ตอนที่ 1,078 กระบี่เล่มใหม่
เมื่อสลัดหลุดจากความตกตะลึง หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มชัด
นี่เปรียบเสมือนรางวัลตอบแทนหลังผ่านการพยายามมาอย่างยาวนาน
ใช่แล้ว!
หลินเป่ยเฉินคือวีรบุรุษของประเทศชาติ
เขาหลั่งเลือดเสียน้ำตาเพื่อจักรวรรดิเป่ยไห่…
เขาเป็นหัวหน้านักบวชของวิหารเทพีกระบี่
สถานะของเขาสูงส่งเหนือกว่ามือกระบี่ทุกคนที่อยู่ที่นี่
หลินเป่ยเฉินอยากจะเขกกะโหลกตนเองนัก
ทำไมเขาต้องคิดหาเหตุผลมากมายด้วยนะ?
เส้นผมบังภูเขาจริง ๆ
“ผู้อาวุโสเฉินยกยอข้าน้อยเกินไปแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะแหะ ๆ “ข้าน้อยต้องการกระบี่เงินหนึ่งเล่มขอรับ”
“กระบี่เงินอย่างนั้นหรือ?”
เฉินเซียวเยี่ยนไม่คิดเลยว่าคำขอของหลินเป่ยเฉินจะเรียบง่ายถึงเพียงนี้
“ใช่แล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบ “และข้าน้อยเตรียมวัตถุดิบที่จะให้ผู้อาวุโสใช้หลอมกระบี่มาด้วย”
เฉินเซียวเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนว่า “ไม่ทราบว่าให้ผู้เฒ่าดูหน่อยได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาคิดมาก เขารีบนำคทาเงินออกมาทันที
เช่นเดียวกับหอกเขี้ยวมังกรที่แตกหัก
ในโรงเตี๊ยมหอเจ็ดดาราพลันครอบคลุมด้วยประกายสีเงินยวง
คลื่นพลังแปลกประหลาดแผ่ปกคลุมในบรรยากาศ
“นี่คือ… อาวุธขั้นเซียนอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของเฉินเซียวเยี่ยนปรากฏความตกตะลึง “ซ้ำยังเป็นอาวุธขั้นเซียนระดับสูง ไม่ทราบว่าคุณชาย… ของสิ่งนี้…คุณชายได้มาจากที่ใด?”
อาวุธขั้นเซียนที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนในขณะนี้ ทำให้ทุกสายตาจ้องมองมาด้วยความเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
บังเกิดเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นดังตามมาว่า
“อาวุธขั้นเซียนเช่นนี้ มีค่าไม่ต่างจากแร่ทองคำโลหิตเทพเจ้าเลย”
“อาวุธที่มาจากภพอื่นเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นของดีแน่นอน”
“คุณภาพของอาวุธชิ้นนี้… หากนำไปวางขาย… คงมีราคาเป็นศิลาบูชาหลายแสนก้อนทีเดียว”
ทุกคนจ้องมองไปยังไม้คทาสีเงินวาววับด้วยความเหลือเชื่อ
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสพอจะใช้สิ่งของเหล่านี้หลอมเป็นกระบี่ได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
ของที่เขานำออกมาในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ได้มาจากการทำสงครามชิงอาณาจักรทั้งสิ้น
หอกเขี้ยวมังกรและคทาเงินต่างก็เป็นอาวุธที่มาจากภพอื่น สามารถสังหารมาร กำราบเทพเจ้า อานุภาพในการโจมตีหนักหน่วงรุนแรงยิ่ง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกมันหลอมขึ้นมาจากเงินบริสุทธิ์
ก็น่าจะนำมาหลอมเป็นกระบี่ได้เช่นกัน
เพราะอะไรหลินเป่ยเฉินถึงอยากจะได้กระบี่เงินอย่างนั้นหรือ?
ก็เพราะเขามีฉายานามแรกว่าเซียนกระบี่รชตะไงล่ะ
สำหรับหลินเป่ยเฉินฉายานามแรกก็ไม่ต่างจากสตรีคนแรกในชีวิต เป็นเรื่องยากที่จะสามารถลืมเลือนได้
เฉินเซียวเยี่ยนใช้มือซ้ายที่เรียวยาวราวกับหยกขาวสำรวจลูบคลำหอกและคทาอยู่เนิ่นนาน ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา “ประเสริฐ ฮ่า ๆๆ นี่เรียกว่าของวิเศษสร้างของวิเศษ ผลที่ออกมาจะต้องเป็นสุดยอดกระบี่อย่างแท้จริง ผู้เฒ่าคิดไม่ถึงเลยว่ากระบี่เล่มสุดท้ายที่ผู้เฒ่าจะตีในชีวิตนี้ กลับได้วัตถุดิบที่ดีเลิศถึงเพียงนี้ในการหลอม”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสต้องใช้เวลาหลอมกระบี่นานหรือไม่?”
เขาถาม
เฉินเซียวเยี่ยนตอบว่า “เพียงครู่เดียวก็เรียบร้อยแล้ว”
ว่าไงนะ?
เพียงครู่เดียวอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
ทำไมถึงเร็วขนาดนั้น?
หรือว่าการตีกระบี่ของเฉินเซียวเยี่ยนไม่จำเป็นต้องหลอมเหล็ก ขึ้นรูป ลงอักขระอาคม?
จังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังยืนตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็เห็นเฉินเซียวเยี่ยนสะบัดฝ่ามือเล็กน้อย แล้วหม้อหลอมขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา มันหมุนวนขึ้นไปในอากาศ และเพียงพริบตาเดียว หม้อหลอมจิ๋วใบนั้นก็กลับกลายเป็นสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับหม้อปรุงยาสามขาขนาดใหญ่เท่าตัวคน และมันก็พร้อมสำหรับการหลอมกระบี่ได้ทุกเมื่อ
“เปิดฝา”
มือขวาของเฉินเซียวเยี่ยนที่หยาบกร้านด้วยการหลอมกระบี่พลันตบลงไปบนตัวหม้อ
แล้วฝาหม้อที่มีลักษณะเป็นแผ่นโลหะแปดเหลี่ยมก็แง้มเปิดขึ้น
ชายชรานำไม้คทาและหอกเงินที่แตกหักใส่ลงไปด้านใน
หลังจากนั้น เขาก็นำถุงเก็บของวิเศษที่บรรจุแร่เหล็กปริศนาและผงอะไรบางอย่างออกมาโปรยเข้าไปในหม้อหลอมไม่หยุดยั้ง
ตึง!
ฝาโลหะแปดเหลี่ยมปิดกลับลงไปบนหม้อหลอมอีกครั้ง
เฉินเซียวเยี่ยนโคจรพลัง แล้วร่างกายของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก็ลุกโชนด้วยพลังปราณธาตุไฟ
เขาประกบฝ่ามือลงไปบนด้านข้างของหม้อล้อม
เปลวไฟจากร่างกายของชายชราทำให้หม้อหลอมเปล่งแสงสว่างขึ้นมาทีละนิด
ผ่านไปไม่นาน
พื้นผิวด้านนอกของหม้อหลอมก็ลุกโชนสว่างไสวด้วยเปลวไฟเจิดจ้า
เฉินเซียวเยี่ยนดึงมือของตนเองกลับมา หอบหายใจอย่างหนักหน่วง และกล่าวว่า “หลังจากรอการขึ้นรูปอีกหนึ่งก้านธูป ก็สามารถนำกระบี่ออกมาได้แล้ว”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ผู้อาวุโสเฉินมีฝีมือยอดเยี่ยมมากกว่าที่เขาคิดหลายเท่า
เฉินเซียวเยี่ยนอธิบายว่า “หลักการของการหลอมกระบี่นั้น เราต้องนำวัตถุดิบที่จะใช้หลอมมาทำให้มันเหลวไร้รูปทรงเสียก่อน หลังจากนั้น ถึงจะสามารถนำมาขึ้นรูป สร้างเป็นกระบี่หรือชุดเกราะก็ได้ตามใจประสงค์ ถึงจะไม่มีอุปกรณ์การตีกระบี่ แต่หม้อหลอมใบนี้ก็ช่วยประหยัดเวลาและพลังงานได้เยอะมาก สำหรับผู้เฒ่าแล้ว ปัจจัยสำคัญในการหลอมกระบี่ไม่ใช่เวลา แต่เป็นวัตถุดิบ อุณหภูมิความร้อน และสูตรการตีกระบี่ต่างหาก”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
อย่างนี้นี่เอง
ผู้อาวุโสเฉินคือนักหลอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า ย่อมสามารถสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาได้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว
ใช่แล้ว
นับว่าน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
“ว่าแต่ผู้อาวุโสขอรับ เมื่อสักครู่นี้ ผู้อาวุโสใส่อะไรลงไปในหม้อหลอมบ้างหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
“ก็ทุกอย่างนั่นแหละคุณชาย ไม่ว่าจะเป็นแร่เหล็ก ผงเร่งอุณหภูมิโลหะ ตลอดไปจนถึงวัตถุวิเศษที่ผู้เฒ่าเก็บสะสมมาตลอดชีวิต… ผู้เฒ่าได้นำของทั้งหมดนั้นมาหลอมรวมเป็นกระบี่เล่มใหม่ให้แก่คุณชายแล้ว”
เมื่อได้ยินชายชรากล่าวออกมาเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้ตัวทันทีว่ากระบี่เล่มใหม่ของเขาจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
เพราะมันหลอมขึ้นมาจากของวิเศษที่นักตีกระบี่ผู้นี้เก็บสะสมมาตลอดชีวิต
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสำหรับความเมตตา”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ยิ้มอย่างเสแสร้งอีกต่อไป แต่ครั้งนี้เขาก้มหัวคำนับด้วยความจริงใจ “ในอนาคต ไม่ว่าท่านผู้เฒ่าต้องการสิ่งใด ล้วนสามารถส่งคนไปตามตัวข้าน้อยที่วิหารหลวงได้ตลอดเวลา ตราบใดที่เป็นเรื่องของท่านผู้เฒ่า ข้าน้อยยินดีช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ”
หลินเป่ยเฉินเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่มีทางรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยไม่ตอบแทนเด็ดขาด
ขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากในโรงเตี๊ยมต่างก็จ้องมองไปที่เฉินเซียวเยี่ยนด้วยความอิจฉาริษยา
สิ่งที่อยู่ในหม้อหลอมบัดนี้ ล้วนจัดเป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับการตีกระบี่ทั้งสิ้น
สำหรับทุกคนที่ฝึกกระบี่ ต่างก็อยากครอบครองสุดยอดกระบี่เช่นนี้
ในอดีต ว่ากันว่าผู้อาวุโสเฉินได้ตีกระบี่ให้แก่ราชวงศ์ของจักรวรรดิต้าเกี๋ยน บัดนี้ เขาถึงกับมาตีกระบี่ให้แก่หลินเป่ยเฉิน นับว่าเจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ช่างวาสนาดีเหลือเกิน!
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีต้นสายปลายเหตุเสมอ
ในอนาคตหลังจากนี้ ไม่ว่าใครก็ตามต้องการให้เฉินเซียวเยี่ยนช่วยตีกระบี่ บุคคลผู้นั้นก็คงต้องคิดหนักเลยทีเดียว
“ผู้เฒ่าเป็นคนที่พูดจริงทำจริงเสมอ”
เฉินเซียวเยี่ยนกล่าว “เดิมที ผู้เฒ่าไม่คิดตีกระบี่ให้ใครอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวีรบุรุษแห่งประเทศชาติกลับมาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเช่นนี้”
ชายชราหวังว่าเด็กหนุ่มจะใช้กระบี่เล่มนี้ที่เขาตีให้ นำไปเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิในทิศทางที่ดีขึ้น!
เขาเชื่อมั่นว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องนำมันไปใช้ทำเรื่องราวดี ๆ แน่นอน
เฉินเซียวเยี่ยนกล่าวอีกครั้ง “ตอนที่ตระกูลเว่ยก่อกบฏ จักรวรรดิจี้กวงเข้ารุกราน ผู้เฒ่าเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่ที่จักรวรรดิต้าเกี๋ยน ไม่ทันได้กลับมาเข้าร่วมสงคราม ยามที่รู้ข่าว ผู้เฒ่าจึงรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้น ผู้เฒ่าก็ตัดสินใจว่าเมื่อเกิดมาเป็นประชาชนชาวเป่ยไห่ และมีสัมมาอาชีพเป็นนักตีกระบี่ ผู้เฒ่าก็จะต้องมอบกระบี่ที่ดีที่สุดให้แก่วีรบุรุษแห่งชาติให้จงได้”
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ไม่เสแสร้ง
หลินเป่ยเฉินคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย ก็ยอมรับคำพูดของท่านผู้เฒ่าแต่โดยดี
ก็เพราะเขามันเป็นวีรบุรุษของชาติจริง ๆ ไงล่ะ
ถึงตัวหลินเป่ยเฉินเองจะมีจุดประสงค์แอบแฝงก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาได้ช่วยเหลือจักรวรรดิเป่ยไห่จากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เอาไว้ และสมควรได้รับการสรรเสริญจากชาวประชาเช่นนี้อยู่แล้ว
ภายในโรงเตี๊ยม เมื่อมือกระบี่ผู้อื่นได้ยินคำพูดของชายชรา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกอิจฉา
หลายเหตุผลที่ผ่านมาหลอมรวมกลายเป็นความจริงที่ยืนยันว่าหลินเป่ยเฉินมีความเก่งกาจมากเกินไป
ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงกับเขาได้
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นี้
เวลาหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่!
ครืดดด
หม้อหลอมสองหูสามขาเกิดอาการสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง
กระบี่ได้รับการขึ้นรูปสำเร็จแล้ว!
หัวใจของทุกคนเต้นระทึก
เฉินเซียวเยี่ยนนักหลอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าไม่ได้ตีกระบี่เล่มใหม่มากว่าสามสิบปี และวันนี้ท่านผู้เฒ่าก็ตัดสินใจแสดงฝีมืออีกครั้ง ไม่มีใครทราบเลยว่ามันจะเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเพียงใด?
ดวงตาแทบทุกคู่จับจ้องไปที่หม้อหลอมใบนั้น
ดวงตาของเฉินเซียวเยี่ยนเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้น
“กระบี่จงมา”
เขากระซิบ
วูบ!
กระบี่ในฝักสีแดงขององครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
มือซ้ายที่ขาวดั่งหยกของเฉินเซียวเยี่ยนยกขึ้นคว้าจับกระบี่เล่มนั้นเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
มันเป็นกระบี่สีแดงราวกับโลหิต
ชายชราระเบิดเสียงคำรามและเหวี่ยงกระบี่
ฉับ!
แล้วกระบี่แดงเล่มนั้นก็ตัดแขนขวาของท่านผู้เฒ่าขาดสะบั้น
ฟู่! ฟู่!
แขนขาดกระเด็น โลหิตพุ่งกระฉูดราวกับเปลวไฟ
โลหิตของเฉินเซียวเยี่ยนราดรดไปบนหม้อหลอมสามขาสองหูใบนั้น
ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!
โลหิตที่สาดกระเซ็นไปเปื้อนบนหม้อหลอมเกิดการละลาย ก่อนระเหยหายไปในอากาศ หลงเหลือไว้เพียงแต่กลิ่นคาวคลุ้งเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต อ้าปากค้าง
ทันใดนั้น เขาพลันเข้าใจเรื่องราวหนึ่งขึ้นมาแล้ว!