ตอนที่ 1,077 เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก
เดิมทีหลินเป่ยเฉินอยากจะพูดว่า หากวิธีการที่สามไม่ได้ผล เขาก็ยินดีจะรับประทานอุจจาระวัวให้ทุกคนรับชม…
แต่เด็กหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้แผนการผิดพลาดหลายครั้งแล้ว
นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าก็เป็นได้
หากวันนี้ทุกอย่างไม่เป็นใจกับเขาจริง ๆ มีหวังคงได้รับประทานขี้วัวให้ทุกคนดูเป็นขวัญตาแหง
หลินเป่ยเฉินหันไปจ้องหน้าหูเหม่ยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็หันไปจ้องมองเหยียนหรู่อี้กับซวีหวัน เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองนางแล้ว เด็กหนุ่มก็รู้ว่าตัวปัญหามีเพียงหูเหม่ยเอ๋อร์ผู้เดียวเท่านั้น
“หากวิธีการนี้ใช้ไม่ได้ผล ข้ายินดีให้เจ้าจุ๊บข้าหนึ่งครั้ง”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์
แต่สตรีผู้เป็นตัวแทนจากสำนักคฤหาสน์กำยานทั้งสามนางย่อมไม่รู้ว่าคำว่าจุ๊บมีความหมายอย่างไร ดังนั้นปฏิกิริยาตอบรับจึงแตกต่างจากที่หลินเป่ยเฉินคิดเอาไว้
“ท่านมีวิธีอย่างไร?”
หูเหม่ยเอ๋อร์ถามออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ ก่อนตอบว่า “สำหรับนักหลอมกระบี่ที่ประสบความสำเร็จมาแทบทุกอย่างแล้ว อะไรจะเป็นสิ่งที่สามารถจูงใจเขาได้มากที่สุด?”
“เงินทองหรือ? ย่อมไม่ใช่!”
“ภาพลักษณ์หรือ? ย่อมไม่ใช่!”
“สถานะอันสูงส่งหรือ? ย่อมไม่ใช่!”
“แล้วมันคือสิ่งใดกัน?”
“ของสิ่งนั้นก็คือวัตถุดิบหายากที่ไม่เคยมีใครนำมาใช้หลอมกระบี่มาก่อน”
“มีแต่เพียงแร่เหล็กหายากเท่านั้น จึงจะเป็นแรงจูงใจให้นักหลอมกระบี่ชั้นยอดกลับมาทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง”
“แร่เหล็กหายากไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพบเจอได้ง่าย ๆ หากเราสามารถนำแร่เหล็กเหล่านั้นมามอบให้แก่ผู้อาวุโสเฉินได้สำเร็จ ท่านผู้เฒ่าก็ต้องยอมตีกระบี่ให้อย่างแน่นอน”
“ดังนั้น นี่จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด”
“ข้าขอรับประกันเลยว่าหากมีผู้ใดสามารถนำแร่เหล็กหายากมามอบให้แก่ผู้อาวุโสเฉิน ท่านผู้เฒ่าก็จะต้องใจอ่อนแล้ว”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ
ครั้งนี้ ซวีหวันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยขณะรับฟัง
มีเหตุผล!
มีเหตุผล!!
นักเดินเรือย่อมรักทะเล ชาวไร่ย่อมรักพืชผล
นักหลอมกระบี่ก็ต้องรักวัตถุดิบสำหรับการตีกระบี่
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็มีวิธีที่ฟังดูน่าเชื่อถือขึ้นมาสักที
“อาจารย์เจ้าคะ…”
ซวีหวันหันหน้าไปมองที่เหยียนหรู่อี้
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของนางก็เห็นด้วยกับทฤษฎีของหลินเป่ยเฉินไม่น้อย
หลังจากหยุดชะงักเพื่อใช้ความคิด เหยียนหรู่อี้ก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง นางลุกขึ้นเดินตรงไปที่เวทีเล่นหมาก ก่อนจะประสานมือคำนับ กล่าวว่า “กราบเรียนผู้อาวุโสเฉิน ข้าน้อยมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อขอให้ท่านช่วยตีกระบี่ให้กับสำนักคฤหาสน์กำยาน เหตุผลของข้าน้อยนั้นเรียบง่ายมาก ข้าน้อยได้นำแร่ทองคำโลหิตเทพเจ้าบริสุทธิ์มาด้วยถึงสิบชั่ง เพื่อให้ผู้อาวุโสเฉินได้ใช้มันหลอมกระบี่โดยเฉพาะ”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
“อะไรนะ? แร่ทองคำโลหิตเทพเจ้า?”
“เหยียนหรู่อี้มีของวิเศษอย่างนั้นอยู่ด้วยหรือนี่?”
“ตำนานเล่าขานว่าแร่ทองคำชนิดนี้ หากนำมาทำเป็นศาสตราวุธชนิดใด ย่อมกลายเป็นสุดยอดศาสตราวุธในใต้หล้าอย่างแท้จริง”
“คฤหาสน์กำยานนับว่ามีขุมทรัพย์อยู่ในมือจริง ๆ แร่ทองคำโลหิตเทพเจ้าไม่เคยถูกพบเจอมาเกือบหนึ่งพันปีแล้ว ไม่ทราบพวกนางค้นพบพวกมันได้อย่างไร…”
ในโรงเตี๊ยมหอเจ็ดดาราขณะนี้กึกก้องด้วยเสียงอุทานอย่างประหลาดใจของผู้คน
วัตถุดิบที่เหยียนหรู่อี้กำลังจะนำออกมา คือสิ่งที่หายากและมีค่ามหาศาล
แร่ทองคำชนิดนี้สามารถนำมาสร้างเป็นศาสตราวุธได้ทุกชนิด
สำหรับนักหลอมกระบี่ทุกคน นี่คือวัตถุดิบในฝันที่พวกเขาอยากจะได้ใช้ตีกระบี่สักครั้งในชีวิต
ในพริบตานั้น สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินเซียวเยี่ยนที่ยืนอยู่บนเวทีไม้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
แต่จังหวะที่เหยียนหรู่อี้กำลังคิดว่าตนเองมีความหวัง ชายชรากลับสูดหายใจลึกและส่ายศีรษะ ตอบว่า “แม่นางเหยียน ผู้เฒ่าต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ผู้เฒ่ามิบังอาจนำสิ่งของศักดิ์สิทธิ์อย่างแร่ทองคำโลหิตเทพเจ้ามาตีเป็นกระบี่แล้ว”
มิบังอาจ!
นี่คือคำปฏิเสธอย่างถนอมน้ำใจ
เหยียนหรู่อี้สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
สุดท้ายนางก็ถูกปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?
ซ้ำยังเป็นการปฏิเสธอย่างไม่มีความหวังอีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ สำหรับมือกระบี่ในโรงเตี๊ยมทุกคน เฉินเซียวเยี่ยนเพียงแต่พยักหน้ารับฟังเหตุผลและไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ นั่นหมายความว่าทุกคนยังคงมีความหวังจนถึงท้ายที่สุด แต่เมื่อเหยียนหรู่อี้นำเสนอแร่ทองคำโลหิตเทพเจ้า นางกลับถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
เหยียนหรู่อี้พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก้มหน้ากัดฟันพูดว่า “ต่อให้ผู้อาวุโสเฉินจะไม่นำมันมาหลอมกระบี่ให้แก่สำนักคฤหาสน์กำยาน แต่แร่ทองคำโลหิตเทพเจ้าจำนวนนี้ ข้าน้อยยินดีมอบให้ท่านผู้อาวุโสเป็นของขวัญที่ได้พบหน้ากันเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมก็ถึงกับตกตะลึง
ช่างไร้ยางอายจริง ๆ
เมื่อถูกชายชราปฏิเสธ
เหยียนหรู่อี้ก็คิดจะซื้อใจด้วยการให้แร่ทองคำหายากเลยหรือ?
บนเวทีเดินหมาก เฉินเซียวเยี่ยนสูดหายใจลึกและส่ายศีรษะอีกครั้ง “แม่นางเหยียนช่างมีจิตใจกว้างใหญ่ไพศาล แต่ผู้เฒ่าไม่อาจรับของขวัญจากพวกท่านได้ ในเมื่อผู้เฒ่าไม่ได้ตีกระบี่ให้แก่คฤหาสน์กำยาน แล้วผู้เฒ่าจะรับของขวัญได้อย่างไร รบกวนแม่นางเหยียนอย่าได้พูดอะไรอีกเลย”
เหยียนหรู่อี้ประสานมือคำนับและถอยหลังกลับมา
ในเวลาเดียวกันนั้น นางก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
การมอบแร่ทองคำโลหิตเทพเจ้าเป็นของขวัญให้แก่เฉินเซียวเยี่ยนนั้น ไม่มีอะไรมากกว่าการพยายามครั้งสุดท้ายของเหยียนหรู่อี้
หากเฉินเซียวเยี่ยนเห็นแก่สิ่งของมีค่า รับของขวัญไปโดยไม่ยอมตีกระบี่ ถ้าอย่างนั้น นางก็ต้องเป็นฝ่ายเสียหายใหญ่หลวงแล้ว
เมื่อเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของตนเอง เหยียนหรู่อี้ก็หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน
ความหมายของแววตานั้นเรียบง่าย ‘ไหนเจ้าบอกว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลไงล่ะ?’
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
ให้ตายสิ ผู้อาวุโสเฉินมีนิสัยไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ
ทำเอาเขาต้องเสียหน้าต่อหน้าสาวงามอีกแล้ว
นี่ก็นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่วิธีของหลินเป่ยเฉินใช้การไม่ได้
เหตุไฉนวันนี้สวรรค์ถึงได้ใจร้ายกับเขานักนะ?
ซวีหวันหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินอย่างล้อเลียน ก่อนจะยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก แต่แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ของตนเองล้มเหลวในการจูงใจเฉินเซียวเยี่ยนให้ตีกระบี่ เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นการสมควรเท่าไหร่ที่นางจะหัวเราะออกมาเช่นนี้
แต่หูเหม่ยเอ๋อร์ก็ยังหัวเราะคิกคักต่อไปจนไหล่กระเพื่อม ทำเอาหน้าอกหน้าใจของนางสั่นไหวไปด้วยตาม ๆ กัน
หลังจากนั้น ก็มีผู้คนลุกขึ้นมอบเหตุผลสำหรับการตีกระบี่อย่างต่อเนื่อง
แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด ทุกคนต่างก็ได้รับการตอบรับเพียงอย่างเดียว
พิจารณาจากท่าทีของเฉินเซียวเยี่ยนแล้ว ต่อให้ชายชราไม่ได้ปฏิเสธออกมาโดยตรง แต่ทุกคนก็คิดว่าคงไม่มีปาฏิหาริย์อีกแล้ว
สุดท้าย ก็มาถึงคราวของหลินเป่ยเฉิน
ดวงตาจำนวนมากหันมาจ้องมองที่เด็กหนุ่ม
ทุกคนอยากรู้ว่าจอมกระหายเลือดผู้นี้ที่สังหารขั้นเซียน 14 คนระบายความโกรธแค้นเมื่อคืนก่อน จะมีเหตุผลอะไรในการโน้มน้าวใจให้เฉินเซียวเยี่ยนตีกระบี่
หลินเป่ยเฉินเดินไปยืนอยู่หน้าเวทีเดินหมาก นิ่งเงียบใช้ความคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็กล่าวออกมา “กราบคารวะท่านผู้อาวุโส ข้าน้อย…”
เฉินเซียวเยี่ยนยกมือขึ้นขัดจังหวะและพูดแทรกว่า “ไม่เป็นไร คุณชายไม่ต้องพูดแล้ว”
“หา?”
หลินเป่ยเฉินยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ขนาดจะพูดก็ยังไม่มีโอกาสเลยหรือ?
ในโรงเตี๊ยมเกิดเสียงอุทานขึ้นมาอีกครั้ง
หลายคนแสยะยิ้มด้วยความสะใจ
ดูเหมือนผู้อาวุโสเฉินจะได้ยินชื่อเสียงเรื่องราวความอำมหิตของหลินเป่ยเฉินมาไม่น้อย ท่านผู้เฒ่าคงคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้โหดร้ายมากเกินไป หากตีกระบี่มอบให้แก่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต่างจากเปิดโอกาสให้เขาได้ฆ่าคนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสเฉินจึงไม่อนุญาตให้หลินเป่ยเฉินได้พูดอะไรอีกแล้ว
ปัง!
หูเหม่ยเอ๋อร์ตบโต๊ะและลุกขึ้นยืนพูดด้วยความไม่พอใจ “เพราะเหตุใด? ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้พี่หลินพูดให้จบก่อน? ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่า ในวันนี้ทุกคนมีสิทธิ์พูดอย่างเท่าเทียมกันหมด?”
เด็กสาวมีสีหน้าโกรธแค้นมากจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินหันมองกลับไปที่หูเหม่ยเอ๋อร์โดยไม่คาดคิด
เขาคิดไม่ถึงเลย
เด็กสาวผู้นี้เป็นคนแรกที่ยอมออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเขา
สงสัยต้องยอมให้จุ๊บแล้วสิ
“น้องเล็ก เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร…”
ซวีหวันรีบดึงแขนหูเหม่ยเอ๋อร์ด้วยความตื่นตกใจ
“เหม่ยเอ๋อร์ อย่าหยาบคายต่อผู้อาวุโสเฉิน… นั่งลง”
เหยียนหรู่อี้ก็ส่งเสียงคำรามออกมาแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้น นางก็หันไปทางเวทีเดินหมากและประสานมือคำนับขออภัย “เด็กน้อยยังไม่รู้ความ นางมีนิสัยดื้อรั้นมากเกินไป รบกวนท่านผู้อาวุโสอย่าได้ถือสา”
เฉินเซียวเยี่ยนประสานมือคำนับตอบกลับมาด้วยท่วงท่าสบายใจ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
เรียบร้อยแล้ว ชายชราจึงได้หันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการกระบี่ชนิดใดหรือ?”
เอ๋?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
หรือว่า…
เฉินเซียวเยี่ยนจะยอมตีกระบี่ให้เขาแล้ว?
แต่หลินเป่ยเฉินยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เด็กหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไรต่อไป
และในโรงเตี๊ยมหอเจ็ดดาราขณะนี้ เสียงหัวเราะเฮฮาและการพูดคุยด้วยความสะใจพลันเงียบหายลงไปในทันที
มือกระบี่ทุกคนจ้องมองไปที่เฉินเซียวเยี่ยนด้วยความสับสน
แม้แต่เหยียนหรู่อี้กับซวีหวันก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้
ทุกคนนึกว่าตนเองหูฝาด
“ท่านผู้อาวุโส… จะตีกระบี่ให้ข้าน้อยหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินต้องถามออกมาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
เฉินเซียวเยี่ยนพยักหน้าตอบว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น”
เกิดเสียงอุทานด้วยความฮือฮาดังขึ้นทั่วโรงเตี๊ยม
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัยใจว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอถาม เหตุไฉนท่านผู้อาวุโสจึงตัดสินใจตีกระบี่ให้ข้าน้อยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รับฟังเหตุผลเลยสักคำ?”
หรือว่าตอนนี้สวรรค์จะกลับมาเข้าข้างเขาเหมือนเดิมแล้ว?
“เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก”
เฉินเซียวเยี่ยนมีสีหน้าเคร่งขรึมและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพขณะพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “เพราะข้าคือประชาชนชาวเป่ยไห่”
เขาคือประชาชนของจักรวรรดิเป่ยไห่
และหลินเป่ยเฉินก็คือผู้ที่ช่วยกอบกู้จักรวรรดิเป่ยไห่
นี่คือเหตุผลของเฉินเซียวเยี่ยน!!