บทที่ 362 เป็นใคร เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ!
ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมณฑลรับเสด็จราชัน ข้างเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ เสี่ยเลี่ยนจื่อเพิ่งพาสวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวจากไป
แต่ในตอนนี้เอง บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็พลันปะทุแสงเจิดจ้าหลายร้อยทางออกมา พุ่งตรงมาทางเขา
การที่แสงพวกนี้ปรากฏขึ้นทำให้กลุ่มคนข้างล่างต่างตื่นตะลึง
เสี่ยเลี่ยนจื่อตอบรับอย่างว่องไว ชายเสื้อเพียงสะบัด ไม่รอให้แสงพวกนี้เข้าใกล้ ก็เก็บพวกมันไปทันที หันหลังจากไปอย่างเร็วรี่ในพริบตา
และการแข่งขันชิงอันดับรายชื่อ จากการร่วงหล่นตามๆ กันของสวี่ชิงและนายกองก็จบลง
แม้คนอื่นๆ จะปีนต่อแต่ก็ไม่มีทางได้ลำดับหนึ่ง
ที่มีโอกาสมากที่สุดคือชิงชิว ตอนนี้นางอยู่ที่ระดับความสูงสองพันเก้าร้อยกว่าจั้ง ยังคงกัดฟันมุ่งไปข้างหน้าต่อไป
ส่วนผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่จับตามองเรื่องนี้ในโถงครองกระบี่เหล่านั้น ดวงตาก็ต่างฉายประกายประหลาด มองไปทางสวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวที่เสี่ยเลี่ยนจื่อพาตัวไป
“เด็กหนูสองคนนี้น่าจะได้รับพลังในรูปสัญลักษณ์สายนั้นไป”
“พลังในรูปสัญลักษณ์ หลายปีมานี้พวกเราก็ศึกษาค้นคว้าเหมือนกัน มันลึกลับยิ่งนัก น่าเสียดายที่ดูดซับไม่ได้ ทำได้เพียงใช้แค่ภายนอกเท่านั้น”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควบคุมได้ ทำตามขั้นตอนภายในของผู้ครองกระบี่ เดี๋ยวส่งคนไปขอมันกลับมา เพิ่มแต้มความชอบให้พวกเขา หากพวกเขาไม่ยินยอมก็ไม่ต้องบังคับ”
ระหว่างการตัดสินของผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ ชิงชิวที่ปีนมาได้ที่ระดับความสูงสองพันเก้าร้อยจั้งก็จำต้องหยุด นางมาถึงขีดจำกัดสูงสุดของตัวเองแล้ว
ปีนขึ้นไปอีก ต่อให้เพิ่มมาอีกหลายสิบจั้ง แต่ก็สั่นคลอนรากฐานของตัวเองแล้ว อีกทั้งยังไม่มีทางถึงสามพันจั้งแน่นอน
ดังนั้นชิงชิวรู้สึกเสียดาย แต่ก็ปล่อยมืออย่างเด็ดขาด
จากการสิ้นสุดการทดสอบของนาง การชิงอันดับเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเดิมได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เสี้ยวขณะต่อมา ในยามที่ระยะเวลากำหนดสามชั่วยามผ่านมาครึ่งหนึ่ง ในสำนักเซียนล้ำบารมีก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมา
คนคนนี้รูปร่างสง่าองอาจ หน้าตาดูดี ในสีหน้าเต็มไปด้วยความใจกว้าง ชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเหมือนมีสายน้ำไหลวน สะท้อนประกายระยิบระยับพร่างพราย
โดยเฉพาะดวงตาของเขาแฝงด้วยความลึกล้ำ รูม่านตามีตราประทับอักขระกะพริบวูบวาบ
ทุกที่ที่ผ่าน มิติรอบๆ บิดเบี้ยว เหมือนว่าเกิดจากเคล็ดวิชาบางอย่างของเขา ทำให้ขณะที่เขาเดินเหมือนกำลังทะลุมิติ
ภาพนี้ปรากฏกับผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์น้อยมาก
และการเดินออกมาของเขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
ต่างตื่นตะลึง สีหน้าแต่ละคนยิ่งฉายความเคารพนอบน้อม หลีกทางให้กับเขา
เป็นผู้สืบมรรคาของสำนักเซียนล้ำบารมี จางซืออวิ้นนั่นเอง
เขาสีหน้าสงบนิ่ง เดินไปข้างหน้าอย่างสุขุม เขาไม่ชอบเดินทางร่วมกับมดปลวก จึงไม่ได้ปรากฏตัวในยามที่พวกสวี่ชิงปีนเสา
จวบจนในเสี้ยวขณะนี้ ในยามที่ทุกคนต่างยอมแพ้เขาถึงเดินออกมา เดินมาถึงเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะอย่างสงบนิ่ง
สุดท้าย ท่ามกลางจับตามองจากคนทั้งหลาย เขาก็ยกเท้าเหยียบย่างไปยังเสาที่อยู่ข้างหน้า
กระโดดขึ้น
เพิ่งเหยียบขึ้นมาก็พุ่งทะยานออกไป รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แทบจะไม่หยุดเลย มาถึงที่ระดับความสูงหนึ่งพันจั้งในทันที
รัศมีอำนาจเช่นนี้ทำให้คนที่มองอยู่ในดวงตาต่างฉายประกายแปลกประหลาด แต่กลับไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือเสียงฮือฮา เหมือนรู้สึกว่าเขาทำได้ถึงระดับนี้ เดิมก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ในเมื่อนี่คือบุคคลอันดับหนึ่งของลูกศิษย์ยุคนี้ของมณฑลรับเสด็จราชันเชียวนะ!
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่อยู่บนโถงครองกระบี่สามสี่คนนั้น ก็ต่างจับจ้องสายตามาที่จางซืออวิ้น
“จางซืออวิ้นคนนี้ไม่เลวเลย เขาก็นับว่าเป็นว่าที่ผู้ครองกระบี่แล้ว”
“นักพรตซือหนานผู้เป็นปรมาจารย์ของเขาตอนนี้เป็นถึงหนึ่งในสี่ผู้ดูแลวังครองกระบี่เขตปกครองบนเชียวนะ แม้ระดับจะอยู่ระดับเดียวกับพวกเรา แต่ทำงานในวังครองกระบี่ เมื่อพวกเราพบก็ต้องเรียกเขาใต้เท้า”
“ได้ยินว่านักพรตหนานซือเคยถามเขาว่าจะให้ใช้สิทธิ์ยกเว้นสิบปีครั้งหนึ่งในฐานะที่เป็นผู้ดูแลยกเว้นการทดสอบหรือไม่ แต่เด็กคนนี้ปฏิเสธ จะเข้าร่วมการทดสอบด้วยตัวเอง ใช้เส้นทางเป็นทางการเป็นผู้ครองกระบี่ จากนั้นค่อยอาศัยสิทธิ์ของปรมาจารย์เขาเพิ่มระดับขั้นผู้ครองกระบี่ให้ตัวเอง”
“นี่คือมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก แม้จะมีเพียงสามสิทธิ์รายชื่อเท่านั้น แต่เขาคิดว่าจะต้องได้มาอย่างแน่นอน”
“ครั้งนี้ผู้โดดเด่นยอดเยี่ยมล้วนไม่ธรรรมดา สามสิทธิ์รายชื่อ มาดูซิว่าพวกเขาใครจะได้ไป”
ภายใต้การจับตามองจากผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ ความเร็วของจางซืออวิ้นไม่ลดลงเลย กระโดดจากระดับความสูงหนึ่งพันจั้งมาถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยจั้ง จนกระทั่งเหยียบมาที่ระดับความสูงสองพันจั้งอย่างสบายๆ
ที่ระดับความสูงนี้ ความเร็วของเขาลดลงเล็กน้อย มีหยุดบ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยรวมแล้วก็ยังคงเร็วมากเช่นเดิม สองพันสองร้อยจั้ง สองพันสี่ร้อยจั้ง สองพันหกร้อยจั้ง
หากมองเห็นในระยะไกล ก็จะเห็นว่าเขาที่อยู่บนความสูงระดับนี้ก็หอบหายใจเหมือนกัน อย่างไรเสียการโจมตีจากจิตอาฆาตที่ตำแหน่งนี้ก็รุนแรงมาก แต่เสี้ยวขณะต่อมา จากการปรากฏขึ้นของฉัตรคันหนึ่งที่เหนือศีรษะ แสงสีขาวก็สาดส่องมาทั่วร่างทันที
นั่นคือตะเกียงแห่งชีวิตของเขา
ตะเกียงแห่งชีวิตดวงนี้ต่างไปจากร่มดำและตะเกียงลมครวญเจ็ดสีของสวี่ชิง มันเป็นสีขาวทั้งดวง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงศักดิ์สิทธิ์ประเภทหนึ่ง เปลวเพลิงก็เป็นสีขาวเช่นกัน
รูปร่างเหมือนภูเขาที่ลอยกลับหัว เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
นี่คือตะเกียงไฟศักดิ์สิทธิ์คีรีพิสุทธิ์!
จะเห็นไฟสีขาวจำนวนมหาศาลแผ่ลามจากยอดเขามาถึงยังสุดขอบ ไหลรินร่วงหล่น ทุกที่ที่ผ่าน มิติล้วนลุกไหม้
จางซืออวิ้นที่อยู่ใต้ตะเกียงไฟศักดิ์สิทธิ์คีรีพิสุทธิ์ดวงนี้ รอบกายมีเปลวเพลิงสีเขาลุกไหม้ เปล่งประกายแสงสีขาว รวมกับชุดนักพรตสีน้ำเงินของเขา ใบหน้าที่ไม่ธรรมดาและสายตาที่สงบนิ่งดวงนั้น ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์สูงส่งก็เกิดขึ้นทันที!
ยิ่งมีเสียงคำรามดังมาจากข้างหลังเขา
มิติข้างหลังเขามีเสียงแตกร้าวดังขึ้น มังกรขาวตัวมหึมาตัวหนึ่งยื่นร่างออกมาจากรอยแยก วนล้อมรอบกายเขา สยบทุกสารทิศ
หนวดมังกรสีขาวยาวสองเส้นทิ้งตัวทั้งสองด้านซ้ายขวาของจางซืออวิ้น พริ้วไหวไปมาอย่างไรกฎเกณฑ์
แล้วยังมีแผงคอที่ขึ้นรอบคอมังกรก็ขยับพริ้วไปตามลมเช่นกัน ทุกอย่างนี้ทำให้จางซืออวิ้นเหมือนเซียนไร้มลทินที่ยืนอยู่กลางอากาศสยบมังกรร้าย
เขามองไปข้างบน เอ่ยราบเรียบในใจ
“ฝูงมดปลวกก่อนหน้านี้ไม่คู่ควรที่จะยืนบนศีรษะข้า ดูว่าข้าจะบดขยี้พวกเจ้าอย่างไร”
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวแล้ว
พุ่งไปข้างหน้ายังตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
สองพันเจ็ดร้อยจั้ง สองพันแปดร้อยจั้ง สองพันเก้าร้อยจั้ง จนเลยระดับความสูงของชิงชิวก่อนหน้านี้ ทะยานเหยียบย่างมาที่ระดับความสูงสามพันจั้ง
ที่นี่ เดิมเขาคิดจะขึ้นไปต่อ แต่เสี้ยวขณะต่อมา ภาพสัญลักษณ์ดวงจันทร์แปลกประหลาดที่ระดับความสูงนี้ หลังจากที่มันกะพริบแสงไปสองครั้งก่อนหน้านี้ ก็กะพริบแสงเป็นครั้งที่สาม ถูกกระตุ้นขึ้น!
จางซืออวิ้นร่างสะท้านเฮือก
ในขณะเดียวกัน ณ ดินแดนสุดแดนตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ห่างไกลจากมณฑลรับเสด็จราชันสุดขอบฟ้า ดวงจันทร์สีแดงที่ลอยสูงอยู่กลางฟ้าท่ามกลางความราตรีมืดอันไร้จุดสิ้นสุด ตอนนี้ก็ยังคงมีเสียงพึมพำรางเลือนดังออกมาเช่นเดิม
“เป็นใครที่ชิงพลังต้นกำเนิดเทพเสี้ยวหนึ่งของข้าไป…เอ๋”
“เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ”
เสียงนี้ดังขึ้น จางซืออวิ้นที่อยู่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะในมณฑลรับเสด็จราชันที่อยู่บนระดับความสูงสามพันจั้งสีหน้าเปลี่ยนจากสุขุมเป็นตื่นตะลึงทันที
ความสงบนิ่งในดวงตาทั้งสองข้างหายไปในพริบตา แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
ใบหน้าของเขาฉายความไม่อยากเชื่อออกมา เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่าตื่นตะลึงที่ไม่อาจบรรยายได้กลุ่มหนึ่ง เหมือนว่าเทพเจ้าลงมาเยือน มาพร้อมการทำลายล้าง มาพร้อมความโกรธเคือง ท่วมจมเขา!
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก เขาเหมือนมดปลวกที่อยู่ใต้ปลายนิ้วของยักษ์ ไม่อาจต้านทานได้ อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
ปากส่งเสียงร้องน่าครวญน่าเวทนา กระอักเลือดออกมาคำโต ร่างยิ่งมีเสียงบึ้มๆ ดังมา เลือดระเบิดมาตามรูขุมขนทั่วร่าง
ตะเกียงแห่งชีวิตเหนือศีรษะอับแสงไปในทันที เกือบจะมอดดับ มังกรขาวข้างหลังยิ่งส่งเสียงร้องคำรามน่าเวทนานัก ตัวยิ่งระเบิดไปกว่าครึ่ง ร่างสีขาวกลายเป็นสีเลือด
ส่วนจางซืออวิ้นเองก็เช่นกัน ขาทั้งสองระเบิดทันที ร่างครึ่งหนึ่งแหลกละเอียดกลายเป็นเศษเนื้อมากมาย แขนทั้งสองข้างและร่างกายก็เช่นเดียวกัน จวบจนการบดขยี้ทำลายล้างเช่นนี้กำลังแผ่ลามไป ใบหน้าของเขาเผยความสิ้นหวังเป็นครั้งแรก ยิ่งมีความงุนงงสับสนจนถึงขีดสุด
ภาพนี้ช่างกะทันหันนัก
เพียงพริบตาในสำนักเซียนล้ำบารมีก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่แห่งโถงครองกระบี่สามสี่คนนั้นก็ยังหน้าเปลี่ยนสี ลงมือทันที
นี่ไม่ใช่พวกเขาลำเอียง สวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวก่อนหน้านี้ แม้พวกเขาทั้งคู่จะบาดเจ็บหนักแต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สาหัสถึงเพียงนี้ ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
แต่จางซืออวิ้นไม่รู้ว่าทำไม คล้ายว่าจะถูกล้างสังหาร
อัจฉริยะฟ้าประทานเช่นนี้ตายที่นี่ พวกเขาไม่อาจดูดายไม่ลงมือช่วยได้
ดังนั้นเพียงพริบตา เงาร่างที่มาถึงพร้อมกับสำนักเซียนล้ำบารมีมีผู้บำเพ็ญหวนสู่อนัตตาทั้งหมดสี่คนก็ปรากฏขึ้นข้างกายจางซืออวิ้นพร้อมกันทันที ต่างลงมือช่วยชีวิต
ส่วนชายชราที่มาจากสำนักเซียนล้ำบารมียิ่งนำวัตถุดิบล้ำค่าฟ้าดินออกมาจำนวนมากมายออกมา กระทั่งใช้ลูกกลอนล้ำบารมีที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
ลูกกลอนเม็ดนี้เดิมเขาเตรียมไว้ให้จางซืออวิ้นใช้ในตอนช่วงเวลาสำคัญทะลวงขั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว อาศัยพลังชีวิตน่าครั่นคร้ามที่แฝงอยู่ในนั้นร่วมกับลูกกลอนนับไม่ถ้วน ถึงได้ช่วยจางซืออวิ้นที่อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสกลับมาได้
ทำทุกอย่างเสร็จ ชายชราสำนักเซียนล้ำบารมีคนนี้ก็ประคองจางซืออวิ้นที่อ่อนแรงสลบไม่ได้สติ มองไปทางผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่อยู่ข้างหน้าอย่างจนปัญญา
“ใต้เท้าทั้งสาม ไยจึงเป็นเช่นนี้”
ผู้อาวุโสผู้ถือกระบี่ทั้งสามคนนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน มองไปทางบริเวณความสูงสามพันจั้งบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ยิ้มขื่นส่ายหน้า
“เรื่องนี้พวกข้าจะสืบให้กระจ่าง”
ผู้อาวุโสสำนักเซียนล้ำบารมีถอนหายใจ ประสานหมัดพาจางซืออวิ้นจากไป
เรื่องนี้จนถึงตอนนี้ก็นับว่าจบสิ้นชั่วคราว และการเคลื่อนไหวของโถงครองกระบี่ก็รวดเร็วมาก ทำการผนึกเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะทันที ไม่อนุญาตให้ปีน จากนั้นก็เริ่มทำการตรวจสอบเสา
ส่วนจางซืออวิ้น ท่ามกลางเสียงฮือฮานับไม่ถ้วนที่ดังตามมา ก็ถูกผู้อาวุโสสำนักเซียนล้ำบารมีพากลับฐานที่มั่น รักษาอาการบาดเจ็บให้เขาโดยไม่สนค่าตอบแทนใดๆ ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาทรงตัวโดยสมบูรณ์
ส่วนตัวจางซืออวิ้นเดิมทีก็ไม่ธรรมดา หลังจากที่อาการบาดเจ็บทรงตัว ใช้เวลาเพียงแค่สองวันก็ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือชายชราสำนักเซียนนำบารมี หรือจะเป็นโถงครองกระบี่ ต่างไม่ได้สังเกตถึง…เหตุผลแท้จริงที่ว่าจางซืออวิ้นที่เดิมควรจะตายไปแล้วแต่กลับยังไม่ได้ตาย
จางซืออวิ้นที่ฟื้นฟูกลับมา ในมุมหนึ่งที่ซ่อนเร้นเป็นอย่างยิ่งในทะเลความรู้สึก มีดวงจันทร์สีแดงดวงหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
เงาร่างที่นั่งปิดใบหน้าอยู่บนดวงจันทร์ดวงนี้ ตอนนี้ค่อยๆ ลดมือทั้งสองลง เผยให้เห็นใบหน้าที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งดวงหนึ่ง
เหตุที่บอกว่าแปลกประหลาดเพราะใบหน้าดวงนี้ไม่มีเครื่องหน้า
มีรูเล็กๆ นับไม่ถ้วน ตอนนี้ขณะที่มันหดเล็กขยับเขยื้อน เลือดสีแดงฉานที่ไหลออกมาก็ทะลักไม่หยุด
แผ่ความอัปมงคลออกมา
“ไม่ใช่เขา
“คนที่ช่วงชิงน่าจะเป็นประเภทเดียวกับข้า…หลังจากลงมาเยือน ข้าก็จะหาเจอ กลืนกินมันเสีย
“ร่างนี้อ่อนแอนัก ต้องหล่อเลี้ยง ก่อนหน้านั้น…หลับใหลต่อไป”
เงาร่างบนดวงจันทร์พึมพำแผ่วเบา เสียงค่อยๆ อ่อนแรงลง
ทุกอย่างนี้จางซืออวิ้นไม่มีความสามารถได้รู้ เขาคิดว่าทุกอย่างเป็นปกติ แต่ความจริงแล้วนี่ก็เป็นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่เขาไม่ตาย
แต่สวี่ชิงที่อยู่ในฐานที่มั่นพันธมิตรแปดสำนัก ในเสี้ยวพริบตานี้ก็พลันลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิรักษาอาการบาดเจ็บ ดวงตาทั้งสองฉายความหวาดกลัวและตกใจ มองไปทางฐานที่มั่นสำนักเซียนล้ำบารมี