บทที่ 756-2 ยุติเหตุต้นผลกรรม ชำระล้างบาปกรรม (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 756 ยุติเหตุต้นผลกรรม ชำระล้างบาปกรรม (2)

สำนักตุลาการความมั่นคง

สังเกตเห็นว่าศัตรูมารุกราน พวกนักพรตเหลียนฮวาแห่งนิกายปฐพีกรูกันออกมาจากห้อง แต่ถูกพลังยิ่งใหญ่เทียมฟ้าของอาซูหลัวผลักกลับไปทันที

“สำนักพุทธจะเป็นศัตรูกับนิกายปฐพีของข้า?”

เฮยเหลียนยืนบนฐานดอกบัว ถามอย่างเดือดดาล

อาซูหลัวไม่เสียเวลาตอบแม้แต่น้อย กำปั้นขวาเกิดแสงสว่างพร่างพราย กุมพลัง ‘ระดับเต๋าแยกขันธ์’ ปล่อยหมัดคำรามผ่านอากาศ

ยามนี้ ในลานบ้านทุกแห่งของสำนักตุลาการความมั่นคง ค่ายกลที่จัดวางไว้ล่วงหน้าสว่างวาบพร้อมกัน

ที่นี่เป็นฐานที่มั่นใหม่ของนิกายปฐพี เป็นไปไม่ได้ที่สวี่ผิงเฟิงจะไม่จัดวาง สร้างค่ายกลใหญ่ไว้ในที่ทำการปกครองก่อนแล้ว

ทางตะวันตกพวยพุ่งด้วยวิญญาณทองคมกริบ ทางใต้แสงไฟทะลุฟ้า ทางเหนือเป็นวิญญาณน้ำหมุนวนเชี่ยวกราก ทางตะวันออกพืชพันธุ์เติบโต เถาวัลย์เลื้อยคดเคี้ยวราวกับถูกแตะต้อง ตำแหน่งกลางค่ายกล พลังวิญญาณดินพรั่งพรู

เฮยเหลียนใช้สี่ร่างธรรมยิ่งใหญ่ ‘ดินน้ำลมไฟ’ ทันที ซึมซับพลังที่มารวมตัวกันในค่ายกลใหญ่เข้าสู่ร่างธรรม

ชั่วพริบตาเดียวร่างธรรมทั้งสี่กลับเข้าร่างเฮยเหลียน กำปั้นของเขาเกิดกลุ่มแสงห้าสีเวียนวน

‘ตูม!’

พลังทั้งสองชนกันเกิดเสียงระเบิดดังลั่นหูอื้อ รื้อถอนสิ่งก่อสร้างรอบข้างราวกับซากไม้ใบหญ้า

ดุจดั่งฤดูใบไม้ร่วง

“เฮอะ!”

เฮยเหลียนกวาดตาแดงก่ำมองอาซูหลัวกับจินเหลียน ยิ้มเยาะพูดว่า

“ค่ายกลนี้ใช้โชคชะตาชิงโจวเป็นรากฐาน รวบรวมห้าเส้นทาง เมื่ออยู่ในค่ายกล ข้าก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก เดาสิว่าตาวงแหวนอยู่ที่ใด”

ตาวงแหวนก็คือเขา

ขอเพียงเขาไม่ออกจากค่ายกล ค่ายกลนี้ก็จะไม่แตกสลาย

และขอเพียงยืนหยัดได้นานพอ ช้าเร็วสวี่ผิงเฟิงกับเจียหลัวซู่จะสังเกตเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป รีบกลับมาสนับสนุน

“จินเหลียน เจ้านึกว่าข้าย้ายแท่นบูชาหลักนิกายปฐพีมาชิงโจว เพียงเพราะกลัวเจ้าแก้แค้น? ไม่ ข้าต้องการครอบครองข้อได้เปรียบของเจ้าบ้าน แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดพระอรหันต์สำนักพุทธรูปนี้ช่วยเจ้า แต่เจ้าก็อย่าได้ดูถูกพวกเราเกินไป”

การสร้างค่ายกลใหญ่โตมโหฬารเป็นหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับสวี่ผิงเฟิง และเป็นความมั่นใจให้เขารักษาการณ์ชิงโจวได้อย่างสบายใจ

นักบวชเต๋าจินเหลียนร้อง “โอ้” สีหน้าปกติ ยิ้มพูดว่า

“ข้าไม่อาจทำลายค่ายกลของโหร แต่ค่ายกลนี้หยั่งรากในพื้นดิน อาศัยภูมิลักษณ์…อืม เจ้าลืมหนังสือปฐพีใช่หรือไม่”

ค่ายกลแบ่งเป็นสองแบบ แบบแรกคือใช้ตัวโหรเองเป็นรากฐาน เมื่อใช้ความคิด ก็เกิดเป็นค่ายกล

อีกแบบหนึ่งคือค่ายกลแข็งตัว ใช้ภูมิลักษณ์เป็นรากฐาน สร้างค่ายกลใหญ่

แบบแรกไม่อาจทำลาย นอกจากฆ่าโหรท่านนั้น แต่แบบหลัง ถูกหนังสือปฐพีควบคุมพอดี

นักบวชเต๋าจินเหลียนล้วงเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีหมายเลขเก้าออกมา แผ่พลังบุญกุศลสู่หน้ากระจก จากนั้นโยนสู่ท้องฟ้า

หนังสือปฐพีพลิกเปิดอย่างรวดเร็ว กระเพื่อมแสงสว่างพร่างพราย

ในสำนักตุลาการความมั่นคง หลายลำแสงลอยมา รวมตัวกับเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีนี้

กระจกหยกเจ็ดบานเล็กรวมตัวกัน รูปร่าง ‘หลอมเหลว’ อย่างรวดเร็ว กลายเป็นกลุ่มเศษหยกที่ไม่สม่ำเสมอ คล้ายเครื่องลายครามที่แตกหัก

เศษชิ้นส่วนพวกนี้รวมตัวกัน กลายเป็นจานหยกสี่เหลี่ยมที่ขาดไปมุมหนึ่ง

ภายใต้การควบคุมของนักบวชเต๋าจินเหลียน จานหยกสี่เหลี่ยมค่อยๆ จมลงไปในดิน

ครู่ต่อมา ค่ายกลในสำนักตุลาการความมั่นคงแตกสลาย พลังสี่ทิศห้าทางกระเจิดกระเจิง

อาซูหลัวเงี่ยหู หันหน้ามองที่ซึ่งเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีหายไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในฐานะเจ้านายของเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี ชั่วพริบตาก่อนนั้น เขาได้ยินเสียงพึมพำทุ้มต่ำ

นักบวชเต๋าเฮยเหลียนทั้งตกใจและโมโห คำรามว่า

“เจ้ากล้าให้หนังสือปฐพีรวมตัวกัน? เจ้ากล้าได้อย่างไร!”

น้ำเสียงเขาเดือดดาลและหวาดกลัวยิ่งนัก คล้ายว่าหนังสือปฐพีรวมตัวกันจะเกิดเรื่องน่ากลัวอะไร

‘หนังสือปฐพีรวมตัวกันจะเกิดอะไรขึ้น’…ความคิดนี้แวบผ่านในหัวอาซูหลัว เขาไม่ได้คิดมาก วงรัศมีพร่างพรายหลังศีรษะเลือนหาย วงแหวนเพลิงระเบิดออก กลายเป็นลำแสงสีทองยิงใส่เฮยเหลียน

เฮยเหลียนปลดปล่อยร่างกายซึ่งเป็นของเหลวหนืดสีดำสนิท กลายร่างทันที คลื่นกระแสอากาศเข้ามาแทนที่

เขากลายเป็นสายลม หลบหลีกการโจมตีของอาซูหลัว

ขณะเดียวกัน ของเหลวหนืดที่ทิ้งไว้ไกลๆ นั้นราวกับน้ำพุ กลืนกินเงาร่างของอาซูหลัว

“กลับใจคือฟากฝั่ง!”

ในน้ำพุ แว่วเสียงเยือกเย็นของอาซูหลัว

ท่าทางการเหินของเฮยเหลียนหยุดชะงัก หันกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เห็นว่าไม่อาจหลบหนี เฮยเหลียนตัดสินใจทันที เก็บร่างธรรมลม ให้ร่างกายหลอมเหลวกลายเป็นมหาสมุทรสีดำที่หนืดข้นและเชี่ยวกราก ปกคลุมทุกอย่างรอบข้าง กัดกร่อนทุกอย่างรอบข้าง

ในสำนักตุลาการความมั่นคง เจ้าพนักงานและทหารอารักขาทั่วไปทยอยเปลี่ยนไป แววตาสูญเสียสติสัมปชัญญะ

พวกเขาบางคนยากที่จะควบคุมความปรารถนาแห่งการฆ่าในใจ เห็นคนก็ฟัน บางคนในหัวเพียงอยากระบายความปรารถนาทางเพศ เห็นคนก็พุ่งเข้าใส่ ไม่แบ่งแยกชายหญิง บางคนละโมบปล้นทรัพย์สินในที่ทำการปกครอง จะเก็บไว้เป็นของตนเอง

สมาชิกพรรคฟ้าดินสี่คนที่กำลังสังหารเต๋ามารนิกายปฐพี ตกใจขี่ลมลอยขึ้น หลบหลีกพลังเสื่อมโทรมที่เชี่ยวกรากราวกับน้ำท่วม

พลังเสื่อมโทรมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกินขีดจำกัดที่แก่นปราณแห่งลัทธิเต๋าจะชำระล้างได้ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาที่เป็นขั้นสี่ก็ไม่อาจหลบเลี่ยง

เมื่อหันมาดูพวกเต๋ามารนิกายปฐพี เสมือนปลาได้น้ำ พลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อาซูหลัวนั่งขัดสมาธิ ของเหลวหนืดถูกแสงสีทองอ่อนขวางไว้

เข้าฌาน!

นักบวชเต๋าจินเหลียนลอยขึ้น กลายเป็นแสงแดดจ้า เปล่งประกายพลังบุญกุศลสีสันพร่างพราย

‘ฟู่ๆ’…

ของเหลวที่หนืดข้นขุ่นคลั่กปล่อยควันดำเป็นระลอก ปกคลุมของเหลวหนืดของอาซูหลัว สูญสลายอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ถดถอยไป

อาซูหลัวก้มตัว ฝ่ามือสองข้างจุ่มลงในของเหลวหนืดเชี่ยวกราก วงรัศมีพร่างพรายหลังศีรษะระเบิดออกทันที

แยกขันธ์!

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทั่วทุกแห่งในสำนักตุลาการความมั่นคง ของเหลวหนืดถอยไปราวกับน้ำลง กลับสู่รูปร่างมนุษย์อีกครั้ง ร่างนั้นไม่หยุดหลอมเหลวและแตกสลาย แทบจะรักษารูปร่างให้คงอยู่ไม่ได้

เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของระดับเต๋าแยกขันธ์คือ ‘ไม่ตายไม่เลิกรา’ นี่แทบไม่ต่างจากพลังของกระบี่สยบดินแดน

อาซูหลัวหายไปในพริบตา เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ตรงหน้าเฮยเหลียน

ย่อตัว ตั้งท่า ออกกำปั้นดุจสายฟ้า

‘ตูม!’

ร่างกายเฮยเหลียนระเบิดออก ของเหลวหนืดราวกับโคลนไหลไปทั่วทุกสารทิศ

ยามนี้ จุดเด่นของร่างพลังเสื่อมโทรมที่แตกสลายได้เสมอ กลับกลายเป็นที่พึ่งให้เขารอดพ้นจากการถูกจอมยุทธ์สังหาร

ของเหลวดุจหยาดฝนหลบหนีอย่างรวดเร็ว รวมตัวกันไกลๆ กลายเป็นรูปร่างมนุษย์บิดเบี้ยวเละเทะ เฮยเหลียนไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด ใช้ร่างธรรมลมควบคุมกระแสอากาศ คิดจะหนีออกนอกเมืองชิงโจว

“กลับใจคือฟากฝั่ง!”

อาซูหลัวพนมมือ ใช้ ‘คาถา’ ขัดขวางไม่ให้เฮยเหลียนหลบหนีอีกครั้ง

รูปร่างมนุษย์บิดเบี้ยวนั้นหยุดชะงักกะทันหัน พังทลายกลายเป็นกระแสอากาศทันที หายไปอย่างไร้ร่องรอย

นี่คือเฮยเหลียนร่างปลอมซึ่งเกิดจากร่างธรรมลมแย่งชิงพลังเสื่อมโทรมส่วนหนึ่ง ส่วนร่างจริงของเขา…

ของเหลวสีดำสนิทพุ่งสู่จินเหลียนกลางอากาศ แผ่ขยายทันที ราวกับผ้าม่าน ห่อหุ้มนักบวชเต๋าจินเหลียนไว้ข้างใน

เป้าหมายแท้จริงของเฮยเหลียนคือนักบวชเต๋าจินเหลียน

“เมื่อข้าย่อยสลายจินเหลียน บำรุงร่างกายเสร็จ ก็จะให้เจ้าตายโดยไร้ที่กลบฝัง” เฮยเหลียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากประมือกันสั้นๆ เขาก็รู้ว่าพระอรหันต์สำนักพุทธท่านนี้ไร้คู่ต่อสู้

ศัตรูผู้นี้ตรงหน้า ทั้งเป็นเทพอารักษ์ขั้นสาม และเป็นพระอรหันต์ขั้นสอง

แม้ต่อสู้ผู้เดียว เขาก็เอาชนะได้ยากมาก

ว่ากันตามเหตุผล เมื่อรวมกับเทพเจ้าหยางขั้นสามที่ยึดกุมพลังบุญกุศล เฮยเหลียนยิ่งไม่อาจเอาชนะได้

แต่จินเหลียนต่างออกไป เดิมทีสองคนเป็นร่างเดียวกัน เฮยเหลียนเป็นขั้นสอง จินเหลียนเป็นขั้นสาม

นี่ก็ให้นักบวชเต๋าจินเหลียนกลายเป็นยาบำรุงบริสุทธิ์

จู่ๆ เฮยเหลียนกลางอากาศก็ร้องโหยหวน

“ตัวปลอม? ไม่ เป็นไปไม่ได้…”

‘ฟู่ๆ’…พลังบุญกุศลพุ่งทะลุผ้าม่าน ควันเขียวลอยเป็นระลอก

เฮยเหลียนไม่ได้อะไรทั้งนั้น กลับถูกพลังบุญกุศลเผาไหม้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส

อาซูหลัวมีสีหน้าปกติ คล้ายคาดการณ์สถานการณ์เช่นนี้ได้ตั้งแต่แรก เขางอเข่าขึ้น กุมวงรัศมีพร่างพรายหลังศีรษะไว้ในฝ่ามือ

การโจมตีครั้งที่สาม!

‘ตูม!’ กำปั้นต่อยทะลุ ‘ผ้าม่าน’ ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของเฮยเหลียน แตกแยกสูญสลาย โคลนสีดำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ

ยามนี้ ลำแสงสีสันพร่างพรายพุ่งเข้าสำนักตุลาการความมั่นคง ห่อหุ้มโคลนสีดำที่สาดกระเซ็นทั่วท้องฟ้า

แสงสีสันกลายเป็นนักบวชเต๋าจินเหลียน มองหน้าอาซูหลัวยิ้มแย้ม

นี่ถึงเป็นนักบวชเต๋าจินเหลียนตัวจริง คนผู้นั้นเมื่อครู่ เป็นตัวปลอมที่สร้างขึ้นจากระดับเต๋าทานพละ

ยามที่อาซูหลัวแอบหนีจากอรัญตา ก็รู้ว่าครั้งนี้ไม่อาจย้อนกลับ จึงฉวยโอกาสหยิบอัฐิธาตุสำนักพุทธติดมือไปด้วย…ระดับเต๋าทานพละ

วันนั้นหารือกันในกลุ่มสนทนาหนังสือปฐพี เหล่าสมาชิกหาทางซ้อนแผนของเฮยเหลียนในเวลาสั้นที่สุด ตามไพ่ตายต่างๆ ของฝ่ายตน และสถานการณ์ของศัตรู

แผนนี้มีเงื่อนไขสำคัญสามข้อ

หนึ่ง ร่างอวตารเสมือนจริง

ส่วนสำคัญคือเหยื่อล่อเช่นนักบวชเต๋าจินเหลียนนี้

ระดับเต๋าทานพละคือพระอรหันต์ระดับเต๋าขั้นสอง พลังที่นักบวชเต๋าจินเหลียนตัวปลอมแสดงออกมาต่ำกว่าขั้นสอง สอดคล้องกับขั้นสามระดับเริ่มต้นพอดี

สมบูรณ์แบบ

สอง เฮยเหลียนจะเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจน ฉวยโอกาสบำรุงร่างกายของตน

เฮยเหลียนผู้ซึ่งตกสู่ทางมาร นิสัยเดิมก็ละโมบโหดเหี้ยม ความกลัวตายและความระวังตัวไม่ใช่ความชั่วร้ายในธรรมชาติของมนุษย์

เมื่อเขาตกอยู่ในอันตราย แต่มีโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกสถานการณ์ได้ จะเลือกอะไร คำตอบไม่ต้องบอกก็รู้

สาม พลังควบคุมสถานการณ์ของอาซูหลัว

เขาต้องสร้างสถานการณ์ที่เฮยเหลียนไม่อาจหลบหนี แต่ไม่ถึงขนาดสิ้นหวัง ทำให้เขาเลือกเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจน กลืนกินจินเหลียน

เมื่อเฮยเหลียนเลือกกลืนกินจินเหลียนตัวปลอม เขาจะต้องเสียเปรียบ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังบุญกุศลของจินเหลียนตัวปลอม สูญสิ้นเร็วขึ้น

แผนดูเหมือนง่าย ที่จริงแฝงไว้ด้วยการควบคุมจิตใจศัตรู การประเมินพลังฝ่ายตน รวมทั้งความเฉลียวฉลาดในการใช้ไพ่ตายอย่างสมเหตุสมผล

แน่นอน ด้วยความเฉลียวฉลาดของสวี่ชีอัน ฉู่หยวนเจิ่น ฮว๋ายชิ่ง อาซูหลัว และนักบวชเต๋าจินเหลียน ที่จริงแผนเช่นนี้ง่ายมาก

อย่างไรเสียในหมู่คนพวกนี้ ไม่ใช่อัจฉริยะน้อยคลี่คลายคดีก็คือจ้วงหยวนหลาง ซ้ำยังมีราชินีแห่งยุค ผู้ทรยศซึ่งอดกลั้นมาหลายร้อยปี รวมทั้งเฒ่าเหรียญปากผีที่ลึกซึ้งไม่อาจคาดเดา

“ต่ำทราม ไร้ยางอาย…”

กายเนื้อของนักบวชเต๋าจินเหลียนบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง ในร่างคล้ายมีอะไรบางอย่างจะพุ่งออกมา

แต่พลังโจมตีอ่อนแอลงเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า

เฮยเหลียนในยามนี้ ไม่อาจต่อต้านนักบวชเต๋าจินเหลียนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้

“เสร็จสิ้นงานใหญ่!”

นักบวชเต๋าจินเหลียนพ่นลมหายใจคล้ายถอนใจ

แม้เขาจะเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง ยามนี้ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

เขากล้ำกลืนความอัปยศ อบรมสั่งสอนสมาชิกพรรคฟ้าดิน วางแผนนานหลายปี วันนี้ได้สมความปรารถนา

ในที่สุดก็กำจัดตนเองได้

หลังจากนั้น ขอเพียงใช้พลังบุญกุศลขัดเกลาเฮยเหลียน เขาก็จะฟื้นคืนตบะ

นักบวชเต๋าจินเหลียนขี่ลมขึ้นฟ้า ก้มมองสำนักตุลาการความมั่นคง เห็นเหิงหย่วนที่เลือดท่วมตัวราวกับเทพสังหาร กระบี่บินเหินเวหา หงส์อ่อนมังกรหลับที่คำรามดุจสายลมและฉู่หยวนเจิ่น

เห็นเต๋ามารนิกายปฐพีที่สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ตกใจวิ่งหนีออกนอกที่ทำการปกครอง

“เฮ้อ!”

นักบวชเต๋าจินเหลียนปลดปล่อยลำแสงสีสันจากในร่าง ทะลุผ่านนักพรตเหลียนฮวาแต่ละคน ชำระล้างชีวิตและบาปกรรมในอดีตของพวกเขา

“นักบวชเต๋า เศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์? คำพูดเฮยเหลียนเมื่อครู่หมายความว่าอะไร”

อาซูหลัวถาม

“อา? เจ้าพูดอะไร”

นักบวชเต๋าจินเหลียนมีสีหน้างงงวย

อาซูหลัวพูดช้าๆ

“ถ้าเจ้าไม่เปิดเผย ข้าก็จะร่วมกับสวี่ชีอัน และสมาชิกคนอื่นๆ ขับไล่เจ้าออกจากพรรคฟ้าดิน”

‘นี่มัน’…จู่ๆ นักบวชเต๋าจินเหลียนก็คิดว่า ในพรรคมียอดฝีมือที่ควบคุมไม่ได้มากเกินไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี

เขาคิดชั่วครู่ พูดว่า

“เรื่องนี้ ข้าจะอธิบายในพรรคฟ้าดินโดยละเอียด ยามนี้ออกจากที่นี่ก่อน ไปสวินโจวสนับสนุนสวี่ชีอัน”

…………………………………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท