รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 979 สัตว์เลี้ยงกระจอกก็คือสัตว์เลี้ยงกระจอก ไม่เข้าท่าเลยสักนิด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 979 สัตว์เลี้ยงกระจอกก็คือสัตว์เลี้ยงกระจอก ไม่เข้าท่าเลยสักนิด!

บทที่ 979 สัตว์เลี้ยงกระจอกก็คือสัตว์เลี้ยงกระจอก ไม่เข้าท่าเลยสักนิด!

หลินสีมั่นใจเหลือแสน ไม่ได้เกรงกลัวต่อหลี่จิ่วเต้าเฉกเช่นผู้อื่นที่มิกล้าบุกเข้าไปยังเมืองชิงซานที่อีกฝ่ายอาศัยอยู่

เขานั้นไม่ใช่ ไม่มีความกังวลเลยสักนิด หาญกล้าตรงไปยังเมืองชิงซานที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก และกล้าต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าในถิ่นของอีกฝ่ายเอง

เพราะเขากุมไพ่ตายสำหรับกำจัด ‘โรค’ ไว้ในมือ!

ไพ่ตายนี้คือยอดศาสตราชิ้นหนึ่งนามว่าคทาฉายชำระ มีอานุภาพระงับ ‘สำนึกแห่งโรค’ อย่างรุนแรง

ผู้เบิกทางรู้ดีว่า ‘สำนึกแห่งโรค’ นั้นทำลายได้ยาก จึงได้หลอมยอดศาสตรากำจัด ‘โรค’ จำนวนหนึ่งด้วยตนเอง คทาฉายชำระในมือเขาถือเป็นหนึ่งในยอดศาสตรานั้น

เพราะเหตุนี้เขาจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้รับสุดยอดกว่าสวีจื้อ

ในวาสนาการเปลี่ยนแปลงของสวีจื้อไร้ซึ่งยอดศาสตรากำจัด ‘โรค’ เช่นนี้

โฮก!

ในเวลานั้นเอง วิหคทองอร่ามตัวหนึ่งสยายปีก แววตาทอประกายโหดเหี้ยม หมายหัวหลินสีและสวีจื้อไว้

ร่างวิหคของมันมโหฬารยิ่งกว่าขุนเขา บดบังฟ้าดิน อ้าปากกว้างหมายจะเขมือบหลินสีและสวีจื้อในคำเดียว

มันเคยเป็นเหยี่ยวตัวหนึ่ง แต่โชคดีได้กินผลไม้พิเศษเข้าไปจำนวนหนึ่ง ทำให้สายเลือดวิวัฒนาเป็นวิหคปีกทอง

สิ่งแวดล้อมในฟ้าดินเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด ผลไม้พิเศษผุดออกมานานัปการ พร้อมด้วยอานุภาพสะท้านโลกันตร์

สวีจื้อยกระดับขอบเขตพลังได้อย่างรวดเร็วเกี่ยวข้องกับที่เขาหลอมรวมผลไม้พิเศษเช่นนี้เข้าร่างไปไม่น้อย

หลังเหยี่ยววิวัฒนาเป็นวิหคปีกทอง พลังก็เพิ่มพูนมหาศาล นับว่าแข็งแกร่งดุดันเหลือแสนในอาณาจักรนี้ มันสัมผัสได้ว่าสวีจื้อและหลินสีไม่ธรรมดา จึงหมายตาคิดกินสวีจื้อและหลินสีเข้าไป

“เป็นเพียงแมลงวันตัวน้อย ๆ ริอ่านกำเริบสืบสาน!?”

สวีจื้อแค่นเสียงเย็น นัยน์ตาทอประกายเย็นเยียบ ดูแคลนวิหคปีกทองที่ว่ามาก มองวิหคปีกทองเป็นเพียงแมลงวัน

ใช่แล้ว

สวีจื้อและหลินสีนั้นทรงพลังเพียงใด

สวีจื้ออยู่ในขอบเขตอิสระขั้นแปด ขณะที่หลินสีนั้นยิ่งลึกล้ำเกินหยั่ง แข็งแกร่งกว่าสวีจื้อตั้งหลายเท่า

“ไม่ต้องฆ่ามัน เก็บไว้เป็นสัตว์ขี่ พอดีกับที่ข้าไม่มีสัตว์ขี่ไว้ข้างกาย”

หลินสีหรี่ตาพลางกล่าว “เพียงแต่ปวกเปียกไปหน่อย ทว่าพอใช้ได้แล้ว ไว้มีเวลาเมื่อใดค่อยเปลี่ยนเป็นสัตว์ขี่ที่ดีกว่านี้”

ก่อนได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งไว้ให้ หลินสีหาได้แข็งแกร่งมากมายนัก

ยามนั้นเขาใฝ่ฝันอยากได้สัตว์ขี่องอาจทรงพลังตัวหนึ่งไว้เป็นสมุน

แม้ว่าวิหคปีกทองตัวนี้จะไม่ได้ทรงพลังเท่าใด และไม่ตรงกับสัตว์ขี่ในอุดมคติของเขา แต่มันก็ไม่ได้แย่มาก เขาตัดสินใจเก็บมันไว้เป็นสัตว์ขี่ชั่วคราว

“ได้เลยพี่สี”

สวีจื้อว่านอนสอนง่ายยิ่ง ยอมลดตัวเป็นลูกน้องเอง

เขายกมือกำราบวิหคปีกทองจนมันตกใจยกใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าสวีจื้อจะแข็งแกร่งขนาดนี้!

หลินสีเหินไปอยู่บนตัววิหคปีกทอง วิหคปีกทองไม่แม้แต่จะขัดขืน เพราะมันรู้สึกได้ว่าหลินสีน่ากลัวว่าสวีจื้อ

“ไม่ต้องรีบร้อนเดินทาง ถึงอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้น เจ้าเองก็กำราบสัตว์ขี่มาใช้งานสักตัวเถิด พวกเราค่อย ๆ เดินทางไป”

หลินสีบอกกับสวีจื้อ

“ได้!”

สวีจื้อไปจากที่นี่ เพียงไม่นานก็กลับมา

เขาเก็บพญาอินทรีย์ตัวหนึ่งมาเป็นสัตว์ขี่

สวีจื้อเข้าใจพฤติกรรมเช่นนี้ของหลินสี

หลินสีเป็นเหมือนเขา จู่ ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลัน จึงยังไม่คุ้นเคยกับฐานะ ‘ยอดฝีมือ’ ความคิดวิธีการบางอย่างยังเป็นเฉกเช่นอดีต

การเก็บวิหคปีกทองถือเป็นตัวอย่างที่อธิบายได้ดีที่สุด

หาไม่แล้ว วิหคปีกทองไฉนเลยจะเข้าตาหลินสี ถึงอย่างไรสัตว์ขี่ที่เก็บเป็นสมุนก็ต้องอยู่เหนือขอบเขตอิสระขึ้นไป

“ไปกันเถิด”

หลินสีเอ่ยปาก ขี่วิหคปีกทองมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก

สายตาของเขาทอประกายตื่นเต้นปรีดา ตื่นเต้นเพราะได้ขี่บนหลังวิหคปีกทอง เขายังไม่ได้เปลี่ยนจากตัวละครเล็ก ๆ ครั้นได้เป็นยอดฝีมือจริง ๆ ก็รู้สึกเหมือนตกถังข้าวสารในชั่วข้ามคืน

สวีจื้อนั่งพญาอินทรีย์ตามหลังไปติด ๆ

ท่ามกลางจักรวาลกว้างใหญ่ สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถแล่นเข้าสู่อาณาจักรแห่งหนึ่งแช่มช้า

พวกหลี่จิ่วเต้ามาถึงอาณาจักรที่สอง ห่างจากอาณาจักรที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลเท่าใด

อสูรทั้งเก้าลากรถมาอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแห่งหนึ่ง

หลี่จิ่วเต้าลงจากรถลาก ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ เพราะเขานั่งอยู่ในรถลากนานเกินไป

“เกิด…อันใดขึ้น?!”

สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ตกตะลึง สะท้านใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอสถานการณ์เช่นนี้!

ทว่าภาพที่น่าทึ่งยิ่งกว่าเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ม่านแสงจรดลงจากผืนฟ้า เปล่งประกายพราวระยับ พลังวิถีส่งเสียงกู่ร้อง สิ่งมีชีวิตได้รับผลประโยชน์มหาศาลกันอเนกอนันต์ พลังเพิ่มพูนกันยกใหญ่!

“ผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดมาเยือนอาณาจักรนี้กัน”

“ม่านแสงจุติ พลังวิถีต้อนรับขบวน ท่านผู้นี้เป็นใครกัน!”

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนพากันอุทาน ในใต้หล้านี้มีตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ

เวลานี้ โลกทัศน์ในใจพวกเขาถูกพลิกกลับตาลปัตร!

พวกเขาเดาไม่ผิด เป็นเพราะหลี่จิ่วเต้ามาเยือนอาณาจักรนี้ สสารระดับสูงในอาณาจักรนี้ถึงเริงร่าขึ้นมา ม่านแสงจุติ พลังวิถีออกมาต้อนรับ!

แต่กับเรื่องราวเหล่านี้ หลี่จิ่วเต้าไม่ทราบเลย

หลังเห็นม่านแสงที่สาดส่องไปทั่ว เขารู้สึกเพียงงดงามยิ่ง มองว่าอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรแสนวิเศษ

“เดินทางกันมาตั้งนาน ยังไม่ได้กินอาหารดี ๆ เลยสักมื้อ วันนี้พวกเรามาทำอาหารกินให้หนำใจกันเถอะ”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ก่อนหน้านี้พวกเขาเดินทางท่ามกลางอวกาศมาตลอด ถือเป็นเวลาไม่น้อยเลย

“ได้เลยคุณชาย พวกเราจะไปล่าเหยื่อมาให้เอง!”

“ไปกันเถิด!”

พวกอ้ายฉานอาสาสมัคร ไปจากที่นี่เพื่อล่าเหยื่อ

ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็กลับมาพร้อมจับเหยื่อมาได้ไม่น้อย

ต้าเต๋อเตรียมการทุกอย่างพร้อมไว้นานแล้ว ทั้งกองไฟและตะแกรงทำปิ้งย่าง เพราะคุณชายเอ่ยว่าจะกินเนื้อย่าง

หลังจัดการเหยื่อที่ล่ามาเรียบร้อย ก็นำไปย่างบนตะแกรง ไม่นานนักก็มีสีทองมันวาว ส่งกลิ่นหอมโชยชายเตะจมูก

หลังหลี่จิ่วเต้าโรยเครื่องปรุงปิ้งย่างที่เขาปรุงด้วยตนเอง กลิ่นหอมนั้นก็ยิ่งเย้ายวนใจเข้าไปใหญ่

บนโต๊ะข้าง ๆ ลั่วสุ่ยคอยเตรียมการอย่างอื่น ทั้งผลไม้ต่าง ๆ และเครื่องดื่ม รวมถึงผักสดที่ใช้ห่อเนื้อย่างกิน

เช่นนี้การกินเนื้อย่างก็จะไม่เลี่ยนอีกต่อไป

แน่นอนว่าสุรานั้นขาดมิได้

มีทั้งเบียร์และเหล้าขาว ผู้ที่คออ่อนดื่มเบียร์ ผู้ที่คอแข็งดื่มเหล้าขาว

ท่ามกลางอวกาศ แต่เดิมหลินสียังตื่นเต้นเพราะได้ขี่หลังวิหคปีกทอง

ทว่าต่อมาเขาก็เริ่มหมดความตื่นเต้น สั่งให้วิหคปีกทองเพิ่มความเร็ว

อย่างไรเขาก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ไม่มีทางรักษาความตื่นเต้นต่อไปได้เรื่อย ๆ วิหคปีกทองเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงกระจอกตัวหนึ่งเท่านั้น

วิหคปีกทองเร่งความเร็วจนมิอาจวัด เดิมยังอยู่ตรงขอบจักรวาลซึ่งเคยอยู่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง แล้วลมหายใจต่อมาก็อยู่ในอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่

อืม อาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่ในยามนี้ ไม่ใช่อาณาจักรอันมีเมืองชิงซาน

วิหคปีกทองบินผ่าน เห็น ๆ ว่ากำลังจะพ้นจากอาณาจักรนี้แล้ว

ทันใดนั้น คล้ายว่าวิหคปีกทองได้รับการยั่วยวนอย่างรุนแรง มันโผบินเข้าไปในอาณาจักรนี้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้!

มันอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ จึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นพิเศษบางอย่าง ซึ่งเป็นกลิ่นหอมจากเนื้อย่าง พริบตาเดียวมันก็โงหัวไม่ขึ้น ต้องการเพียงได้กินเนื้อย่างเช่นนี้สักคำ

“สมควรตายนัก เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงกระจอกจริง ๆ เรื่องแค่นี้ยังพลาดได้!”

หลินสีขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์

เขาไม่ได้สั่งให้วิหคปีกทองเข้ามาในอาณาจักรนี้ เป็นวิหคปีกทองที่ตัดสินใจโดยพลการ หลินสีเลยโกรธมาก ฟาดฝ่ามือบนหัววิหคปีกทอง

“หันหลังกลับเดี๋ยวนี้!”

เขาตำหนิเสียงดัง สั่งให้วิหคปีกทองหันกลับ

แต่วิหคปีกทองกลับดูเหมือนไม่ได้ยินคำกล่าวของหลินสี ยังคงปรี่เข้าไปหาเนื้อย่างอย่างรวดเร็ว

วิหคปีกทองในตอนนี้มีเพียงเนื้อย่างอยู่ในหัว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท