บทที่ 396 สรรเสริญ
ไป๋เยี่ยมาเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลเกียรติยศที่มหาวิทยาลัยชิงหวาในตอนเช้า ส่วนตอนเที่ยงเขาจะต้องไปรับประทานอาหารร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่
ทว่าคนที่มีความสุขกลับไม่ใช่ไป๋เยี่ยแต่เป็นเกาเย่ว์หยาง เขามีสีหน้ายิ้มแย้มมาตั้งแต่เริ่มการประชุมกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง
ทั้งวันเขาเอาแต่พูดว่า ‘ม้าดีหาง่าย แต่คนฝึกม้าเก่งๆ นั้นหายาก การเชิญเสี่ยวเยี่ยมาที่ยูเนียนคือความสำเร็จอย่างหนึ่งของผมเลย’ ซ้ำไปซ้ำมา
ทว่าทุกคนก็หัวเราะให้กับคำพูดของเหล่าเกา พร้อมกับส่งสายตาพึงพอใจมาทางไป๋เยี่ย
อันที่จริง หากจะพูดเรื่องผลงานล่ะก็ ทุกคนในพิธีก็ไม่ได้ด้อยกว่าไป๋เยี่ยเลย อีกทั้งผลงานของพวกเขายังเป็นที่จับต้องได้และค่อยๆ กลายมาเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญนั่นเอง
พวกเขาส่วนใหญ่เคยเห็นความสำเร็จมามากมายนับตั้งแต่ยุคก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะที่เป็นแกนนำของการพัฒนาประเทศ พวกเขาได้เผชิญกับความลำบากนับไม่ถ้วนมาก่อน ทั้งต้องใช้วิธีการวิจัยขั้นพื้นฐานในการค้นคว้าสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประเทศตั้งหลักได้ในยุคสมัยอันยากลำบาก
พวกเขาอยู่ในยุคมืดมานานหลายปี ไม่เคยเห็นความยิ่งใหญ่ใดๆ ซ้ำยังไม่เคยพบเจอวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งอีกด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกชื่นชมไป๋เยี่ยมาก หากจะบอกว่าเขาเป็นยอดมนุษย์ก็คงไม่เกินจริงนัก
ไป๋เยี่ยไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของผู้ใหญ่พวกนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่ร่วมดื่มสุรา รับประทานอาหารและให้คำมั่นสัญญากับทุกคน
คนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของเหล่าเกาก็พากันหัวเราะลั่น พวกเขาเพียงแค่รู้สึกชื่นชม ไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยแต่อย่างใด
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นก็ย่อมรู้จักปล่อยวางเรื่องต่างๆ พวกเขาอาจจะเข้าใจเรื่องการได้รับและสูญเสียบางอย่างไป ทว่าสิ่งเดียวที่พวกเขามองไม่เห็นคือหนทางสู่อนาคตนั่นเอง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในวงการเดียวกันทุกคน แต่เมื่อพูดขึ้นมาก็เข้าใจกันได้
เดิมทีวันหยุดสุดสัปดาห์ควรจะมีไว้พักผ่อน แต่คนเฒ่าคนแก่กลับอยากใช้เวลามารวมตัวดื่มชาและพูดคุยกันมากกว่า
ส่วนไป๋เยี่ยก็กำลังตามหาหวังชิ่งหยวนอยู่
เกาเย่ว์หยางขมวดคิ้ว “หวังชิ่งหยวนเหรอ เขาเป็นคนสำคัญของวงการแพทย์เชียวนะ เป็นคนให้การสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ในประเทศเรา เขามีชื่อเสียงมากเลยนะ ทำไมคุณถึงตามหาเขาล่ะ”
เกาเย่ว์หยางคิดว่าไป๋เยี่ยคงต้องการให้เหล่าหวังช่วยเรื่องอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะคนระดับเหล่าหวังไม่ใช่คนที่คนธรรมดาๆ จะเข้าหาได้ตามใจชอบ
เหล่าหวังเปรียบดั่งเข็มทิศที่คอยชี้แนวทางพัฒนาการแพทย์ในจีน แผนงานใหม่ๆ แผนใดก็ตามย่อมต้องผ่านมือเหล่าหวังมาก่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีอำนาจทางการปกครอง แต่คำพูดของเหล่าหวังก็มีน้ำหนักพอสมควร!
ไป๋เยี่ยจึงเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นให้คนอื่นฟัง “การจัดตั้งสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินในสมาคมแพทย์ใกล้เข้ามาแล้วครับ แต่ว่าดันเกิดเหตุการณ์บางอย่างกับสวีเสี่ยวเฉียน ทำให้สาขาขาดคนรับตำแหน่งไป คุณหวังก็เลยมาเชิญผมไปเป็นประธานที่นั่นน่ะครับ”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นแล้วก็พากันตกตะลึง
สมาคมแพทย์แห่งชาติเป็นสมาคมที่มีบทบาทสำคัญมาก ตำแหน่งประธานสาขาจึงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาควรจินตนาการถึงเลย
พูดตามตรง ถ้าไป๋เยี่ยได้เป็นประธานสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินจริงๆ แม้แต่นายกเทศมนตรีก็คงจะต้องให้การต้อนรับเขาด้วยตนเอง
นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีตำแหน่งเทียบเท่านายกเทศมนตรี แต่สถานะและตัวตนของเขานั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ไป๋เยี่ยกล่าวอย่างถ่อมตน “ผมเป็นประธานแค่ในนามครับ ประธานที่แท้จริงคือคุณหวังต่างหาก!”
เกาเย่ว์หยางได้ฟังดังนั้นก็เกิดสนใจขึ้นมา เขาจึงเลือกติดตามเรื่องนี้ต่อไป
ท้ายที่สุดแล้ว แผนกศัลยกรรมกระดูกและแผนกฉุกเฉินก็ต้องร่วมมือกันบ่อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเคสกระดูกหักที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เกาเย่ว์หยางจึงคิดว่า เมื่อไหร่ที่สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินของสมาคมแพทย์แห่งชาติถูกจัดตั้งขึ้น ไป๋เยี่ยก็จะต้องนั่งตำแหน่งประธานอยู่แล้ว เขาก็ควรจะไปให้กำลังใจอีกฝ่ายในฐานะ ‘พี่ชายที่แสนดี‘ คนหนึ่ง
วันนี้มีคนมาเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลเกียรติยศที่ยูเนียนประมาณยี่สิบคน ซึ่งแต่ละคนก็เป็นคนมีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ทันทีที่ทุกคนได้รู้ว่าไป๋เยี่ยจะได้ขึ้นเป็นประธานสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินของสมาคมแพทย์ก็ต่างพากันกล่าวสรรเสริญ
ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้ว่าไป๋เยี่ยจะได้รับตำแหน่งนั้น ก็พากันยื่นมือมาช่วยเหลือไป๋เยี่ยกันใหญ่ อย่างไรเสียทุกคนที่นี่ก็ทำงานที่ยูเนียน ย่อมต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว!
ไป๋เยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็รีบปฏิเสธ “อะแฮ่ม อาจารย์ทุกท่านครับ วันนี้ผมเพิ่งจะไปหารือเรื่องการจัดตั้งสาขามา เราไม่ได้จะจัดตั้งกันวันนี้นะครับ ผมว่าเอาแบบนี้ดีกว่า ไหนๆ วันนี้ทุกท่านก็เหนื่อยแล้ว แถมยังดื่มกันเสร็จแล้วด้วย สู้ไปพักผ่อนกันก่อนดีไหมครับ ไว้ถึงวันก่อนตั้งค่อยมาช่วยผมก็ได้ครับ”
เกาหย่ว์หยางโพล่งขึ้นมา “จะทำแบบนั้นได้ไงล่ะ พวกเราก็เป็นรุ่นพี่ที่เคยเข้าร่วมสมาคมทั้งใหญ่และเล็กมาทั้งนั้น บางคนยังเคยเป็นประธานเลย คนที่เคยเป็นหัวหน้าแผนกก็ยิ่งมีนับไม่ถ้วน คุณจะจัดตั้งสาขาขึ้นมาทั้งที เราก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่แล้ว”
“อีกอย่างนะ เสี่ยวเยี่ย คุณจะทรยศความตั้งใจและความหวังของคุณหวังไม่ได้”
“ดังนั้นพวกเราต้องไปช่วยคุณ เพื่อที่การจัดตั้งจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น”
“ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่ไป แต่ต้องให้คำแนะนำกับเสี่ยวเยี่ยด้วย!”
“ถูกต้อง! เราจะปล่อยให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะเสี่ยวเยี่ยไม่ได้”
ระหว่างงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็เอาแต่พูดจาออกตัวแทนไป๋เยี่ย
ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นผลจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เถอะ แต่ไป๋เยี่ยก็ประทับใจมากจริงๆ
เขารู้สึกเหมือนได้เข้าร่วมกับคนกลุ่มใหม่ที่มีพี่ใหญ่พร้อมปกป้อง
กลุ่มคนที่มีนักวิชาการฉางเจียงยี่สิบสามคน นักวิชาการทั่วไปหกคน นักวิชาการสองสถาบันสามคนและผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทย์ยูเนียนอีกหนึ่งคน
รถยนต์กว่าสิบคันกำลังแล่นไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ไป๋เยี่ยมองทุกคนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เพราะทุกคนต่างก็มีเจตนาดีทั้งนั้น
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ เกาเย่ว์หยางก็หันไปกระซิบกับไป๋เยี่ย “เสี่ยวเยี่ย ปรึกษาหน่อยสิ”
“ในฐานะที่คุณเป็นประธาน คุณคิดว่าถ้าผมเข้าร่วมสมาคมกับคุณ ผมควรจะได้เป็นรองประธานใช่ไหม”
“แต่ถ้าคุณให้ผมไปเป็นกรรมการล่ะก็ ผมจะโกรธคุณมากเลยแหละ”
“ยังไงผมก็เป็นประธานสาขากระดูกและข้อนะ ตำแหน่งกรรมการมันน่าขายหน้าสุดๆ เลย เล่าให้ใครฟังก็คงมีแต่คนหัวเราะ…”
ไป๋เยี่ยยิ้ม เมื่อเที่ยง เหล่าเกาและคนอื่นๆ เพลิดเพลินกับการดื่มมาก แต่ดูเหมือนเขาจะดื่มมากไปหน่อย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไป๋เยี่ยจะไม่เข้าไปร่วมสนุกได้อย่างไรกัน!