ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 529 เล่าไปตามเนื้อผ้า

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 529 เล่าไปตามเนื้อผ้า

ตอนที่ 529 เล่าไปตามเนื้อผ้า

เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่รีบร้อนจะกลับไป เฉาเจิ้งหนานและถูเฉิงเสียงก็ไม่ขัด จากนั้นทุกคนก็กลับไปในวันรุ่งขึ้น

เหลยหยวนทราบแล้วก็หันมองทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ย “พวกนายไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก พักฟื้นให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็เปิดปากเอ่ย “ผบ.เหลยครับ ผมอยากรีบกลับไปหาคนที่บ้านครับ”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่บอกว่าจะกลับบ้าน เหลยหยวนจึงไม่พูดอะไรมากนัก ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ ในเมื่อพวกนายตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับเถอะ”

แม้คนพวกนี้จะทำผิดพลาด แต่เขาก็ยังชื่นชมพวกเขามาก จึงตบบ่าแล้วพูดกับพวกเขาว่า “กลับไปพักผ่อนให้ดีนะ พวกนายสามคนทำได้ดีเลย”

แต่เมื่อพูดถึงถูเฉิงเสียง เขาก็จ้องมองนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “เฉิงเสียง นายยังต้องใจเย็นกว่านี้อีกหน่อย อย่าหุนหันพลันแล่น เดี๋ยวฉันจะไปบอกอาของนาย”

ถูเฉิงเสียงพยักหน้าก่อนจะตอบรับ “ครับ”

เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ออกจากมณฑลกว่างซีในวันรุ่งขึ้น

ฉินมู่หลานยังไม่ทราบว่าเซี่ยจ๋อหลี่กลับมาแล้ว เธอคิดเอาไว้ว่าหากไม่ได้ข่าวคราวของเขาในสองวันแล้วจะลองไปถามที่ฐานทัพ เหยาจิ้งจือทราบเรื่องนี้จึงบอกกล่าวทันที “มู่หลาน เธอไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เดี๋ยวอีกสองวันพวกเราค่อยไปถาม”

แต่หลังจากผ่านไปสองวัน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาเองแล้ว

“อาหลี่ ในที่สุดแกก็กลับมาสักที ฉันกำลังจะออกไปถามข่าวแกอยู่พอดีเลย แกบอกเอาไว้ว่าจะกลับมาในหนึ่งเดือน แต่นี่ฉันรอตั้งหนึ่งเดือนครึ่งกว่าแกจะกลับมา”

เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายคนเล็กกลับมาก็ดีใจมาก ก่อนจะจับเขามาถามเรื่องอาการบาดเจ็บ แต่ไม่นานก็ผลักลูกชายคนเล็ก แล้วกล่าวว่า “มู่หลานยังไม่ได้ออกไปข้างนอก อยู่ที่ห้องกินข้าว แกรีบไปหาเลย ช่วงนี้หล่อนกำลังเป็นห่วงแก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบพยักหน้า “แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอไปหามู่หลานก่อนนะ”

“ได้”

เหยาจิ้งจือตอบรับ แล้วตามลูกชายคนเล็กไปทางหน้าบ้านด้วยกัน

ในห้องรับประทานอาหาร มู่หลานและเด็กทั้งสองกำลังกินอาหารเช้าด้วยกัน เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เข้ามา ทุกคนก็มีสีหน้าแปลกใจ

“อาหลี่…”

“ปะป๊า…”

ฉินมู่หลานและเด็กทั้งสองต่างหันไปมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เซี่ยเจ๋อหลี่เดินตรงไปหาฉินมู่หลาน พลางจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้งก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ผมกลับมาแล้ว”

“กลับมาก็ดีแล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานกังวลมาสักระยะหนึ่งแล้ว กลัวว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะได้รับบาดเจ็บขณะที่อยู่ข้างนอก แต่เมื่อตอนนี้เห็นคนกลับมาแล้ว เธอจึงโล่งใจได้ในที่สุด

เด็กทั้งสองดูเหมือนว่าจะไม่ได้เจอพ่อของพวกเขามานานแล้ว จึงรีบเข้าไปสวมกอดขาของเขาคนละข้างทันที

เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มแล้วอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย “พวกลูกอยู่ที่บ้านเป็นเด็กดีกันไหม”

“เป็น~~”

เด็กทั้งสองตอบกลับเสียงเจื้อยแจ้ว จนเซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังละลาย

เหยาจิ้งจือเห็นภาพความอบอุ่นของครอบครัวทั้งสี่คนแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า จากนั้นจึงหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นฉันไปโรงงานก่อนนะ กินเสร็จก็ไปมหาวิทยาลัยนะ”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม หลังจากเหยาจิ้งจือออกไป ก็รีบหันไปมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยเจ๋อหลี่ “ออกไปทำภารกิจครั้งนี้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าคะ?”

เธอคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะปกปิดเหมือนครั้งก่อน จึงเอ่ยถามด้วยความเป้นกังวลใจ เพราะครั้งนี้เขากลับมาช้าเกินกว่าที่บอกเอาไว้

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง ก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “บาดเจ็บนิดหน่อย คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก และมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจด้วย”

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม เขาไม่ได้บอก

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้ถามมาก ถามเพียงแค่ว่า “กินข้าวหรือยัง จะกินก่อนแล้วค่อยไปนอนพักไหมคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เหนื่อยมากจริง ๆ เพราะเดินทางมาไม่ได้พักผ่อนเลย หลังจากที่เขากลับไปส่งภารกิจแล้วก็ลาหยุดกลับบ้านครึ่งวัน ด้วยความกลัวว่ามู่หลานและคนอื่น ๆ จะเป็นห่วง “งั้นผมกินนิดหน่อยแล้วค่อยไปนอนพัก ช่วงบ่ายผมจะกลับแล้ว”

ฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้มีเวลาอยู่ที่บ้านมากนัก วันนี้จึงตัดสินใจขอลาหนึ่งวัน

“ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณรีบไปกินเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะฝากเคอวั่งไปบอกปิงหรุ่ย ให้หล่อนลาหยุดให้ฉัน”

“ได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่กินเสร็จก็เล่นกับลูกทั้งสองสักพักก่อนจะหลับไป ส่วนฉินมู่หลานเข้าครัวเพื่อต้มยา ว่าจะให้เซี่ยเจ๋อหลี่ดื่มหลังจากที่เขาตื่น

ช่วงนี้เซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อค่อนข้างว่าง เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่หลับไปอย่างเหนื่อยล้า อีกทั้งฉินมุ่หลานยังยุ่งอยู่ในครัว จึงรีบเปิดปากเอ่ยทันที “มู่หลาน เดี๋ยวพวกเราพาเด็ก ๆ สองคนไปเล่นข้างนอกสักพัก ลูกกับอาหลี่จะได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านกัน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ค่ะ”

ฉินมู่หลานยุ่งอยู่ในครัวเสร็จแล้วก็กลับไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขายังหลับอยู่ เธอจึงเดินย่องเบาๆ ไปที่ขอบเตียง หลังจากนั้นก็ตรวจชีพจรให้เขา เมื่อพบว่าเขาสบายดีจึงรู้สึกโล่งใจ

อันที่จริงเซี่ยเจ๋อหลี่ตื่นตั้งแต่ตอนที่ฉินมู่หลานเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นว่าเธอกำลังแอบตรวจชีพจรของตัวเอง จึงหลับตาต่อไปเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน จนกระทั่งเธอกำลังจะออกไป เขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้

“คุณตื่นแล้วเหรอคะ ฉันทำให้คุณตื่นหรือเปล่า”

เซี่ยเจ๋อหลี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกล่าวพร้อมส่ายหัว “ไม่เลย ตอนแรกผมว่าจะตื่นแล้ว อีกสักพักเดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เหนื่อยมาก อีกทั้งยังต้องรีบกลับ ฉินมู่หลานก็อดทุกข์ใจไม่ได้

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแบบนี้ก็บอกกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมมีวันหยุดแล้วจะรีบกลับมาหา และผมจะพักผ่อนอย่างดีตอนกลับไป”

“อืม”

ฉินมู่หลานพยักหน้า หลังจากนั้นก็ให้เขาไปที่ห้องทานอาหาร “ฉันต้มยาเอาไว้แล้ว คุณดื่มก่อนเถอะค่ะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าตกลง หลังจากดื่มเสร็จเขาก็ใกล้จะกลับแล้ว “มู่หลาน เดี๋ยวผมว่างแล้วจะกลับมาบ้านนะ”

“ได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่ใช้เวลาเดินทางกลับมาบ้าน ไม่นานก็ต้องกลับฐานทัพ แต่เมื่อเขากลับมาถึง เฉาเจิ้งหนานก็รีบเดินเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบ “ผู้กองเซี่ย คุณรู้เรื่องหรือยังครับ ถูเฉิงเสียงโดนลงโทษสาหัสมาก ตอนนี้กำลังกลับไปเก็บของที่บ้าน”

“เก็บของเหรอ?”

เฉาเจิ้งหนานพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ ผบ.ถูพิจารณาแล้วว่าจะให้เขาลาหยุดหนึ่งเดือนกลับไปที่บ้าน เห็นได้ชัดเลยว่าเขาโดนพักงาน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักก็หันหลังแล้วเดินไป

“อ๊ะ…ผู้กองเซี่ย คุณจะไปหา ผบ.ถูเหรอ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไปหาถูไคหัว หลังจากได้เจอแล้ว ก็กล่าวตามตรง “ผบ.ถูครับ ผมเพิ่งกลับมา ได้ยินว่ารองหัวหน้าทีมของเราโดนสั่งพักงาน ก็เลยอยากมาสอบถามเพิ่มเติม”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูไคหัวก็เหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงกล่าวว่า “นายมาก็ดีแล้ว ฉันกำลังจะคุยกับนายเรื่องนี้อยู่พอดี ครั้งนี้พวกนายทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงดี แต่หลังจากนั้นถูเฉิงเสียงก็ได้ออกไปทำอย่างนั้นโดยพลการ นั่นไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว ครั้งนี้ผมจึงสั่งพักงานเขา เพื่อให้เขาได้ไต่ตรอง”

“ผบ.ถูครับ อันที่จริง…พวกเราทุกคนเข้าใจความรู้สึกของรองหัวหน้าถูได้นะครับ พวกอันหนานก็ทำเกินไป สหายบางคนที่เราไปแลกเปลี่ยนตัวกลับมาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนที่อยู่ทางอันหนาน พวกเขายังต้องทนทุกข์ทรมานมาก พวกเราทุกคนเห็นว่ามันยอมรับไม่ได้ ขณะที่พวกเราดูแลพวกคนอันหนานที่ถูกจับเอาไว้อย่างดีตลอด ความแตกต่างแบบนี้ทำให้คนอื่นๆ โกรธมากครับ”

เมื่อได้ยินเซี่ยเจ๋อหลี่กล่าวแบบนี้ ถูไคหัวก็อดมองเขาไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “ไม่คิดเลยว่านายจะมาแก้ต่างให้เฉิงเสียง”

“ผมไม่ได้แก้ต่างให้เขาครับ ผมแค่เล่าไปตามเนื้อผ้า”

ถูไคหัวได้ยินแบบนี้ ก็อดหัวเราะออกมาเสียไม่ได้ “ใช่ การเล่าไปตามเนื้อผ้าเป็นเรื่องดี นายเพิ่งกลับมาก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องถูเฉิงเสียง ให้เขาได้ไตร่ตรองตัวเองสักหนึ่งเดือนก่อน รออีกหนึ่งเดือนค่อยพูดกัน”

“ครับท่านผบ. อย่างนั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปแล้ว ถูไคหัวก็ครุ่นคิด ก่อนจะไปหาถูเฉิงเสียงที่บ้าน

“อารอง…”

เมื่อเห็นสีหน้าของถูเฉิงเสียงดูมืดมน อารมณ์ของถูไคหัวที่กำลังดี ๆ ก็จางหายไปอีกครั้ง “ทำไม…ครั้งนี้โกรธเหรอ แล้วทำไมไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าครั้งนี้ไม่ได้พวกเซี่ยเจ๋อหลี่ไปช่วยแกไว้ แกคิดว่าจะกลับมาได้ไหม”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าของถูเฉิงเสียงก็ค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อย ตอนแรกเขากับเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นศัตรูกัน หลังจากนั้นก็เหมือนจะขัดแย้งกันหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลังจากทั้งสองออกไปทำภารกิจด้วยกันในครั้งนี้ มันก็ทำให้เขาได้รู้จักตัวตนของเซี่ยเจ๋อหลี่มากขึ้น

เมื่อเห็นถูเฉิงเสียงไม่พูด ถูไคหัวจึงกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้เซี่ยเจ๋อหลี่เพิ่งมาหาฉันแล้วถามเรื่องของแก แกรู้ไหม เขาพูดแก้ต่างให้แกด้วยนะ”

“อะไรนะ…”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของถูเฉิงเสียงก็เปลี่ยนไป

“เซี่ยเจ๋อหลี่พูดแก้ต่างให้ผมจริงเหรอ”

ถูไคหัวพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ฉันก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน หลังจากพูดแบบนั้นเขาก็บอกว่าแค่เล่าไปตามเนื้อผ้า เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าครั้งนี้แกจะฝ่าฝืนวินัย แต่พวกเขาก็เข้าใจแกเหมือนกัน ดูสิว่าเขาใจกว้างขนาดไหน เพราะฉะนั้นต่อไปแกอย่าไปจ้องจะจับผิดเขาอีกเลย”

“ผม…”

ถูเฉิงเสียงกำลังจะโต้แย้งกลับว่าเขาไม่ได้จ้องจะจับผิดเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้า เขาจึงไม่พูดอะไรอีก

เมื่อเห็นถูเฉิงเสียงไม่พูดแบบนี้ ถูไคหัวก็เอ่ยด้วยความโกรธ “ตอนแรกภรรยาของพวกแกเป็นฝ่ายเริ่มทะเลาะกัน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังตั้งท้องอยู่ แต่ภรรยาของแกกลับทำตัวก้าวร้าวใส่เขา ต่อไปแกต้องบอกภรรยาแกให้ระวังหน่อย”

เมื่อพูดถึงคังอันเหอ ถูไคหัวก็อดถามไม่ได้ “จริงสิ ภรรยาแกเป็นยังไงบ้าง”

“อารอง หลังจากผมกลับมาจากภารกิจครั้งก่อน อันเหอก็ย้ายไปที่โรงพยาบาลชุมชนแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไม่ได้เจอหน้ากันเลย หลังจากนั้นผมก็ออกไปทำภารกิจที่กุ้ยโจวต่อ นี่ก็เพิ่งกลับมา ไม่ได้เจอหล่อนเลย ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูไคหัวก็นึกขึ้นได้ จากนั้นก็หันมองถูเฉิงเสียงอีกครั้ง แล้วเอ่ยว่า “แกมีเวลาหยุดพักอยู่ที่บ้านตั้งหนึ่งเดือน ถ้าอยากเจอภรรยาก็เจอหน้ากันได้ทุกวัน เอาล่ะ ฉันก็จะกลับแล้ว” พูดจบก็จากไปทันที

ถูเฉิงเสียงเฝ้ามองร่างของอารองเดินจากไป ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่อารองเพิ่งพูดก่อนหน้านี้อีกครั้ง แล้วเก็บข้าวของออกไปทันที

อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานรอให้เซี่ยเจ๋อหลี่กลับไปแล้ว เธอก็เริ่มทำของว่างให้ลูกทั้งสองอีกครั้ง รอให้พวกเขากลับมา จะได้ให้พวกเขาพร้อมกิน

“มู่หลาน อาหลี่กลับฐานทัพแล้วเหรอ”

เซี่ยเหวินปิงกลับมาไม่เห็นลูกชายคนเล็ก จึงพอจะทราบว่าเขาออกไปอีกแล้ว

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ อาหลี่บอกว่าไว้มีเวลาจะกลับมาหา”

เด็กทั้งสองเห็นว่าพ่อไม่อยู่แล้ว ใบหน้าน้อยก็ดูสลดลง แต่ไม่นานมู่หลานก็นำของว่างออกมาให้ทันที พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชิงชิง เฉินเฉิน มากินขนมเร็ว”

ได้กลิ่นหอมหวาน เด็กทั้งสองจึงยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

ทุกคนกินมื้อเที่ยงอย่างง่าย ๆ ฉินมู่หลานวางแผนจะพาเด็กทั้งสองไปนอน ไม่คิดว่าเยว่เจินจูจะมาหาก่อน “มู่หลาน ฉันได้ยินว่าวันนี้เธอไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย ก็เลยตรงมาหาเธอที่นี่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจินจู เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“มีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกเธอ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ให้เด็ก ๆ ทั้งสองไปเล่นกันก่อน เด็กทั้งสองก็เชื่อฟังแล้วเดินตามคุณปู่และคุณตาไปที่ลานบ้านด้านหลัง

หลังจากเยว่เจินจูนั่งลง หล่อนก็รีบบอกฉินมู่หลานเกี่ยวกับข่าวลือที่ได้ยินมา

“มู่หลาน ครั้งล่าสุดเฉินเหวินเหวินมาถ่ายทำกับเราอีกครั้ง แต่ฉันได้ยินหล่อนพูดอะไรแปลก ๆ แค่คิดว่าเธอควรจะรู้เอาไว้”

“เรื่องอะไรเหรอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้วก็หวังจะคิดอะไรได้นะเฉิงเสียง

ข่าวลืออะไรหนอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท