บทที่ 361 เทพในดวงจันทร์!
ณ ความสูงสามพันจั้งบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ มีรูปสักการะที่พิเศษอยู่รูปหนึ่ง
ลักษณะของมันเป็นร่างเงาหนึ่งกำลังปิดป้องใบหน้า นั่งอยู่บนดวงจันทร์
มีคนรู้ไม่เรื่องนี้มากนัก แต่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร เพียงแต่รูปสักการะนี้เป็นตัวแทนสิ่งต้องห้าม ดังนั้นคนที่รู้เรื่องนี้จึงพยายามเลี่ยง ไม่พูดถึงมันมากนัก
หลังจากผู้ครองกระบี่ควบคุมเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็เคยค้นคว้ารูปสักการะนี้โดยเฉพาะ มันบรรยายถึงดวงจันทร์ดวงหนึ่งในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีขนาดใหญ่ จึงไม่ได้มีดวงจันทร์เพียงดวงเดียว และไม่ได้มีดวงตะวันแค่ดวงเดียวเช่นกัน
ตั้งแต่โบราณกาล จำนวนของดวงจันทร์และพระอาทิตย์ก็ไม่ได้คงที่ แต่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งก่อนหน้าที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาถึง ก็มีดวงตะวันถึงสามสิบเจ็ดดวง ดวงจันทร์อีกสามสิบเจ็ดดวง
พวกมันกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ขณะที่สาดส่องสะท้อนกัน ทุกๆ ช่วงหลายพันปีก็จะเคลื่อนตัวเล็กน้อย ทำให้แสงที่สาดส่องลงมามีอาณาเขตกว้างขึ้น
ต่อให้เป็นเช่นนี้ แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็ยังมีอาณาเขตอีกมากมาย ที่ไม่พบกับแสงตะวันเลยตลอดทั้งปี
มีชนเผ่าที่มักอาศัยอยู่แต่ในความมืดชั่วชีวิต และทางกลับกันก็มีชนเผ่าที่นานปีแล้วไม่เคยพบกับความมืดเลย
และการมาถึงของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าทำให้ดวงตะวันและดวงจันทร์ร่วงหล่นลงมาก่อนเป็นลำดับแรก
แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ปัจจุบันนี้ เหลือดวงตะวันอยู่เพียงสิบเจ็ดดวง ดวงจันทร์ยิ่งน้อยกว่า เหลืออยู่แค่สิบสองดวงเท่านั้น
รูปสักการะ ณ ความสูงสามพันจั้งของเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ บรรยายหนึ่งสิบสองดวงจันทร์ที่ยังเหลืออยู่เอาไว้
จากการค้นคว้า รูปสักการะนี้ก่อตัวขึ้นจากผู้บำเพ็ญแผ่นดินเทวะคนหนึ่งตายไป และยืนยันได้ว่าดวงจันทร์ที่สลักรูปสักการะเกี่ยวข้องกับผู้บำเพ็ญแผ่นดินเทวะคนนี้อย่างลึกซึ้ง
ขณะเดียวกันในบันทึกของโถงครองกระบี่ จากข้อมูลดินแดนเมืองหลวงทางนั้นส่งมา อันที่จริงหลายปีมานี้เผ่าต่างๆ กำลังสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ…ดวงตะวันสิบเจ็ดดวงและดวงจันทร์สิบสองดวงของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในปัจจุบัน บางที…อาจมีเทพเจ้าหลับไหลอยู่ก็เป็นได้
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป เผ่าต่างๆ ไม่ได้มีหลักฐานที่แท้จริง มีเพียงร่องรอยเบาะแส จึงทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น
ทว่ามีเรื่องหนึ่ง ที่เผ่าต่างๆ ยืนยันผ่านวิธีการพิเศษมาแล้ว นั่นก็คือ…ในแผ่นดินเทวะ มีเทพเจ้าอยู่อย่างแน่นอน
แผ่นดินเทวะสำหรับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เต็มไปด้วยความลี้ลับ เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้จัก และเต็มไปด้วยความน่ากลัว
สถานที่ที่แผ่นดินเทวะตั้งอยู่ ระดับสูงของเผ่าต่างๆ ล้วนรู้กันดี เพราะแผ่นดินเทวะนั้นมั่นคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขาก็เข้าไปได้ยากมาก
พอเข้าใกล้ก็จะสั่นสะท้าน หากฝืนบุกเข้าไป จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
และหลายปีมานี้ บางครั้งแผ่นดินเทวะก็มีตัวตนประหลาดออกมา ทว่าจำนวนน้อยมาก จนถึงปัจจุบันบันทึกทั้งหมดที่เผ่าต่างๆ บันทึกไว้ก็เป็นแค่คำบอกเล่า และคำที่ใช้กันบ่อยที่สุดนั่นคือบุตรเทวะ
อักขระรูปนั้น โถงครองกระบี่จึงให้ความสนใจอย่างมาก
แม้ว่ามันจะเป็นแค่สิ่งที่แปรมาจากจิตอาฆาตก็ตาม แต่สำหรับโถงครองกระบี่แล้ว ถือว่าได้ประโยชน์มากเช่นกัน ที่น่าเสียดายที่อักขระนี้ไม่ได้ถูกกระตุ้นทุกครั้ง
และปัจจุบัน มันก็ถูกกระตุ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกกระตุ้นถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือในทะเลความรู้สึกของนายกอง ส่วนอีกครั้งคือในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่รู้สถานการณ์ของนายกอง แต่ในทะเลความรู้สึกเขาตอนนี้เห็นร่างวิญญาณเด็กหนุ่มร่างหนึ่ง
วิญญาณเด็กหนุ่มเลือนรางมาก ราวกับจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ แต่ยังคงเห็นความหล่อเหลารวมถึงความสูงส่งที่เหมือนมีมาแต่กำเนิด
ความหล่อเหลาและความสูงส่งนี้ไร้ที่ติ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนฝัน ดั่งได้พบกับความน่าอัศจรรย์
ร่างของเขายังมีตราประทับสีแดงวาดไว้นับไม่ถ้วน กลางหน้าผากมีรูปสัญลักษณ์ดวงจันทร์อยู่
หลังจากปรากฏตัวขึ้นในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง สีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาว่างเปล่า โค้งคำนับไปด้านนอกวังสวรรค์ช้าๆ ส่งเสียงภาษาที่สวี่ชิงไม่เคยได้ยินออกมา แต่กลับสัมผัสได้ถึงความนัย
“บุหลันเรืองรองนายแห่งข้า โปรดชี้นำต้องประสงค์ สรรพชีวิตทุกข์ระทม มั่นคงในแดนสุขาวดี”
รูปสัญลักษณ์ดวงจันทร์ที่หน้าผากก็เปล่งแสงสีแดงจ้าออกมาพร้อมกับเสียงก้องของเขาฉับพลัน สว่างวาบไปรอบทิศ พริบตาต่อมา สวี่ชิงก็เห็นว่าด้านหลังชายหนุ่มคนนี้มีดวงจันทร์ดวงหนึ่งลอยขึ้นมา
ดวงจันทร์สีแดง
ดวงจันทร์ดวงนี้ปรากฏขึ้นในทะเลความรู้สึกของเขา ขณะที่สะท้อนทะเลความรู้สึกทั้งผืนจนเป็นสีแดง ก็ยังมีไอพลังประหลาดนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาอย่างรวดเร็วจากดวงจันทร์ดวงนี้ หลั่งทะลักเข้ามาในพริบตา แผ่ไปทั่วสารทิศ รุกรานไปทั่วร่างสวี่ชิง
สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน
นอกจากนี้ เขายังเห็นเงาอีกร่างหนึ่งบนดวงจันทร์ด้วย
ร่างเงานี้น่าจะเป็นหญิงสาว ผมยาวมาก นางนั่งอยู่บนดวงจันทร์ สองมือปิดป้องใบหน้า ไม่ขยับเขยื้อน
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงมองไป แรงกดดันที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งก็แผ่ออกมาดวงจันทร์ ทะเลความรู้สึกสวี่ชิงสั่นสะเทือน จิตวิญญาณสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกอย่างก็เลือนรางขึ้นมา ยิ่งมีเสียงพึมพำทุ้มต่ำฟังความนัยไม่ออกดังก้องทั่วสารทิศ ราวกับว่าสรรพชีวิตกำลังเอื้อนเอ่ย กลายเป็นการโจมตีที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทำให้จิตวิญญาณของสวี่ชิงราวกับจะแหลกสลาย
แรงกดดันที่ปรากฏขึ้นนี้ สิ่งประหลาดรอบด้านก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น ไอพลังประหลาดแผ่ซ่านจากวังสวรรค์ของสวี่ชิงในจิตวิญญาณของสวี่ชิง ร่างกายรวมถึงทะเลวิญญาณกระทั่งช่องเวทอย่างรวดเร็ว
ราวกับร่างของเขากลายเป็นโลกอีกใบ และดวงจันทร์กลายเป็นเสี้ยวหน้าเทพเจ้าของโลกใบนี้ เวลานี้เทพเจ้าลืมตาขึ้น สรรพสิ่งเหมือนตื่นจากจำศีล ล้วนแปรเปลี่ยนไปโดยมีมันเป็นต้นกำเนิด
ขณะเดียวกัน จิตเทพที่แข็งแกร่งวูบหนึ่งปะทุออกมาจากดวงจันทร์ สะกดจิตวิญญาณของสวี่ชิง คิดจะทำให้เขาค้อมคำนับศิโรราบ
“เคารพข้าเป็นนาย หากเจ้าหมายนิจนิรันดร์ มายังผืนเทวะแห่งข้า จักนำพาแดนสุขาวดี”
ร่างเงาที่แปรมาจากจิตวิญญาณของสวี่ชิงสั่นสะท้านและถูกฉีกทึ้งอยู่ภายใต้จิตเทพนี้ ความเจ็บปวดเหลือแสนแล่นไปทั่วร่าง จิตเทพที่จะทำให้เขาต้องคุกเข่าศิโรราบเวลานี้ระเบิดออกไปทั่วทุกด้าน
แต่สวี่ชิงกลับหัวเราะ ระเบิดเจตนาสังหาร
“ข้าไม่ต้องการชีวิตนิรันทร์ที่ผู้อื่นให้!
“ส่วนแผ่นดินเทวะนั่น…ที่ที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามองไปสามครั้งก็คือแผ่นดินเทวะ เช่นนั้นคนที่ยังไม่ตายหลังองค์ท่านมองไปสามครั้งคือสิ่งใดกัน ข้าอยากจะรู้นัก
“ดังนั้น เจ้ามันไม่คู่ควรให้ข้าเคารพ!”
ดวงตาสวี่ชิงมีแสงหม่นพาดผ่าน ต่อต้านสุดกำลัง เงาวิหคทองพลันก่อตัวขึ้นในทะเลความรู้สึกของเขา ขณะที่แผดเสียงคำรามก็เกิดแสงเจิดจ้ารับหมื่นจั้ง เขาจักรพรรดิภูตก็สั่นไหว กลายเป็นพลังสกด
พริบตา พระจันทร์รวมถึงร่างเงาบนนั้นก็ระเบิดจิตเทพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา ก่อกำเนิดไอพลังประหลาดมากกว่าเดิม คิดจะจู่โจมสวี่ชิงหนักข้อขึ้น
หลังจากสัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ สวี่ชิงก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“นอกจากนี้ ไอพลังประหลาด…ข้าเองก็มี!”
เมื่อสวี่ชิงพูดออกไป ทันใดนั้นลูกกลอนพิษต้องห้ามในวังสวรรค์วังที่สามของเขาก็ปะทุขึ้นฉับพลัน สีดำไร้ที่สิ้นสุดแผ่ซ่านออกไป พิษทั้งหมดในนั้นหลั่งทะลักออกมา ซ่านกำจายไปทั้งทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง
จู่โจมดวงจันทร์กลับไป!
ในระหว่างนี้ ไอพลังประหลาดของสวี่ชิง ลุกลามทะเลความรู้สึกของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จู่โจมดวงจันทร์กลับไปอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้สีของขอบดวงจันทร์เปลี่ยนแปลง ในสีแดงมีสีดำผสม จนกลายเป็นสีม่วงเลาๆ
โถงครองกระบี่ค้นคว้ารูปสักการะมานานหลายปี พวกเคยเห็นภาพเดียวกับสวี่ชิง หลังจากจักรพรรดิภูตสังหารเด็กหนุ่มคนนั้นก็กลายเป็นร่างวิญญาณปราณอาฆาต ไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่มีความทรงจำมากมายอะไร เหลือสัญชาตญาณอยู่แค่วูบหนึ่งเท่านั้น
เขาสามารถสำแดงดวงจันทร์สีแดงออกมาได้ตามสัญชาตญาณ ก่อพลังที่เหมือนกับเทพเจ้า สะกดทุกสรรพสิ่ง
เพียงแต่พลังเทพเจ้านี้เป็นกลลวง โถงครองกระบี่วิเคราะห์แล้วน่าจะเป็นภาพความทรงจำของเด็กหนุ่มแผ่นดินเทวะคนนั้นจำแลงออกมา
ราวกับดวงจันทร์ที่สะท้อนบนผืนน้ำ ไม่อาจเปรียบกับพลังแห่งเทพเจ้าที่แท้จริงได้
ดังนั้นผู้แข็งแกร่งของโถงครองกระบี่จึงสามารถสะกดเขาไว้ได้ และหลังจากมีผู้บำเพ็ญมาพบเข้า ต่อให้พ่ายแพ้ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก อย่างมากก็แค่จิตเทพอ่อนแอลง ไม่ได้มีความเสี่ยงอย่างการถูกสิงสู่
แม้จะมีไอพลังประหลาดอยู่ แต่ก็จะถูกกำจจัดออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ได้เข้มข้นนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาพมายา
ทว่าวันนี้ ทั้งหมดเปลี่ยนไปแล้ว
สวี่ชิงจู่โจมด้วยไอพลังประหลาดกลับไป!
การจู่โจม คือวิธีการสำแดงไอพลังประหลาด เหมือนกับการมาถึงของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ที่กลิ่นอายของเขาจู่โจมสรรพชีวิต ไม่ว่าจะมายาหรือว่าจริงแท้ ก็ถูกมันจู่โจมทั้งสิ้น
ส่วนการจู่โจมระหว่างไอพลังประหลาดด้วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญปัจจุบันจะล่วงรู้ได้
แสงจันทร์สีแดงในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงเวลานี้สั่นคลอนเป็นครั้งแรก และระหว่างที่สั่นคลอนนี้ เสียงลมหายใจที่เหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล มาจากความว่างเปล่าไร้ขอบเขต และเหมือนมาจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาเสียงหนึ่ง ก็ดังมาจากดวงจันทร์สีแดงนี้ฉับพลัน
ไม่มีคำพูดที่เฉพาะเจาะจง มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น
และในพริบตาที่ดังขึ้น ในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงมีเสียงครืนครันดังโถมฟ้า ภายในร่างกาย สวี่ชิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง จิตวิญญาณเจ็บปวดรุนแรง ราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
วังสวรรค์ของเขาก็ครืนครัน รอยแตกหลายรอยปรากฏขึ้นในพริบตา เหมือนจะพังถล่ม
ทะเลความรู้สึกของเขาก็เช่นกัน สั่นคลอนอย่างรุนแรง ร่างกายของเขา อวัยวะภายในทั้งหมดเริ่มแหลกเละ เขาจักรพรรดิภูตก็กำลังครืนครัน วิหคทองแผดเสียงร้องแหลม
สุดท้ายทั้งหมดทั้งมวล ทำให้สวี่ชิง ณ ความสูงสามพันจั้งบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะกระอักเลือดกองใหญ่ ร่างทั้งร่างก็เช่นกัน หมอกเลือดฟุ้งทะลักออกมาจากรูขุมขนของเขา
ทั่วร่างสวี่ชิงเจ็บปวดรุนแรงถึงขีดสุด ทะเลความรู้สึกก็มีวี่แววเหือดหาย เวลานี้เบื้องหน้ามืดดับ ร่างกายไม่อาจยืนอย่างมั่นคงบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะอีกแล้ว
จึงร่วงลงมาท่ามกลางสายตาจับจ้องของกลุ่มคนเบื้องล่าง
พริบตาที่เสียงฮือฮาดังสนั่น เงาสีเลือดร่างหนึ่งก็ทะยานหวีดวิวขึ้นจากพื้นดิน เข้าประชิดอย่างรวดเร็ว คว้าตัวสวี่ชิงไว้
ร่างเงานี้คือเสี่ยเลี่ยนจื่อนั่นเอง
หลังจากรับตัวสวี่ชิง สีหน้าก็เคร่งขรึม รีบล้วงเอายาลูกกลอนสีทองเม็ดหนึ่งออกมา ยัดเข้าไปในปากสวี่ชิง
กำลังจะสังเกตการณ์ แต่พริบตาต่อมาก็มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากความสูงสามพันจั้งบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ
ร่างของนายกองร่วงลงมาเช่นกัน มีเลือดสดหลั่งรินจากปาก ทั่วร่างมีหมอกเลือดคละคลุ้ง
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือท่อนล่างของเขาระเบิดตั้งแต่ช่วงท้อง เหมือนกับกินอะไรที่ไม่ควรกินเข้าไป
เสี่ยเลี่ยนจื่อตาแข็งค้าง หลังจากคว้าตัวเอาไว้ เขาก็มองทั้งสองคนที่โอบอยู่ซ้ายขวา พูดอะไรไม่ออก
ส่วนสวี่ชิงเวลานี้ เขาตื่นขึ้นมาหลังจากกินยาลูกกลอนสีทองเม็ดนั้นไป แม้ร่างกายจะอ่อนแอมาก ทะเลความรู้สึกจะเหือดแห้งเป็นหย่อมๆ แต่เขาเห็นสิ่งสิ่งหนึ่งที่เพิ่มมาในทะเลความรู้สึก หายใจหอบถี่ในพริบตา ดวงตาเผยประกายแสงรุนแรง
นั่นเป็นพระจันทร์สีม่วงที่เล็กมากๆ ดวงหนึ่ง
แม้ว่ามันจะเล็ก แต่กลับมีพลังที่สั่นสะเทือนจิตวิญญาณแฝงอยู่!
หลังจากสวี่ชิงสัมผัส จิตวิญญาณก็สั่นสะท้าน ดวงตาเผยประกายประหลาด ส่วนนายกองข้างๆ เวลานี้ก็ลืมตา ดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกัน สถานที่ที่ห่างไกลจากมณฑลรับเสด็จราชันบนแดนตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่เผ่ามนุษย์แทบไม่ย่างกรายเข้าไป กลางท้องฟ้าราตรีมีแสงประกายสีแดงเจิดจ้า
เนื่องจากดวงตะวันที่อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดสาดส่องไม่ถึง ดังนั้นดินแดนผืนนี้จึงมืดมิดตลอดปี
บนท้องฟ้านอกจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า จึงมีเพียงพระจันทร์สีแดงดวงหนึ่ง
จู่ๆ แสงประกายสีแดงของพระจันทร์ประหลาดก็ส่องสว่าง สาดสะท้อนพื้นดินชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็น…โครงกระดูกที่กองอยู่เต็มพื้น
โครงกระดูกแห้งๆ จำนวนนับไม่ถ้วน กองกระจัดกระจายอยู่ทั่วดินแดนที่อาณาเขตกว้างใหญ่ผืนนี้ มากมายมหาศาล เผ่าแล้วเผ่าเล่า กองแล้วกองเล่า ถ้าหากขุดลงไป บางทีใต้ดินลึกๆ อาจยังมีมากยิ่งกว่า
ต่างเผ่าเหล่านี้ไม่รู้ว่าตายไปนานเพียงใด อาจจะพันปี หรืออาจจะยาวนานกว่านั้น อีกทั้งโครงกระดูกทุกร่างใช้มือทั้งสองปิดป้องหน้าตนเองไว้ทั้งสิ้นก่อนตาย
และในดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้า เวลานี้ก็ส่งเสียงพึมพำคลุมเครือออกมา
“ลมหายใจเทพหายไปสองสาย ทว่าหายไปก็ยังชดเชยได้ หลายปีที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่ควรจะตื่นขึ้นมาด้วยเหตุนี้
“ไม่สิ มีผู้…ช่วงชิงพลังต้นกำเนิดเทพของข้าไปสายหนึ่งหรือ”
“ผู้ใดกัน”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ไอพลังประหลาดบนแผ่นดินก็ปะทุขึ้นฉับพลัน บิดเบี้ยวไปหมด