเพียงใบหน้าของสตรีเพียงคนเดียว

ผลที่ตามมาคือ ไม่ว่าจะเป็นสตรีคนใด มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

เขาพับผ้าขนหนูสีขาวผืนใหม่เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ อย่างเรียบร้อยแล้ววางไว้ข้างอ่างอาบน้ำเพื่อใช้เป็นหมอน

จากนั้นนอนลงอย่างสบาย

เตรียมพร้อมที่จะเพลิดเพลินอย่างเต็มที่

แม้ว่าความเหงาในใจจะไม่สามารถขจัดออกไปได้

แต่วันนี้เป็นวันเกิดของเขา

ต้องพยายามมีความสุขเข้าไว้

แสงแดดสาดส่องลงบนผิวน้ำในอ่าง สะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ

เขาจ้องมองสักพักแล้วรู้สึกตาลาย

จึงตัดสินใจหลับตาลง ราวกับกำลังงีบหลับ

แต่จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น

จากนั้นหัวเราะออกมา

“ไม่คิดเลยว่าบุรุษอาบน้ำยังมีคนแอบดู!”

จิ้นเผิงพูดขึ้น

เพิ่งสิ้นเสียงลงก็ปรากฏเงาของผู้หนึ่งผ่านกระดาษปิดหน้าต่างบางๆ

“เวลาที่สตรีอาบน้ำมีผู้คนจ้องดูมากมาย แน่นอนว่าล้วนเป็นบุรุษ ในขณะที่ยามบุรุษอาบน้ำ ผู้คนดูไม่มาก แต่ย่อมต้องเป็นสตรีแน่นอน”

เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมา

“สตรีจะไม่แอบดูสตรีด้วยกันอาบน้ำหรือ หากเจอสตรีที่สวยกว่าตน ข้าไม่เชื่อว่าสตรีจะไม่มอง”

จิ้นเผิงกล่าว

“หากเจอสตรีที่สวยกว่าตน แค่มองอย่างเดียวคงไม่พอหรอก”

สตรีนางนั้นถอนหายใจพลางเอ่ย

แต่นางไม่เผยใบหน้าออกมา

เงาของนางยังคงปรากฏอยู่บนกระดาษที่ปิดหน้าต่างนั่น

“นอกจากมองแล้ว ยังต้องทำอะไรอีก”

จิ้นเผิงถาม

“หากนางมีหน้าอกที่เต่งตึงกว่าข้า มีเอวที่บางกว่าข้า หน้าตาที่ดูดีกว่าข้า ข้าก็จะทำลายทุกอย่างเหล่านั้น!”

สตรีผู้นั้นเผยความโหดร้ายออกมาทันที

จิ้นเผิงตอบกลับไป

“ทำไมล่ะ ข้ายังไม่ได้แย่ขนาดนั้นกระมัง…”

สตรีผู้นั้นพูดขึ้น

“เพราะถึงแม้ข้าจะไม่ได้เห็นเรือนกายของเจ้าอย่างละเอียด แต่จากเงาที่สะท้อนบนกระดาษหน้าต่างนี้ หน้าอกของเจ้าก็ไม่ได้เต่งตึง เอวของเจ้าก็ไม่ได้บางสักเท่าไร ส่วนหน้าตา…ข้าไม่เห็น ขอผ่านไปก่อน”

จิ้นเผิงตอบ

“แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าใบหน้าที่งดงามสามารถทดแทนทุกอย่างที่ขาดหายไปได้”

สตรีนางนั้นตอบโต้กลับ

“ข้าไม่รู้หรอก เพราะในใจของข้านั้นมียอดหญิงงามอยู่แล้ว ใบหน้าของนางไม่มีใครเทียบได้ และหน้าอกก็เต่งตึง เอวก็เพรียวบาง”

จิ้นเผิงกล่าว

“แต่เจ้าไม่เคยได้สัมผัสนางสักครั้ง ส่วนข้าอยู่เคียงข้างเจ้ามาไม่รู้กี่ปีแล้ว!”

สตรีกล่าวอย่างโกรธเคือง

จากนั้นก็ฟาดหน้าต่างจนกระจุยกระจาย

เศษไม้และกรอบหน้าต่างตกลงไปในอ่างอาบน้ำ

“ฮ่าๆ…คนอื่นใช้กลีบดอกไม้แช่น้ำ ส่วนข้าใช้เศษไม้กับกระดาษเปียก น่าสนใจไม่แพ้กัน”

จิ้นเผิงไม่ได้โกรธ

แต่กลับมองไปที่ความยุ่งเหยิงในอ่างอาบน้ำแล้วกล่าว

สุดท้ายสตรีก็เผยใบหน้าให้เห็น

ไม่เพียงเปิดเผยใบหน้า แต่นางยังพุ่งตัวผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องอาบน้ำ

จิ้นเผิงเงยหน้าขึ้นมอง

และพบว่าวันนี้นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกชุด

เสื้อคลุมไหมแขนยาวสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้สิบชนิดปักดิ้นเงินดิ้นทอง คู่กับกระโปรงสีน้ำผึ้งยาวคลุมเข่าเล็กน้อย ผ้าคลุมบางสีฟ้าอ่อนลายเมฆ

ผมสีดำเงางามปล่อยสยาย มีเพียงด้านหลังที่มวยขึ้นแปลกตาครอบด้วยมงกุฎกลีบบงกช ปักปิ่นหยกมันแพะสลักลายค้างคาวห้าตัว

แขนเรียวทั้งสองเผยออก ไร้การปกปิดใดๆ

ที่เอวผูกสายคาดเอวสีขาวไข่มุกห้อยพู่ไหม สวมรองเท้าพื้นบางลายบุปผาสีฟ้าน้ำทะเล

สตรีผู้นี้มีหน้าตาอวบอิ่ม แก้มสีชมพูใบหน้าขาวนวล งามเย้ายวนแต่ยังคงความอบอุ่น

ใบหน้ารูปแตง คิ้วเรียวงาม ดวงตาเจิดจรัส ดูเหมือนอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริง นางกลับอายุสามสิบห้าปีแล้ว

ความร่าเริงและความไร้เดียงสาของหญิงสาว รวมถึงเสน่ห์แห่งความเป็นผู้ใหญ่ของสตรีเจนวัย ล้วนปรากฏอยู่ในตัวนาง

นางก้มตัวลงเก็บเศษไม้และเศษกระดาษที่อยู่ในอ่างอาบน้ำของจิ้นเผิงออกไปทั้งหมด

จากนั้นก็โยนถุงหอมสีรากบัว ปักด้วยเส้นไหมเงินลายดอกบัวลงไปในน้ำ

“เช่นนี้พอใจหรือไม่”

สตรีเอ่ยถาม

จิ้นเผิงยื่นมือโผล่จากน้ำ หยิบถุงหอมขึ้นมาเล่น

“ของดีเช่นนี้ ให้ข้าใช้แช่น้ำ เกรงว่าจะน่าเสียดายเกินไป…”

จิ้นเผิงกล่าว

“คนงามอย่างข้า กลับต้องมารับใช้เจ้าแช่น้ำ ยิ่งจะไม่น่าเสียดายกว่าหรือ”

สตรีพูดขึ้น

นางจ้องมองเรือนกายของจิ้นเผิงอยู่เนิ่นนาน ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

“เจ้าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!”

นางหันหลังกลับไปแล้วพูด

จิ้นเผิงเอ่ยพลางหัวเราะ

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็แนะนำให้เจ้ารีบใส่เสื้อผ้าเสีย”

สตรีเอ่ย

“ข้ายังแช่ไม่พอ เหตุใดข้าต้องใส่เสื้อผ้าด้วยเล่า”

จิ้นเผิงเอ่ยถาม

“เพราะเจ้าจะไม่สามารถแช่น้ำอย่างสงบได้อีกต่อไปแล้ว”

สตรีตอบกลับ

“ไม่สงบนั่นแหละดี…ถ้าสงบจะไม่น่าเบื่อเกินไปหรือ”

จิ้นเผิงไม่สนใจคำพูดของสตรี

นางหันกลับมาอีกครั้ง หยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งขึ้นมา แล้วโยนมันลงอ่างอาบน้ำ

กล่องไม้ปิดไม่สนิทนัก

หลังจากที่โยนลงน้ำ มันก็ลอยขึ้นมาช้าๆ

มีสีแดงคล้ายกับสีเลือดซึมออกมาจากขอบกล่อง

“นี่มันอะไรกัน?!”

จิ้นเผิงตกใจอย่างยิ่ง

เขารีบกระโดดออกจากอ่างอาบน้ำทันที

ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขาก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

สตรีผู้นั้นยืนมองอยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะเยาะเย้ย

“ดูสิ เจ้าใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ”

จิ้นเผิงไม่ได้พูดอะไร

เมื่อเปิดออกดู เขาพบว่าภายในมีนิ้วโป้งสิบนิ้ววางอยู่

แต่ละนิ้วพันด้วยเชือก

“ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าเหตุใดข้าถึงให้เจ้าใส่เสื้อผ้า”

สตรีเอ่ยถาม

“ยังคงไม่เข้าใจ”

จิ้นเผิงส่ายหัว

ค่อยๆ ปิดฝากล่องไม้นั้นลง

“ในนี้มีสิบนิ้วมือ ย่อมเป็นของคนสิบคน อย่างน้อยก็มีสักสองสามนิ้วที่เจ้าคุ้นเคยกับเจ้าของมันอย่างยิ่ง ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดแปดนิ้ว ก็เป็นแขกที่เจ้าเชิญมาในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้”

สตรีเอ่ย

“แม้จะมีคนคุ้นเคยแค่ไหน ข้าก็ไม่ถึงขนาดที่จะมองนิ้วโป้งครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นของใครได้”

จิ้นเผิงตอบ

“ก็จริง แต่พวกเขาต่างนิ้วโป้งหาย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะใช้ตะเกียบไม่ได้ และไม่สามารถถือจอกสุราได้”

สตรีเอ่ย

“แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะเป็นความจริง นั่นก็เป็นเพียงมือข้างเดียวเท่านั้น หากพวกเขาต้องการ พวกเขาก็สามารถใช้มืออีกข้างได้”

จิ้นเผิงตอบ

“เจ้าไม่ห่วงสหายที่เจ้าเชิญมาเลยหรือ”

สตรีรู้สึกโกรธเคือง

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจพวกเขา แต่ข้าไม่เชื่อเจ้า”

จิ้นเผิงถอนหายใจแล้วพูด

“อีกอย่าง ข้าเชื่อว่าหลังจากที่ข้าออกจากเมืองหลวง ข้าไม่ได้ผูกศัตรูกับใคร”

จิ้นเผิงคืนกล่องไม้ให้สตรีนางนั้นแล้วพูดต่อ

“ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า!”

สตรีจับกล่องไม้ขว้างลงพื้นอย่างแรง

นิ้วมือสิบนิ้วในกล่องกระเด็นกระจายไปทั่ว

“เพราะเจ้าหลอกข้าหลายหนแล้ว!”

จิ้นเผิงพูด

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบนิ้วมือที่กระจายอยู่ทีละนิ้ววางกลับเข้าไปในกล่องไม้อย่างระมัดระวัง

จากนั้นเขาก็หยิบกระบวยขึ้นมาเริ่มตักน้ำ ล้างทำความสะอาดห้องอาบน้ำทั้งหมด

ราวกับสตรีไม่มีตัวตน

แต่สตรีผู้นั้นกลับกัดฟันกรอดไม่ยอมลดละ

นางเตะกล่องไม้จนล้มคว่ำอีกครั้ง

ในขณะที่มือของนางก็ปล่อยแสงระยิบระยับสิบสาย

อาวุธลับที่คล้ายหนามแหลมสิบอันถูกปล่อยออกมาจากมือ

และนิ้วมือทั้งสิบนั้นถูกตรึงเข้ากับผนังห้องอาบน้ำอย่างเป็นระเบียบ

จากนั้นนางก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างที่นางเข้ามา

………………………………………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท