ตอนที่ 1,083 ท่านจะเล่นอะไรนักหนา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงหมากตัวที่ห้า ผู้อาวุโสเฉินกำลังจะวางผิดตำแหน่งจากในแอปเทพโกะสะท้านฟ้า
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม…”
เป็นอีกหนึ่งครั้งที่หลินเป่ยเฉินส่งเสียงกระแอมไอเหมือนมีอะไรติดคอ
ผู้อาวุโสเฉินต้องหันมามองหน้า
ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงยกมือชี้ตำแหน่งที่ชายชราควรวางหมาก
ผู้อาวุโสเฉินใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะปรากฏความโล่งใจ และทันใดนั้น เขาก็วางเม็ดหมากล้อมลงไปตามตำแหน่งที่หลินเป่ยเฉินแนะนำ
เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ท่ามกลางเสียงกระแอมไอของเด็กหนุ่มที่ดังขึ้นเป็นระยะ หมากล้อมกระดานที่สองก็จบลงในเวลาชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
“ชนะแล้ว?”
ผู้อาวุโสเฉินจ้องมองเม็ดหมากล้อมที่อยู่บนกระดานด้วยความตื่นเต้นระคนมึนงงสงสัย
ชนะแล้วหรือ?
หลินเป่ยเฉินช่วย ‘ชี้’ ตำแหน่งให้เขาทั้งหมดห้าครั้ง
หลังการชี้ครั้งที่ห้า เฉินเซียวเยี่ยนก็ชนะแล้ว
อย่างง่ายดายและดุดัน
แน่นอนว่าคำว่าอย่างง่ายดายนั้นสมควรยกให้แก่หลินเป่ยเฉินเพียงผู้เดียว
หากเฉินเซียวเยี่ยนไม่ได้รับคำแนะนำจากเด็กหนุ่มจนเปลี่ยนตำแหน่งหมากทั้งห้าครั้งนั้น ป่านนี้เขาก็คงแพ้ไปแล้ว
บรรดามือกระบี่ที่รับชมการเดินหมากอยู่ด้านล่างเวทีล้วนแต่มีสีหน้าสับสนซับซ้อน บางคนตกตะลึง บางคนไม่อยากเชื่อ
ปรากฏว่าปีศาจน้อยหลินเป่ยเฉินนอกจากเอกอุเรื่องการฆ่าคนแล้ว ยังมีฝีมือเล่นหมากล้อมฉกาจฉกรรจ์อีกด้วย
ให้ตายเถอะ
หลินเป่ยเฉินชักจะเก่งเกินไปแล้ว
แม้แต่เหยียนหรู่อี้ก็ยังต้องอ้าปากค้างตกตะลึงในความสามารถของเด็กหนุ่มชุดขาวผู้ยืนอยู่บนเวทีเดินหมาก
ความแข็งแกร่งทางด้านการเดินหมากของหลินเป่ยเฉินนับได้ว่ามีความยอดเยี่ยมยิ่งกว่าระดับวรยุทธ์ของเขาเสียอีก
ผู้อาวุโสฉีเป็นใครนั้น เหยียนหรู่อี้ย่อมรู้ดีมากกว่าทุกคน
นอกจากฝีมือเรื่องการเดินหมากแล้ว ไม่มีผู้ใดรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับชายชราปริศนาผู้นี้อีก
แต่หลินเป่ยเฉินกลับสามารถเดินหมากต่อกรกับผู้อาวุโสฉีได้อย่างไม่ตกเป็นรองสักนิด?
หลินเป่ยเฉินสามารถทำได้อย่างไร?
หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ?
เหยียนหรู่อี้จ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินและนึกถึงภาพที่เขาไล่ล่าสังหารอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กนับร้อยตัวด้วยกระบี่เล่มเดียวง่ายดายไม่ต่างจากหั่นผักผ่าแตงโม แม้แต่ตัวที่มีพลังขั้นเซียนระดับหกก็ยังไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมความตาย ด้วยความยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหยียนหรู่อี้ก็จำเป็นต้องประเมินเด็กหนุ่มผู้นี้ใหม่ทั้งหมดแล้ว
บางทีพฤติกรรมเจ้าชู้กะล่อนปลิ้นปล้อนและชอบพูดจาเหลวไหลของหลินเป่ยเฉิน อาจเป็นเพียงการเสแสร้งเพื่อปิดบังความสามารถที่แท้จริงก็ได้กระมัง?
ลูกศิษย์สาวทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างกายเหยียนหรู่อี้ในขณะนี้ต่างก็มีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
โดยเฉพาะหูเหม่ยเอ๋อร์ นางมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาหยาดเยิ้มอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน…
บนเวที
ผู้อาวุโสฉียกมือเสยผม เปิดเผยให้เห็นถึงใบหน้าแดงก่ำเป็นประกาย
แต่ดวงตาของเขานั้นสดใสไม่ต่างจากเด็กสาววัยแรกแย้ม ซึ่งทำให้ใบหน้านี้ดูประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสฉีกวาดสายตาสำรวจมองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง แววตาของเขาบอกชัดถึงความสงสัยและประหลาดใจ เช่นเดียวกับการคาดหวังในอะไรบางอย่าง
“เจ้าไปเรียนวิธีเดินหมากมาจากที่ใด?”
ผู้อาวุโสฉีถาม
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า “เป็นผู้เยาว์คิดขึ้นมาได้เองขอรับ”
“หมายความว่าเจ้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง?”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ขอรับ”
“งั้นเจ้ามาเล่นกับข้าสักกระดานเป็นไร?”
“ขอปฏิเสธ… หมากกระดานที่สามระหว่างท่านกับผู้อาวุโสเฉินยังไม่เสร็จสิ้นไม่ใช่หรือขอรับ?”
“ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้น… เจ้ามาเล่นหมากกระดานสามแทนเขาดีหรือไม่?”
“ไม่เป็นการเสียมารยาทหรือขอรับ?”
“เสียมารยาทอันใด ข้าเชื่อว่าเขาต้องเห็นด้วยแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็หันมามองหน้าเฉินเซียวเยี่ยน
ชายชราผงกศีรษะด้วยความกระตือรือร้น “ผู้เฒ่าเห็นด้วยทุกประการ”
เขาดูออกว่าหัวหน้านักบวชหลินผู้นี้เป็นอัจฉริยะในด้านการเดินหมากล้อม แต่แกล้งทำเป็นไม่มีฝีมือ
หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งในการเดินหมากมากกว่าเขาไม่รู้กี่ร้อยเท่า
บางทีอาจจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้อาวุโสฉีด้วยซ้ำ
แล้วอย่างนั้น ทำไมถึงไม่ให้หลินเป่ยเฉินลองเดินหมากแทนเขาดูสักกระดานล่ะ?
เพราะถึงอย่างไร เป้าหมายสูงสุดของเฉินเซียวเยี่ยนก็คือการเอาชนะผู้อาวุโสฉีให้ได้ ส่วนวิธีการนั้น หาได้เป็นสิ่งสำคัญไม่
“ไม่เป็นไรแน่นะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าผู้อาวุโสฉีอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร ฮ่า ๆๆ หรือว่าเจ้ากลัวขึ้นมาเสียแล้ว?”
ผู้อาวุโสฉีใช้กลยุทธ์เหยียดหยามเพื่อท้าทาย
“ใช่แล้วขอรับ ผู้เยาว์กลัว”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและพูดด้วยความจริงใจ “ผู้เยาว์กลัวว่าท่านจะต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และท่านอาจจะต้องอับอายผู้คนมากเกินไป ผู้เยาว์จึงไม่อยากเล่นสักเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นปลูกฝังความแค้นกับท่านผู้อาวุโสโดยไม่รู้ตัวขอรับ”
ผู้อาวุโสฉียกขวดน้ำเต้าบรรจุสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “เจ้าลูกเต่าน้อยตัวนี้ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ ข้ามีชื่อเสียงด้านการเดินหมากมาตลอดชีวิต หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ นอกจากข้าจะไม่โกรธแค้นเจ้าแล้ว ข้ายังจะมอบรางวัลให้เจ้าอีกด้วย”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินดวงตาเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที “รางวัลอะไรหรือขอรับ?”
ชายชราปริศนาที่แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังสแกนข้อมูลไม่ได้จะให้รางวัลเป็นอะไรกันนะ?
“เมื่อถึงเวลา เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ผู้อาวุโสฉีตอบ
“ก็ได้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตะวันออกของโต๊ะโดยไม่ลังเลอีกแล้ว
“ฮ่า ๆๆ นับว่าใจกล้าใช้ได้ ข้าจะไม่เมตตาเจ้าแล้ว”
ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยความมั่นใจ
หลังจากนั้นชั่วชงน้ำชาได้ครึ่งถ้วย
ผู้อาวุโสฉีก็ต้องถลึงตาจ้องมองกระดานหมาก ใบหน้าซีดขาว นิ้วมือสั่นเทา
เขาแพ้แล้ว!
การแพ้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
แต่ความน่ากลัวคือวิธีการที่พ่ายแพ้ต่างหาก
ชายชราเข้าใจมาตลอดว่าตนเองมีความเร็วในการวางหมากว่องไวสายฟ้าฟาด แต่หลินเป่ยเฉินกลับวางหมากได้เร็วมากกว่าเขาหลายเท่า
ทุกครั้งที่ผู้อาวุโสฉีวางหมากลงไปบนกระดาน หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถวางต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
เสียงของตัวหมากล้อมถูกวางบนกระดานดังติงตังประมาณชงน้ำชาได้ครึ่งถ้วย แล้วผู้อาวุโสฉีก็พ่ายแพ้ในที่สุด
เฉินเซียวเยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เขาไม่เคยเห็นใครสามารถเล่นหมากล้อมได้รวดเร็วเท่าผู้อาวุโสฉีมาก่อน
จนกระทั่งได้มาเห็นหลินเป่ยเฉินในวันนี้
หมากทุกตัวที่วางลงไปบนกระดานล้วนมีความหมาย
สำหรับผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวที บัดนี้ บางคนต้องยกมือขยี้ตา บางคนหอบหายใจ บางคนต้องหยิกต้นขาของตนเอง และบางคนก็ต้องกัดลิ้นของตนเอง…
พวกเขาต้องทำหลากหลายวิธีเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้กำลังฝันไป
เหยียนหรู่อี้กัดริมฝีปากของตนเองแผ่วเบา นางหอบหายใจเล็กน้อย ส่งผลให้อกภูเขาไฟไหวกระเพื่อมขึ้นลง
เช่นเดียวกับลูกศิษย์สาวทั้งสองคนของนาง
ทางด้านอิ๋นซานก็กำลังเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนก มือเรียวยาวของนางยกขึ้นปิดปาก ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในปากไม่กล้าให้ผู้อื่นพบเห็น…
รวดเร็ว
รวดเร็วเหลือเกิน
นางคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากหลินเป่ยเฉินจะสามารถสังหารคนได้รวดเร็วแล้ว เขายังสามารถเดินหมากได้รวดเร็วอีกด้วย
นับเป็นเด็กหนุ่มที่น่ามหัศจรรย์เหลือเกิน
ในกลุ่มคนทั้งหลาย มีเพียงเฉียนเหมยกับเฉียนเจินเท่านั้นที่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
พวกนางทราบดีอยู่แล้วว่านายท่านมีความสามารถรอบด้าน
“อีกหนึ่งกระดาน”
ผู้อาวุโสฉีริมฝีปากสั่นระริก พูดออกมาเสียงดัง
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้ายินดี
เขามีตัวช่วยชั้นดีอยู่ในมือ อย่างไรก็ต้องชนะได้ทุกกระดานอยู่แล้ว
ครั้งนี้ใช้เวลาชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย ผู้อาวุโสฉีก็พ่ายแพ้ไปอีกครั้ง
หมากกระดานนี้ใช้เวลานานมากกว่าเดิมเล็กน้อย
เพราะทุกครั้งก่อนที่ชายชราจะวางตัวหมากลงบนกระดาน เขาจะคิดทบทวนอยู่เป็นนานสองนาน
แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี
ส่วนความเร็วของหลินเป่ยเฉินก็ยังคงยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดิม
“อีกกระดาน”
ชายชราริมฝีปากสั่น พูดออกมาด้วยความร้อนรน
“คือว่า…”
ผู้อาวุโสฉีบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือว่าถ้าแพ้ก็จะไม่โกรธ?
แต่อาการในตอนนี้บอกชัดว่าชายชรากำลังโกรธยิ่งนัก
แต่เมื่อคิดทบทวนดูและคาดเดาว่าตนเองอาจจะแพ้ผู้อาวุโสฉีในกระดานต่อไปก็ได้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงยอมเล่นต่อ
หมากกระดานที่สามจึงเริ่มต้นขึ้น
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
ชายชราก็พ่ายแพ้อีกครั้ง
“อีกกระดาน”
ชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
ผู้อาวุโสฉีพ่ายแพ้
“อีกกระดาน…”
ผู้อาวุโสฉีพ่ายแพ้อีกครั้ง
“อีกกระดาน…”
ชายชรากล่าวด้วยความร้อนรน
หลินเป่ยเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป
โครม!
เขาลุกขึ้นคว่ำโต๊ะเดินหมากและคำรามด้วยความเดือดดาลว่า “ท่านจะเล่นอะไรนักหนาฮะ?”