ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 241 ถูกครึ่งหนึ่ง

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 241 ถูกครึ่งหนึ่ง

บทที่ 241 ถูกครึ่งหนึ่ง

เมื่อเสียงร้องไห้ดังขึ้นเช่นนี้ หมายความว่านางเห็นด้วย

การเลี้ยงฮวนฮวนจนโตเป็นภารกิจระยะยาว หลิงเยว่ไม่สามารถอยู่ที่เมืองฝู่ซางหลายร้อยปีได้

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย…” นายท่านตระกูลเซี่ยไม่วางใจให้หลิงเยว่พาฮวนฮวนไปเพียงลำพัง

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถิด” หลิงเยว่ไม่ปฏิเสธผู้พิทักษ์ที่เก่งกาจหรอก แต่ว่านางมีความลับมากเกินไป การให้หัวหน้าปีศาจเช่นเขาติดตามไปด้วย คงไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก

พอหลิงเยว่ออกไปแล้ว ฮูหยินเซี่ยยิ่งร้องไห้ดังขึ้น

เมื่อหลิงเยว่กลับถึงสำนัก นางก็ถูกดึงตัวไปสอนเหล่าศิษย์หน้าใหม่ให้ปรุงสุราปราบมาร บางครั้งนางยังแอบสอนอาหารวิญญาณพิเศษอีกด้วย วันเวลาผ่านไปอย่างราบรื่น

ส่วนคำสั่งไล่ล่านั้น เมืองฝู่ซางยังไม่เปิด พวกเขาจึงยังเข้ามาไม่ได้

[เสร็จสิ้นภารกิจหลักที่ 15 สอนสำนักกลั่นโอสถเหอตงเป็นเวลาสามปี ค่าพลังวิญญาณ +5,000,000,000 แต้ม อายุขัย +50,000 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 1.5 ล้านล้าน อายุขัยคงเหลือ 69,999 วัน]

“!!!”

นางอยู่ที่นี่ครบสามปีแล้ว!

หลิงเยว่วางสมุนไพรวิญญาณในมือลง แล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เหล่าศิษย์ด้านล่าง “?”

เหตุใดอาจารย์ท่านนี้สอนอยู่ดี ๆ ก็เป็นบ้าขึ้นมาเล่า? หรือเป็นเพราะพวกเขาหัวทึบเกินไปจนทำให้หลิงเยว่คลั่งไปแล้ว?

อาจเป็นเช่นนั้น เหล่าศิษย์ต่างคิดในใจ

“วันนี้หยุดหนึ่งวัน!” หลิงเยว่โยนสมุนไพรวิญญาณทิ้ง พลันวิ่งออกจากห้องเรียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ราวกับว่าจะทำให้ผู้อื่นติดเชื้อเอาได้

“มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้น หรือว่าข่าวที่เจ้าได้เป็นรองเจ้าเมืองปราบมารหลุดออกไปแล้ว?” อาจารย์ใหญ่โยนป้ายหยกสีเขียวมาให้หลิงเยว่

ซึ่งบนป้ายหยกมีชื่อของหลิงเยว่และตำแหน่งรองเจ้าเมืองปราบมารปรากฏอยู่

“!!!”

ป้ายประจำตำแหน่งรองเจ้าเมืองหรือ? หลิงเยว่รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ข้าไม่ได้บอกแล้วหรอกหรือว่าข้าไม่อยากเป็นเจ้าเมือง”

“ดังนั้น เจ้าจึงได้เป็นรองเจ้าเมืองอย่างไรเล่า” อาจารย์ใหญ่ตอบอย่างมีเหตุผล นางอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี แต่กลับได้รับตำแหน่งรองเจ้าเมืองถึงสองเมือง และมีลูกศิษย์กระจายอยู่ทั้งสองเมืองด้วย… ลองถามดูเถิดว่ายังมีใครที่รับโอกาสเช่นนี้อีก?

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความคิดของเขา แต่เป็นความคิดของนักกลั่นโอสถอาวุโส เพียงแค่สุราปราบมารและลูกศิษย์ไม่เพียงพอที่จะผูกมัดหลิงเยว่ไว้ได้ ดังนั้น เขาจึงใช้วิธีเดียวกับซูซวง ซึ่งผลลัพธ์น่าจะดีทีเดียว

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อหลิงเยว่ได้เป็นรองเจ้าเมืองแล้ว นางต้องมีความรับผิดชอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้

หลิงเยว่ “…”

พูดได้สมเหตุสมผลนัก นางหาคำพูดมาโต้แย้งไม่ได้เลย

[ภารกิจหลักที่ 16 ไปที่สนามรบโบราณเฉียนซี วิหารเสินโม่จะเปิดในอีกสองปี สังหารร่างแยกของจอมปีศาจ นำหัวใจของเขาออกมา แล้วเอาร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของเจ้ากลับคืนมา รางวัลเป็นค่าพลังวิญญาณห้าร้อยล้านแต้ม อายุขัยห้าหมื่นวัน การลงโทษเพิ่มเป็นสองเท่า]

อะไรกัน?

ร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของนางอยู่ในหัวใจของคนอื่นหรือ?

หลิงเยว่พลันแตะร่างกายของตนเองทันที แขนขาครบ อวัยวะภายในไม่ได้ขาดหายไปที่ใดเลย แล้วเหตุใดต้องไปตามหาร่างกายที่ขาดหายไปด้วย?

“ระบบ เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าอีกครึ่งของเมล็ดพันธุ์ข้าอยู่ในดินแดนปีศาจ? แล้วเหตุใดข้าต้องไปสนามรบอะไรนั่นด้วย?”

ชื่อสนามรบนั่นฟังดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังต้องพาฮวนฮวนร่อนเร่ไปด้วย เพื่อออกตามหาเหล่าลูกศิษย์ แต่ตอนนี้…

[อีกครึ่งหนึ่งนั้นถูกต้องแล้ว เพราะเจ้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน]

หลิงเยว่ “…”

นางเพิ่งจะโดนผ่าเป็นสี่ส่วนหรือ?

ระยะทางจากเหอตงถึงเฉียนซีไม่ได้ไกลมากนัก เดินทางเพียงครึ่งปีก็ถึงแล้ว ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งปีครึ่ง…

“ดีใจจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”

อาจารย์ใหญ่เห็นหลิงเยว่มีท่าทางผิดปกติ เดี๋ยวตกใจ อีกเดี๋ยวก็โกรธเหมือนจะไม่พอใจที่ตัวเองได้เป็นรองเจ้าเมือง แต่เมื่อป้ายรองเจ้าเมืองมาถึงมือ นางถือเป็นรองเจ้าเมืองเต็มตัวแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ

นางดูเหมือนดีใจหรืออย่างไร?

นางอยากจะร้องไห้ยิ่งนัก!

หลิงเยว่เก็บป้ายรองเจ้าเมืองแล้วรีบบุกเข้าไปในห้องบำเพ็ญทันที “ระบบ ข้าจะซื้อวิชา!”

หากพึ่งแค่การฝึกฝนของนางคงช้าเกินไป จนถึงตอนนี้นางยังไม่เข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลายด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงวิหารเสินโม่แล้วไม่ใช่ว่าส่งตัวเองไปเป็นอาหารหรอกหรือ?

[ตอนนี้ค่าพลังวิญญาณและอายุขัยทั้งหมดของเจ้ามีพอที่จะบรรลุถึงขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นต้นเท่านั้น]

ระบบอยากให้นางตายคาที่หรืออย่างไร? หลิงเยว่ไม่บ้าเอาอายุขัยของนางทั้งหมดไปทะลวงขอบเขตปฐมวิญญาณหรอก มันมีค่ามาก นางไม่มีทางเอามาแลกซื้อวิชาหรอก!

“ไม่ใช่ว่าข้ายังมีค่าพลังวิญญาณหนึ่งล้านล้านหรอกหรือ? หากเอาไปใช้ก็คงซื้อได้ถึงขอบเขตจินตาน”

หลิงเยว่ปวดใจยิ่งนัก นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่นางต้องประหยัดแท้ ๆ นางยอมขายโน่นขายนี่ ตั้งใจเก็บค่าพลังวิญญาณหนึ่งล้านล้านไว้เพื่อซื้อวิชา ส่วนมากกว่านั้น… นางย่อมเก็บได้อยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น และตอนนี้นางไม่มีเวลาแล้ว ต้องบรรลุให้ถึงจินตานก่อนแล้วค่อยว่ากัน

[ยืนยันการซื้อหรือไม่?]

“ยืนยัน”

หลิงเยว่มองค่าพลังวิญญาณห้าสิบล้านที่เหลืออยู่ พลันรู้สึกใจสลาย แต่ทุกอย่างทำเพื่อเสริมสร้างตนเองให้แข็งแกร่ง!

ไม่ผิดแน่!

พลังวิญญาณเบญจธาตุไหลทะลักเข้าสู่ตันเถียนของหลิงเยว่ นางรู้สึกได้ว่าตันเถียนของตนเองราวกับหลุมไร้ก้น ดูดซับเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอและสิ่งที่นางกังวล เช่น พลังลมปราณจะไม่บริสุทธิ์หรือการใช้จินตานของคนอื่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้น

พลังวิญญาณเบญจธาตุนั้นบริสุทธิ์ยิ่งนัก ราวกับถูกกรองมาแล้ว การใช้ค่าพลังวิญญาณมากมายดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดมากนัก

หลิงเยว่จมอยู่ในการดูดซับพลังลมปราณ จนไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรแล้ว… จนกระทั่งเสียงของสายฟ้าดังขึ้นข้างหู นางจึงลืมตาขึ้น

“นั่นไม่ใช่ห้องบำเพ็ญของอาจารย์หลิงหรอกหรือ!”

เสียงเหล่าศิษย์ดังขึ้น ทุกคนต่างวิ่งมาดูความวุ่นวาย แต่มีเพียงหัวหน้าตะขาบมรกตที่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง เขาจึงวิ่งไปอีกทางเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลง!

อาจารย์ใหญ่สูดลมหายใจ นางเพิ่งเก็บตัวบำเพ็ญได้สามเดือน เหตุใดถึงก้าวข้ามขอบเขตได้แล้วเล่า? ก่อนหน้านี้ยังไม่ถึงขอบเขตสร้างรากฐานตอนปลายเลยด้วยซ้ำ!

นางต้องกินโอสถเป็นแน่ ไม่ได้การ เขาต้องรอหลิงเยว่ก้าวข้ามแล้วคุยกับนางให้ดีเรื่องโทษของการกินโอสถเช่นนี้ แม้การบำเพ็ญเบญจธาตุอาจช้าหน่อย แต่ความช้าล้วนมีข้อดีของมัน เหตุใดนางถึงคิดสั้นแบบนี้เล่า?

“หรือว่านางคิดค้นของใหม่ได้?” นักกลั่นโอสถอาวุโสตาเป็นประกาย เมื่อครั้งสุราปราบมารเพิ่งออกมาใหม่ ๆ เขายังจำภาพคนหลายสิบที่ผ่านด่านพร้อมกันได้แม่นยำ

เมื่อได้ยินนักกลั่นโอสถอาวุโสพูดเช่นนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเริ่มคาดหวังขึ้นมา

ท้องฟ้าเบื้องบนปรากฏเมฆดำทะมึน สายฟ้าแลบแปลบปลาบส่งเสียงดังกึกก้อง สถานการณ์ดูยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเป็นการฝ่าทัณฑ์สวรรค์ของขอบเขตจินตาน ราวกับว่าอยู่ระหว่างด่านจินตานและปฐมวิญญาณเสียมากกว่า

“อาจารย์ออกมาแล้ว!”

หลิงเยว่ก้าวออกมา พลางเงยหน้ามองสายฟ้าสีม่วงเข้มด้านบนศีรษะ ทันใดนั้นนางพลันนึกถึงตอนที่ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขอบเขตสร้างรากฐานเมื่อครั้งก่อน แล้วครั้งนี้… นางจะผ่านไปง่าย ๆ ได้อีกหรือไม่?

“ยืนงงอยู่ทำไม หยิบศาสตราวุธออกมาเตรียมรับสายฟ้าลำแรกเสียสิ!” อาจารย์ใหญ่เห็นหลิงเยว่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกไม่ได้ จึงตะโกนเตือนขึ้น

ศาสตราวุธ?

แม้หลิงเยว่อยากจะหยิบศาสตราวุธออกมา แต่ศาสตราวุธของนางยังหลับอยู่เลยใช้การไม่ได้ ส่วนเจ้านกตัวน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมันกำลังหลอมรวมกับหินหงส์ไฟอยู่

น่าโมโหเสียจริง! พอจะใช้ก็ดันไม่มีผู้ใดที่ใช้การได้เลย โดยเฉพาะหัวหน้าตะขาบมรกตตัวนั้นที่หายเข้าไปในกลีบเมฆ

สายฟ้าสีม่วงดำสายแรกโผล่ออกมาจากชั้นเมฆ แล้วพุ่งลงมาบนศีรษะของหลิงเยว่ทันที โดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เพียงพริบตาร่างบางก็จมหายไปในสายฟ้าแล้ว

ผู้เห็นเหตุการณ์ทุกคนต่างหันหน้าหนีโดยสัญชาตญาณ ไม่มีใครกล้ามองสภาพอันน่าสังเวชของหลิงเยว่แม้แต่คนเดียว

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท