รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 981 หลี่จิ่วเต้า ‘ร่างกายอันบริสุทธิ์จะหายไปแล้วหรือ?’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 981 หลี่จิ่วเต้า ‘ร่างกายอันบริสุทธิ์จะหายไปแล้วหรือ?’

บทที่ 981 หลี่จิ่วเต้า ‘ร่างกายอันบริสุทธิ์จะหายไปแล้วหรือ?’

หลินสีขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พึงพอใจ คนเบื้องหน้าช่างไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเสียจริง

ตัวตนของเขาเป็นถึงผู้ถูกกำหนดจากผู้เบิกทาง สามารถร่วมกินดื่มกับเขาได้นับว่าเป็นเกียรติอย่างถึงที่สุด

ทว่าหลี่จิ่วเต้ากลับไม่รู้สิ่งใดควรไม่ควร ถึงกับกล้าปฏิเสธเขา นี่ช่างน่าขันเสียจริง

“โลกหล้ากว้างใหญ่ อย่าได้ตัดเส้นทางตน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องขึ้นได้…”

สีหน้าของเขาราบเรียบ

“บนโลกมีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่จำเป็นต้องรักษาไว้ทุกสาย บางเส้นทางตัดก็ตัดไปเถิด บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้”

หลี่จิ่วเต้าพูดอย่างสบาย ๆ

หลินสีหัวเราะ ไม่ได้จากออกไป “หากข้าต้องการกินดื่มที่นี่เล่า?”

“ข้าไม่ต้อนรับ” หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว

“คุณชาย ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าเถิด”

ตอนนั้นเองเจ้าก้อนหินก็อาสาตนขึ้นมา

“ตกลง” หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม

หลังได้รับคำยินยอมจากคุณชาย เจ้าก้อนหินก็เดินออกไปด้วยรอยยิ้มร่า

“ผูกมิตร ข้าชื่นชอบการผูกมิตรที่สุดแล้ว”

เขามองไปทางหลินสีและสวีจื้อ ก่อนพูดออกมาอย่างมีความนัย “โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรสหายที่แข็งแกร่ง”

หลินสียิ้ม นี่คือหลี่จิ่วเต้าต้องการจะหาทางลงใช่หรือไม่?

ให้คนข้างกายมายินยอมให้พวกเขาอยู่ต่อ

ช่างมันเถิด อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่คนตัวน้อย ๆ ไร้บทบาทสำคัญ เขาไม่ได้ใส่ใจอันใดมาก

“ใช่แล้ว หากเจ้าผูกมิตรกับข้า เพียงเดินตามเส้นทางของข้า พวกเจ้าก็จะได้ประโยชน์มหาศาล ไม่ต้องทนทุกข์”

กล่าวจบเขาก็เดินไปด้านหน้า ต้องการจะนั่งลง

อันใดคือได้ประโยชน์มหาศาล ไม่ต้องทนทุกข์?

พวกลั่วสุ่ยขมวดคิ้ว คนผู้นี้ช่างผยองยิ่งนัก คำพูดจาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและหลงตนเอง

เจ้าเด็กเวรนี่ช่างวางท่าเสียจริง!

เจ้าก้อนหินเหยียดยิ้มในใจ มันจะปล่อยให้หลินสีนั่งลงเช่นนี้ได้อย่างไร

“อย่าเพิ่ง รอก่อน ข้าจะบอกว่าข้าชื่นขอบการผูกมิตรสหายที่แข็งแกร่ง แต่เจ้ามีความแข็งแกร่งมากเพียงพอหรือไม่?”

เขาหยุดหลินสีเอาไว้ หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ

“แข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่?”

หลินสียิ้ม เข้าใจความหมายของคำพูดเจ้าก้อนหินทันที

นี่คือต้องการจะทดสอบพลังของเขา

“ข้าย่อมต้องแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย”

หลินสียิ้มไม่ยี่หระ มั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง

“ฮ่าฮ่า ข้าเพียงแค่ชื่นชอบสหายที่แข็งแกร่งเพียงพอ!”

เจ้าก้อนหินเดินเข้าไปหาด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “มา สหายผู้แข็งแกร่ง!”

เขาอ้าแขนออก ต้องการจะกอดหลินสี

“ไม่จำเป็น!”

หลินสีขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ชายตัวใหญ่สองคนกอดกันเพื่อสิ่งใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวตนเล็กจ้อยเช่นเจ้าก้อนหิน

เขาหลบออกจากบริเวณนั้น ไม่ต้องการจะใกล้ชิดกันเจ้าก้อนหิน

ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เจ้าก้อนหินปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาอย่างกะทันหันก่อนจะกอดเขาทันที!

ขนทั่วร่างของหลินสีลุกชันขึ้นทันที ภายในใจรู้สึกย่ำแย่จนมวนท้อง

แต่แล้วเขาก็ต้องตื่นกลัวขึ้นมา เมื่อพบว่าพลังภายในร่างทั้งหมดไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ราวกับถูกระงับเอาไว้!

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?!

เขาแทบจะกรีดร้องออกมา เจ้าก้อนหินแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

‘คะ คาดไม่ถึงเลยว่าหลินสีจะมีความชอบเช่นนี้!’

ด้านหลังเขา สวีจื้ออดตัวสั่นไม่ได้

หลินสีแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นจะถูกบังคับให้ไปอยู่ในอ้อมแขนคนอื่นได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าหลินสีเต็มใจ

เขาคิดว่าหลินสีอาจมีความชื่นชอบพิเศษบางอย่าง

‘หลังจากจบเรื่องนี้แล้วข้าต้องอยู่ห่างเขาเสียน้อย ข้าไม่ต้องการถูกเขา…ทำให้เสียคน!’

เขาเอ่ยภายในใจอย่างตื่นกลัว

อันตรายเกินไปที่จะอยู่ใกล้ชิดผู้มีความชื่นชอบพิเศษเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อใดเขาจะถูกหลินสีบังคับ เขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น!

เขายังคงมีความชื่นชอบตามปกติ ยังคงชมชอบ…สตรี!

หลินสีพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ พลังในร่างถูกระงับโดยสิ้นเชิง ไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย

เขาตระหนักขึ้นมาได้ทันที

ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าก้อนหินสามารถปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาได้ในพริบตา ก่อนจะบังคับกอดเขา!

เจ้าก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้ามันล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึง น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!

ขณะนั้นเอง เหงื่อพลันเริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผากของหลินสี ลมหายใจแทบหยุดลง แขนเจ้าก้อนหินกอดลงมาด้วยแรงอันน่าหวาดกลัว ทำให้ร่างกายของเขาอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก!

เมื่อเจ้าก้อนหินปล่อยอ้อมกอด เขาก็ฟุบนั่งลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“แข็งแกร่งเพียงพออันใดกัน เจ้าช่างกล้าพูดหน้าไม่อาย ดูเสียเพียงแค่นี้ก็อยู่ในสภาพไหนแล้ว!”

เจ้าก้อนหินเอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจ “ไอ้หยา เจ้าช่างหน้าไร้ยางอาจเสียจริง ปากบอกว่าแข็งแกร่ง แต่แท้จริงกลับอ่อนแอยิ่งนัก! มีคุณสมบัติอันใดมาผูกมิตรเป็นสหายกับผู้แข็งแกร่งอย่างพวกข้า? รีบกลับไปกินยาบำรุงกำลังเสียเถอะ ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าเพียงแค่ถูกลมพัดก็ปลิวไปได้ทุกเมื่อ!”

“เจ้า!”

หลินสีที่ทรุดอยู่บนพื้นมองมาด้วยแววตาลุกโชน โกรธเสียจนหัวใจตับปอดแทบระเบิดออกมา

เขาได้รับวาสหนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ให้ ครอบครองพลังและวิธีการรักษา ‘โรค’ แต่กลับมาหกคะเมนล้มลงที่นี่ เช่นนั้นเขาจะทนยอมรับได้อย่างไร!

เขาเรียกทวนสีเงินออกมา แสงลุกโชนอันไร้ที่สิ้นสุดเปล่งประกาย แทงตรงไปทางเจ้าก้อนหิน

นี่ไม่ใช่ทวนธรรมดาทั่วไป เป็นสิ่งที่ผู้เบิกทางหลอมขึ้นมาเช่นกัน ทว่ามันไม่มีความสามารถด้านการกำจัด ‘โรค’

สวีจื้อเองก็เคยได้รับศาสตราวิเศษที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ เป็นไข่มุกเม็ดหนึ่ง

ทว่าไข่มุกนั้นไม่อาจเทียบทวนสีเงินเล่มนี้ได้แม้แต่น้อย

ไข่มุกถูกผู้เบิกทางหลอมขึ้นมาตามใจชอบ วัตถุดิบและความใส่ใจล้วนไม่มี

แต่ทวนสีเงินแตกต่างออกไป

หอกสีเงินเป็นศาสตราวิเศษที่ผู้เบิกทางหลอมขึ้นมาอย่างเอาใจใส่ ระดับพลังนั้นมากกว่าไข่มุกมาก

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าทวนสีเงินสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตขั้นเก้าขอบเขตอิสระได้อย่างง่ายดาย

แม้ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตอิสระ ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ง่าย ๆ

ปัง!

เจ้าก้อนหินต่อยออกไป ปรากฏภาพกำปั้นเข้าปะทะกับทวนสีเงินอย่างเห็นได้ชัด!

เพียงพริบตาต่อมาแสงทั้งหมดบนทวนสีเงินก็ดับลง จากนั้นก็ร่วงหล่นลงบนพื้น

“อันใดกัน!”

หลินสีตกตะลึง นี่มันอันใดกัน? เหตุใดจึงได้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้?

กระทั่งทวนสีเงินยังไม่ได้ผล!

“ทวนเงินอ่อนราวขี้ผึ้ง ที่ข้าพูดไปก่อนหน้าไม่ผิดจริง ๆ!”

เจ้าก้อนหินหัวเราะคิกคัก

แต่เขาเองก็ตระหนักได้ว่าเจ้าก้อนหินไม่อาจรับมือโดยง่าย เกรงว่าเขาจะไม่สามารถต่อกรด้วยได้

ไม่เช่นนั้นพลังของเขาคงไม่ถูกเจ้าก้อนหินยับยั้งเอาไว้ได้ อีกทั้งทวนสีเงินก็จะไม่ปราชัยต่อเจ้าก้อนหิน

สวีจื้อที่อยู่ด้านหลังหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน

สวรรค์ เจ้าก้อนหินแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?!

“ไปให้พ้น เจ้าอ่อนปวกเปียกเพียงนี้ก็อย่าได้เอ่ยว่าตนเองแข็งแกร่งอีก มันน่าขายหน้า!”

เจ้าก้อนหินตวาดใส่หลินสี

ใบหน้าของหลินสีเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที แต่เขาก็ไม่กล้าพูดสิ่งใด รีบจากไปพร้อมกับสวีจื้อชนิดไม่เห็นฝุ่น

นี่เป็นเพียงแค่ละครฉากเล็ก ๆ เท่านั้น

หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ใส่ใจมากนัก หลังจากเนื้อย่างได้ที่ดีแล้ว พวกเขาก็เริ่มกินดื่มกัน

“ลั่วสุ่ย เย็นลงหน่อยเถิด เจ้าคิดทำสิ่งใดจึงดื่มมากเพียงนั้น? นั่น…เหล้าขาวหรือ?!”

หลี่จิ่วเต้าตกตะลึง ลั่วสุ่ยนั้นเกิดความห้าวหาญขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดื่มเหล้าขาวเข้าไปหลายแก้ว

“เอ๋ ข้าดื่มเหล้าขาวหรือ? ข้าคิดว่าดื่มน้ำผลไม้เสียอีก!”

ลั่วสุ่ยแลบลิ้นออกมาเลีย เอ่ยออกมาอย่างน่ารัก

ขณะพูดนางก็ดื่มเหล้าขาวเข้าไปอึกแล้วอึกเล่า ทั้งดวงหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออก ลั่วสุ่ย เจ้าช่วยแสดงให้แนบเนียนกว่านี้ได้หรือไม่?

เขามองความคิดลั่วสุ่ยออกในพริบตา นางจงใจพยายามมอมเหล้าตนเอง

‘ข้าต้องตรวจดูประตูห้องให้ดีตอนกลางคืน!’

เขาคิดในใจ

เหตุใดลั่วสุ่ยถึงได้ดื่มเหล้าขาวจำนวนมากเพียงนั้น? เห็นได้ชัดว่าต้องการจะมอมตนเอง…จากนั้นก็ทำเรื่องอย่างว่า!

ภายในใจของเขากู่ร้องอย่างเจ็บปวดทุกข์ตรม ทุกวันต้องคอยมาระวังปีศาจน้อยเปี่ยมเสน่ห์อย่างลั่วสุ่ยที่คิดจะจับเขากินอยู่ตลอดเวลา

“คุณชาย…เสื้อผ้าข้าเองก็นำมาด้วย…คืนนี้ข้าจะไปห้องคุณชายเพื่อเต้นรำให้ดู…”

ลั่วสุ่ยจงใจโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูหลี่จิ่วเต้า

เต้นรำ?

เกรงว่าเจ้าจะกินข้าเสียมากกว่ากระมัง

หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ นี่ช่างยากเย็นเหลือเกิน!

“เซี่ยเหยียน เจ้าเองก็ต้องการจะทำสิ่งใด?”

ในขณะนั้นหลี่จิ่วเต้าก็พบว่าเซี่ยเหยียนเองก็ดื่มเหล้าขาวอย่างบ้าคลั่งไม่แพ้กัน เพียงอึดใจเดียวก็ดื่มไปแล้วหลายแก้ว

“ข้าเองก็อยากไปในห้องคุณชาย…เพื่อเต้นรำด้วย”

เซี่ยเหยียนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ภายในปากอบอวลไปด้วยกลิ่นสุรา เห็นได้ชัดว่าเริ่มเมามายแล้ว

“หลิงอิน เจ้าจะทำสิ่งใด?!”

ก่อนที่หลี่จิ่วเต้าจะทันได้เอ่ยสิ่งใดกับเซี่ยเหยียน เขาก็พบว่าหลิงอินนั้นดื่มสุราลงไปหลายแก้วเช่นกันโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

“เต้นรำ…”

หลิงอินเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ

ไม่ง่ายสำหรับข้าเลย

ทุกคนต่างก็คิดจะกินข้า!

หลี่จิ่วเต้าอยากจะร้องไห้ออกมา เรื่องนี้ยากเกินไปสำหรับเขา คิดปกป้องตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด!

“ไม่นะ จิ้งจอกน้อยเจ้าทำสิ่งใด?”

หลี่จิ่วเต้าตกอยู่ในความปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง อันใดกัน เขาเห็นว่าจิ้งจอกน้อยเองก็ดื่มเหล้าขาวอย่างดุดันด้วย

“ไม่ใช่ว่ากำลังจะไปเต้นรำให้คุณชายหรือ? ข้าเองก็ต้องการจะเต้นรำให้คุณชายด้วย! พวกนางดื่มกันหมดเลย จะต้องเมาก่อนถึงจะเต้นรำได้แน่ ข้าเองก็ต้องดื่มด้วย!”

จิ้งจอกน้อยเอ่ยด้วยแววตาพร่ามัว

นางเข้าใจผิด คิดว่าพวกลั่วสุ่ยต้องการจะเต้นรำให้คุณชายจริง ๆ นางเองก็ต้องการจะเต้นรำให้คุณชายด้วย ดังนั้นจึงเริ่มดื่มอย่างบ้าคลั่ง

“คุณชายเชื่อข้าเถิด ข้าเต้นรำเก่งมาก จะต้องไม่แย่ไปกว่าเหล่าพี่สาวอย่างแน่นอน!”

จิ้งจอกน้อยเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจและกระตือรือร้น

“พูดให้น้อยลงเสีย!”

จิ้งจอกขาวรีบปิดปากจิ้งจอกน้อยทันที เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่เข้าใจสิ่งใดเลย นี่มันการเต้นรำที่ใดกัน!

นี่จะต้องเป็นการร่ายรำอย่างดุเดือดต่างหาก!

หลี่จิ่วเต้าไม่กล้าดื่มต่อ หากเขาเมาขึ้นมา เกรงว่าทุกอย่างคงไม่อาจควบคุมได้จริง ๆ แล้ว!

สตรีทั้งสามคนนี้ล้วนดุดันยิ่งนัก ท่าทางราวกับไม่พอใจใครสักคน ยิ่งดื่มก็ยิ่งฮึกเหิม

“คุณชาย ข้าดื่มไปมากแล้ว ข้าขอตัวกลับห้องก่อน!”

“ข้าเองก็ด้วย เริ่มเมาเสียแล้ว!”

พวกต้นหลิวต่างมีไหวพริบดียิ่ง รีบลุกออกจากโต๊ะอาหาร กลับไปยังห้องของตนเองในรถม้า

“อ๊ะ พี่ไป๋ ท่านทำสิ่งใด? ข้ายังอยากเต้นรำกับคุณชายนะ! ท่านอย่าลากข้าไป!”

จิ้งจอกน้อยตะโกนออกมา ต้องการจะเต้นรำให้คุณชายจริง ๆ ทว่ากลับถูกจิ้งจอกขาวลากออกไปอย่างแรง

“เต้นรำอันใดกัน เจ้ากลับไปที่ห้องแล้วค่อยเต้นให้ข้าดู!”

จิ้งจอกขาวลากจิ้งจอกน้อยเข้าไปด้านในห้องก่อนจะปิดประตู

“ฮึ่ม พวกเจ้ากำลังทำให้เรื่องราววุ่นวาย!”

ลั่วสุ่ยที่เมาหนักแล้วเอ่ยกับเซี่ยเหยียนและหลิงอินด้วยความโกรธ

หลังจากนั้นนางก็กอดแขนของหลี่จิ่วเต้าพลางเอ่ยเสียงหวานว่า “คุณชาย พวกเราเองก็กลับห้องเถิด ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเต้นรำให้ท่านดู!”

นี่เป็นเสื้อที่หลี่จิ่วเต้าทำให้นางเป็นพิเศษ เปี่ยมด้วยเสน่ห์ยั่วยวนคน

ยามนั้นนางกล่าวออกมาว่าต้องการจะสวมให้หลี่จิ่วเต้าดู

น่าเสียดายที่นางไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน

เซี่ยเหยียนกับหลิงอินก็เมาแล้วเช่นกัน ทั้งหมดต่างมารุมล้อมให้หลี่จิ่วเต้ากลับไปในห้อง พวกนางต้องการจะเต้นรำให้หลี่จิ่วเต้า

“ข้าเองก็มีเสื้อผ้าเหมือนกัน!”

“อืม ใช่แล้ว รอสวมให้คุณชายได้ชม!”

หลิงอินกับเซี่ยเหยียนเองก็เอ่ยออกมาด้วยความเมามาย

จบแล้ว!

ไม่มีทางให้หนีแล้ว!

หลี่จิ่วเต้าก่ายมือบนหน้าผาก วันนี้เขาถึงคราวยากจะผ่านเคราะห์แล้วอย่างนั้นหรือ?

ร่างกายอันบริสุทธ์…จะหายไปแล้วหรือ?

เขารู้สึกอึดอัด

ตน…ไม่ต้องการเช่นนี้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท