ตอนที่ 1,094 โดดเด่น
โลหิตฉีดพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโส
แล้วร่างของมันก็ล้มลง
นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติง
เซียวปิงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ไม่ระเบิดหรือนี่?”
นับว่าศีรษะของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก
มันโดนพลังจากลำแสงพิฆาตซัดเข้าใส่เต็มหน้าผาก แต่ศีรษะกลับไม่ระเบิด
เด็กหนุ่มร่างอ้วนยืนถือปืนไรเฟิล 98k เดินตรงเข้าไปหาซากศพของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโส ก่อนจะเหนี่ยวไกยิงซ้ำไปที่หัวใจอีกหนึ่งนัด
“นี่แน่ะ ท่านพี่ต้องดีใจแน่ที่เห็นข้าทำตามแบบอย่างของเขา”
เซียวปิงคิดด้วยความกระหยิ่ม
แต่หลินเป่ยเฉินที่นั่งดูอยู่เกือบจะต้องยกมือขึ้นกุมขมับแล้ว
ปืน 98k ที่อยู่ในมือเซียวปิงเป็นปืนกระบอกใหม่
หลังจากที่โทรศัพท์ได้รับการอัปเกรด หลินเป่ยเฉินก็นำปืนไรเฟิลกระบอกเก่าไปแลกกระบอกใหม่ โดยคนขายรับประกันว่าปืน 98k รุ่นนี้มีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงมากกว่ารุ่นก่อนหน้า และกระสุนที่มาจากพลังลมปราณหรือศิลาบูชานั้น…ก็เพียงพอที่จะสังหารผู้มีพลังขั้นเซียนได้อย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือกระสุนมีราคาค่อนข้างแพงมาก
นี่ไม่ใช่กระบี่ การโจมตีทุกครั้งจึงมีค่าใช้จ่าย
กระสุนนัดแรกคือค่าใช้จ่าย
ยิ่งกระสุนนัดสองที่ยิงเข้าหัวใจ ยิ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เซียวปิงอุตส่าห์อยู่กับเขามาตั้งนาน แต่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องการประหยัดมัธยัสถ์บ้างเลยหรือนี่!
สงสัยกลับไปคงต้องลงโทษห้ามกินน่องไก่สิบวันซะแล้ว
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความขื่นขม
“อาจารย์เจ้าคะ…”
ซวีหวันยกมือปิดปากและมองหน้าเหยียนหรู่อี้
ดวงตาคู่งามของนางบ่งบอกถึงความตกตะลึง
สีหน้าของเหยียนหรู่อี้ก็บอกถึงความตกตะลึงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ นางได้รับทราบแล้วว่าเซียวปิง เฉียนเหมยและเฉียนเจินมีคุณสมบัติดีพอที่จะเข้าร่วมการประลอง แต่หญิงสาวก็รู้สึกอยู่เสมอว่าผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉินทั้งสามนั้นไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกนางเลย
ดังนั้น เหยียนหรู่อี้จึงคิดไม่ถึงว่าเซียวปิงจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้
เหยียนหรู่อี้ถึงกับอดถามตนเองไม่ได้ว่า หากเปลี่ยนเป็นนางไปเผชิญหน้ากับเซียวปิง นางเองจะมีสิทธิ์ชนะมากน้อยเพียงใด
มีเพียงหูเหม่ยเอ๋อร์เท่านั้นที่ตบต้นขาด้วยความตื่นเต้น “สมแล้วที่เป็นน้องชายร่วมสาบานของท่านพี่เป่ยเฉิน”
แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นต้นขาของหลินเป่ยเฉิน
ในขณะนั้น ยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิงปกคลุมด้วยความเงียบ
ดวงตาทุกคู่จ้องมองไปที่สังเวียนประลอง
ผ่านไปอีกหลายลมหายใจ เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงจึงดังอื้ออึงขึ้นมาราวกับเสียงคลื่นสึนามิซัดใส่ชายฝั่ง
เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดจะคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของเซียวปิงที่เพียงลงมือกระบวนท่าแรกก็สามารถดับชีพมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสได้สำเร็จ และสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้พบเห็นนั้น ก็คือวิชาฝ่ามือลำแสงเทพเจ้าอันเลื่องลือของหลินเป่ยเฉินนั่นเอง
“วิชาฝ่ามือลำแสงเทพเจ้าพัฒนาขึ้นใช่หรือไม่? ข่าวลือว่าหลินเป่ยเฉินไม่เคยใช้มันสังหารผู้ที่มีพลังสูงกว่าขั้นยอดปรมาจารย์นี่นา…”
“นับเป็นวิชาที่น่ากลัวนัก”
“นับเป็นวิชากระบี่ที่น่ากลัวยิ่ง”
“เพียงกระบวนท่าเดียว… เหอเหอเหอ เกรงว่าเผ่ามนุษย์ปักษาคงต้องพบเจอความยากลำบากแล้ว”
ส่วนบรรดากลุ่มยอดฝีมือสำนักต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประลอง หลายคนศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินมาล่วงหน้า พวกเขาจึงพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้บางส่วนอยู่แล้ว
หลายวันที่ผ่านมา เซียวปิงกับเฉียนเหมยออกกวาดล้างสำนักยุทธ์คนนอกทั่วเมืองไป๋หยุน พวกเขาพูดจาวางอำนาจบาตรใหญ่ เที่ยวข่มขู่ผู้คน แต่ไม่มีใครจะคาดคิดจริง ๆ ว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนกลับมีความน่ากลัวถึงเพียงนี้
สมาชิกเผ่ามนุษย์ปักษาปากอ้าตาค้างยืนอยู่ที่เดิม
เดิมทีเป้าหมายแห่งการล้างแค้นของพวกมันคือหลินเป่ยเฉินเพียงผู้เดียว
เหล่ายอดฝีมือของเผ่ามนุษย์ปักษาเชื่อว่าสมาชิกของสำนักคฤหาสน์กำยานนอกจากหลินเป่ยเฉินแล้ว หากไม่นับเหยียนหรู่อี้ก็ไม่สมควรมีผู้ใดเป็นคู่มือของพวกมันอีก
ดังนั้น เมื่อมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสไปปรากฏตัวบนเวทีประลอง มันจึงออกปากท้าทายหลินเป่ยเฉิน
กลยุทธ์ของพวกมันก็คือต้องตัดกำลังหลินเป่ยเฉินให้ได้มากที่สุด เมื่อเด็กหนุ่มจอมโอหังอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เผ่ามนุษย์ปักษาก็จะส่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองออกไปปิดบัญชีแค้น
แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้… กลยุทธ์ของพวกมันจะใช้ไม่ได้ผล
หลังจากปรึกษาหารือกันอยู่สักครู่ เผ่ามนุษย์ปักษาขนแดงก็ลงความเห็นว่า ผู้ที่จะออกไปประลองเป็นตัวต่อไปจะต้องเป็นมนุษย์ปักษาที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว
“หึหึ ข้ามั่นใจเลยว่าครั้งนี้ พวกเราจะต้องชนะแน่นอน”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“วิชาฝ่ามือลำแสงเทพเจ้ามีจุดอ่อนอยู่ที่สามารถสังหารผู้ที่ยืนอยู่บนพื้นดินเท่านั้น หากพบเจอคู่ต่อสู้ที่บินอยู่บนท้องฟ้า ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก หากพวกเราสามารถบินขึ้นไปหลบหลีกลำแสงเหล่านั้นได้สำเร็จ มันก็จะไม่เป็นอันตรายอีกต่อไป”
“นอกจากนี้ การยิงลำแสงกระบี่ออกมาแต่ละครั้ง เจ้าเด็กอ้วนต้องสูญเสียพลังลมปราณไปไม่ใช่น้อย มันคงยิงได้เพียงสามถึงสี่เที่ยวเท่านั้น พลังลมปราณของมันจะต้องเหือดหายอย่างแน่นอน สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเพียงหมูในเล้าที่รอพวกเราจับมาทำอาหาร”
มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับที่หกตอบคำถามด้วยความเชื่อมั่น
“ท่านผู้อาวุโสช่างมีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก”
กลุ่มตัวประหลาดส่งเสียงชื่นชม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มนุษย์ปักษานามเต๋อเพ้ย ซึ่งจะเป็นตัวแทนออกไปประลองในครั้งนี้ก็มีสีหน้ามั่นใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดรอฟังข่าวดี”
มนุษย์ปักษาเต๋อเพ้ยยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งตัวเป็นลำแสง มุ่งหน้าไปยังเวทีประลอง
แต่ใครจะไปนึกเลยว่าชีวิตคนเราช่างโหดร้าย
ร่างของมันเพิ่งจะลอยอยู่เหนือสังเวียนประลองเท่านั้น สองเท้ายังไม่ทันได้ทิ้งลงไปสัมผัสพื้น ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเซียวปิงก็เงยหน้ามองขึ้นมา ปืนในมือของเขายกขึ้นสูง ก่อนจะเหนี่ยวไกยิง
เปรี้ยง!
ร่างของมนุษย์ปักษาเต๋อเพ้ยกระตุกเฮือกกลางอากาศ ก่อนที่ตัวของมันจะร่วงดิ่งลงมากระแทกพื้นสังเวียนไม่ต่างไปจากนกน้อยถูกลูกศรยิง
ความรวดเร็วที่มันภาคภูมิใจเป็นนักหนายังไม่มีเวลาได้แสดงออกมาด้วยซ้ำ
เซียวปิงยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง
ระหว่างที่ฝึกซ้อมอยู่ในเกม Lost Castle เด็กหนุ่มร่างอ้วนไม่ทราบเลยว่าตนเองฝึกซ้อมวิธีการนี้มากี่ครั้งกี่หน เขาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่มีความเร็วสูงจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเซียวปิงจึงรู้วิธีรับมือพวกตัวประหลาดที่มีความเร็วสูงเป็นอย่างดี…
การยิงเป้าหมายที่อยู่กลางอากาศ
คือสิ่งที่เซียวปิงกระทำจนชำนาญ
เขาเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างของมนุษย์ปักษาเต๋อเพ้ยและพบว่าตัวประหลาดถูกยิงเข้ากลางหน้าผากอย่างแม่นยำ หลังจากนั้นเซียวปิงก็ไม่ลังเลที่จะกระชับปืนไรเฟิล 98k และยิงทะลวงหัวใจอีกหนึ่งนัด
ยิงหัวก่อน
ต่อด้วยหัวใจ
สมบูรณ์แบบ
เรียบร้อยดีแล้ว เซียวปิงจึงได้ตรวจค้นซากศพของเต๋อเพ้ย
ประเสริฐมาก
ถุงเก็บสมบัติของตัวประหลาดมาอยู่ในมือของเขาแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ดวงตาของมนุษย์ปักษาตัวอื่น ๆ ที่เหลืออยู่เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
“ลอบโจมตี”
“ไร้ยางอายสิ้นดี”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยผู้นี้กลับไร้ยางอายถึงที่สุด เขาโจมตีในขณะที่เต๋อเพ้ยยังไม่ทันลงสู่เวทีประลอง… นี่เป็นการโจมตีทีเผลอ เท่ากับเป็นการเล่นสกปรก…”
“พวกเราขอประท้วง”
กลุ่มมนุษย์ปักษาส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
“ในเมื่อเข้าสู่อาณาเขตสังเวียนแล้ว ก็ถือว่าเข้าสู่สมรภูมิรบ แล้วจะเรียกว่าเป็นการลอบโจมตีได้อย่างไร?”
ทันใดนั้น เสียงของผู้อาวุโสฉีดังกึกก้องแผ่นฟ้า
นี่คือคำตัดสินสุดท้ายที่ห้ามผู้ใดโต้แย้ง
ถึงสมาชิกเผ่ามนุษย์ปักษาขนแดงจะโกรธแค้นแทบอกแตกตาย แต่พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้อีก
สีหน้าของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับที่หกทั้งตกตะลึงทั้งโกรธแค้นและอับอายในเวลาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ มันอุตส่าห์พูดเสียดิบดีว่าขอเพียงใช้ความเร็ว เต๋อเพ้ยก็จะต้องชนะอย่างแน่นอน
แต่กลับปรากฏว่า…
“เป็นข้าประเมินวิชาของฝ่ายตรงข้ามต่ำต้อยมากเกินไป”
มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับที่หกเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับกล่าวว่า “แต่วิชากระบี่ที่ต้องอาศัยพลังลมปราณสูงเช่นนี้ ผู้ใช้จำเป็นต้องมีสมาธิเป็นอย่างมาก หากคู่ต่อสู้สามารถก่อกวนสมาธิได้สำเร็จ ลำแสงเหล่านั้นก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป… ฮ่า ๆๆ เพียงเท่านี้ ชัยชนะก็จะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน”
เมื่อสมาชิกเผ่ามนุษย์ปักษาได้ยินดังนั้น พวกมันก็รู้สึกว่าเป็นเหตุผลที่ควรค่าต่อการรับฟังอย่างแท้จริง
“กราบเรียนผู้อาวุโส ได้โปรดให้ข้าน้อยออกไปต่อสู้ ข้าน้อยจะสังหารเจ้าหมูอ้วนนั่น เพื่อแก้แค้นให้แก่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านเอง”
มนุษย์ปักษาที่มีเสียงเหมือนสตรีก้าวออกมาข้างหน้า
เมื่อผู้อาวุโสลำดับหกเห็นเช่นนั้น ดวงตาของมันก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความยินดี “ประเสริฐ ผู้อาวุโสเต๋อถิงขึ้นชื่อเรื่องกระบี่เงา ย่อมสามารถรับมือเจ้าหมูอ้วนได้แน่นอน… แต่โปรดจำไว้ว่าห้ามยั้งมือไว้ไมตรีเด็ดขาด เมื่อมีโอกาสแล้ว จงสังหารเจ้าหมูอ้วนนั่นให้เร็วที่สุด”
ผู้อาวุโสเต๋อถิงตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
พูดจบ มนุษย์ปักษาที่มีสุ้มเสียงเหมือนสตรีตัวนั้นก็เหินร่างลงไปสู่สังเวียนประลอง