คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 699 มีธุระจึงได้มาเยี่ยม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 699 มีธุระจึงได้มาเยี่ยม

เจ้าอาวาสชิงหลานยืนอยู่หน้าประตูห้องเต๋าของตัวเอง สวมชุดเต๋าสีเขียว เกล้าผมขึ้นปักด้วยปิ่นไม้ไผ่หยกสีม่วง ในมือถือแส้หางม้า ท่าทางสง่างามราวกับเซียน

เมื่อเห็นฉินหลิวซีและคนอื่นๆ เขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม และเมื่อมองเฮยซา ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงครึ่งหนึ่ง เปิดดวงตาสวรรค์ หายใจติดขัดเล็กน้อย

กำเนิดจากการฝึกบำเพ็ญรวบรวมพลังวิญญาณในใต้หล้า เป็นภูตภูเขา

เจ้าอาวาสชิงหลานมองไปยังฉินหลิวซี สายตามีความซับซ้อนเล็กน้อย รอบตัวนางมีคนหรือภูตปีศาจที่มีพลังวิญญาณรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร จะสามารถช่วยนางได้อย่างเต็มที่หรือไม่

“ท่านอาจารย์ลุงชิงหลาน” ฉินหลิวซีคำนับตามวิถีเต๋า

เมื่อเฮยซาเผชิญหน้ากับเจ้าอาวาสชิงหลาน รู้สึกถึงพลังแห่งบุญกุศลของฝ่ายตรงข้าม ย่อมไม่กล้าก่อเรื่อง โค้งคำนับตาม

เจ้าอาวาสชิงหลานใช้แส้หางม้าชี้ไปยังฉินหลิวซีแล้วยิ้มพลางเอ่ย “หากไม่มีเรื่องสำคัญก็คงไม่มาเยี่ยมเยียน เจ้าจะมาที่อารามของข้าก็ต่อเมื่อมีธุระ”

ฉินหลิวซียิ้มอย่างซุกซนพลางลูบท้ายทอย ตอบว่า “ในเมื่อท่านรู้ทัน ไม่สู้ช่วยอำนวยความสะดวก ให้ข้าดูวิธีปรุงยาช่วยชีวิตที่เก็บรักษาไว้มาเป็นเวลานานสักหน่อยเถิด ดูว่าข้าจะมีพรสวรรค์กลั่นออกมาได้สักหนึ่งถึงสองเม็ดหรือไม่”

มือของเหอหมิงที่ถือถาดสั่นไหว น้ำชาเกือบจะหกคว่ำ ท่านอาจารย์อาปู้ฉิวช่างกล้าเอ่ยเสียจริง ตัวเองเป็นลูกศิษย์ของอารามนี้แท้ๆ ยังไม่กล้าขอท่านอาจารย์ปู่ดูสูตรปรุงยาเลย

เจ้าอาวาสชิงหลานมุมปากกระตุก เอ่ย “หากให้เจ้าดูขึ้นมาจริงๆ ในใต้หล้านี้ก็ไม่มีที่ยืนให้ยาลูกกลอนของอารามชิงหลานของข้าแล้ว”

“ข้าถือว่าท่านกำลังเอ่ยชื่นชมข้าก็แล้วกัน” ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปากแอบยิ้ม

เฮยซาเหน็บแนม ดูท่าทางที่นางภาคภูมิใจเข้าเถิด หากมีหาง ก็คงตั้งตรงแล้ว

เจ้าอาวาสชิงหลานให้เหอหมิงออกไป มองไปยังเฮยซา แล้วจึงเอ่ย “เจ้าไปลักพาตัวภูตภูเขาจากไหนกลับมาด้วย”

เฮยซาตาเป็นประกาย “ท่านมองเห็นที่มาของข้าหรือ”

“ตบะไม่ล้ำลึกมาก แต่ยังมีสายตาที่เฉียบคมอยู่บ้าง” เจ้าอาวาสชิงหลานแสร้งทำเป็นมีรอยยิ้มอันลึกซึ้ง

ฉินหลิวซีถือโอกาสเอ่ย “ไม่ทราบว่าท่านรู้จักทะเลทรายดำหรือไม่”

เจ้าอาวาสชิงหลานกล่าวว่า “สถานที่ที่อยู่ต่างแดนนั่นน่ะหรือ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า

“เหตุใดเจ้าจึงได้ไปที่นั่น ซ้ำยังลัก…พากลับมาด้วย”

“เรื่องมันยาว แล้วก็เป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่” ฉินหลิวซีเล่าเรื่องที่ตัวเองต้องถอนพิษให้เฉวียนจิ่ง ต้องไปหาแมงป่องทองจึงได้ไปที่ทะเลทรายดำให้เขาฟัง

เมื่อเจ้าอาวาสชิงหลานได้ยินว่าเป็นคนตระกูลเฉวียนจากทางซีเป่ย จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “แม่ทัพที่เข้าร่วมกองทัพ สังหารผู้คนมากมาย พลังงานชั่วร้ายรุนแรง ทำให้เกิดการล้มหายตายจาก ทำได้เพียงให้ลูกหลานชดใช้คืน”

ฉินหลิวซีไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่ได้บอกว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้บอกว่าอยุติธรรม กฎแห่งสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ สังหารก็คือสังหาร

“พิษร้ายแรงเช่นนี้นับว่าเป็นคนที่ตายไปแล้วเก้าส่วนเกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว เจ้าก็ยังกล้ารับ” เจ้าอาวาสชิงหลานถอนหายใจ ก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรดี

“ตราบใดที่คุ้มค่า โอกาสรอดเพียงเส้นบางๆ ก็รับไว้ได้” ฉินหลิวซียักไหล่ เอ่ยต่อ “ดังนั้นข้าจึงมาหาตำรับยาหรือตำราลับที่เกี่ยวข้องว่ามีวิธีทำให้พิษของแมงป่องทองอ่อนแอลงและเป็นกลางหรือไม่ แล้วค่อยนำไปใช้ มิเช่นนั้นด้วยร่างกายของเฉวียนจิ่งจะทนต่อการใช้พิษโจมตีพิษนี้ไม่ได้”

นางไม่ได้กลัวคนจะตาย แต่เพียงแค่มีความหวังเล็กๆ นางก็ไม่อยากให้เฉวียนจิ่งตายในมือของนาง

“พิษของแมงป่องทอง เขารู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ” เจ้าอาวาสชิงหลานชี้ไปทางเฮยซา

เฮยซาทำตัวไม่ถูก ฉีกยิ้มอย่างลำบากใจ

“เขาก็แค่เจ้าทึ่มคนหนึ่ง ถามอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง พึ่งพาไม่ได้แม้แต่นิด” ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขาด้วยความดูถูก

เฮยซาโต้แย้งว่า “แมงตัวน้อยเหล่านั้น ปีศาจเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าจะไปสนใจได้อย่างไร พวกมันไม่มาหาที่ตาย ข้าก็จะไม่ไปทำให้พวกมันลำบาก”

ฉินหลิวซีหัวเราะในลำคอ แมงป่องทองก็จริงๆ เลย ในเมื่อขนานนามว่าเป็นผู้ไร้ศัตรูแห่งทะเลทรายดำ ก็ไม่รู้จักลองไปยั่วยุปีศาจเฒ่าเฮยซาสักหน่อย ฝูงมดโค่นต้นไม้ยักษ์ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ลองเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ดู อย่างเช่นตัวปลวกไง

ในทางเดียวกัน ต่อให้แมงป่องทองจะเทียบกับปีศาจเฒ่าไม่ได้ แต่ว่าหากได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นหากหลอมละลายปีศาจเฒ่าเฮยซา จะไม่เป็นราชาที่อยู่เหนือผู้มีอำนาจหรือ

แมงป่องทอง ‘คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าวันหนึ่งเผ่าแมงป่องทองของพวกมันจะได้รับการยกย่อง!’

เฮยซากลับรู้สึกหนาวสั่น ความคิดอันชั่วร้ายแทบจะล้อมรอบเขาไว้แล้ว ขยับออกห่างจากฉินหลิวซีโดยไม่รู้ตัว ขยับไกลออกไปอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ออกนอกประตูไป

เจ้าอาวาสชิงหลานกลั้นหัวเราะ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ข้าก็ไม่รู้ว่ามีหนังสือวิชาแพทย์บันทึกเกี่ยวกับแมงป่องทองเหล่านี้หรือไม่ แต่เจ้าไปที่หอตำราลับเปิดดูตำราแพทย์ต่างๆ ได้ อีกอย่างหากหาไม่เจอ ก็สามารถถามทางด้านหมอพ่อมดได้ แมงป่องทองมีพิษรุนแรง อยู่ในตระกูลแมง เผ่าแม่มดเชี่ยวชาญในด้านการใช้แมงมากกว่าลัทธิเต๋าอย่างพวกเรา”

ฉินหลิวซีได้ฟังดังนั้นก็เกิดแรงบันดาลใจ

เจ้าอาวาสชิงหลานถามอีกว่า “ร่างกายท่านอาจารย์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉินหลิววีถูกขัดจังหวะความคิด ได้สติกลับมา กล่าวว่า “ก็เช่นเคย ท่านก็รู้เกี่ยวกับคนทรยศของอารามชิงผิงผู้นั้นอยู่กระมัง เขายังมีชีวิตอยู่”

เจ้าอาวาสชิงหลานตกใจ “เจ้าหมายความว่าชื่อเจินจื่อยังมีชีวิตอยู่หรือ เป็นไปได้อย่างไร เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว!”

“เขาได้กระดูกพุทธะของซื่อหลัวมาหนึ่งชิ้นจึงสามารถฟื้นจากความตายได้” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ต่อกรกับเขาจึงได้รู้ว่าเขาได้สิ่งนั้นมา”

เจ้าอาวาสชิงหลานตกใจยิ่งกว่าเดิม “เจ้าหมายถึงกระดูกพุทธะของมารร้ายซื่อหลัวหรือ เป็นไปได้อย่างไร นั่นมันหลายพันปีมาแล้ว ยังมีอยู่ได้อย่างไร กระดูกพุทธะของมันมีพลังขนาดนั้นเชียวหรือ”

“นอกจากบางชิ้นที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็มีหลายชิ้นที่ถูกพุทธศาสนาซ่อนไว้ไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนี้แฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่าง

เจ้าอาวาสชิงหลานเงียบไป

“นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด ข้าบังอาจเดาบางอย่าง ท่านอยากจะฟังหรือไม่”

เจ้าอาวาสชิงหลานมองดูรอยยิ้มอันชั่วร้ายของนาง ขนลุกซู่

เขาปฏิเสธได้ด้วยหรือ

แน่นอนว่าไม่ได้

ดังนั้นเขาจึงถูกบังคับให้ฟังการคาดเดาที่บังอาจนั่น คราวนี้ตกใจจนแส้หางม้าในมือหล่น “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่นิด”

“เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ไม่ใช่หรือ แต่ที่ท่านเอ่ยมาก็ถูก ไม่มีความเป็นไปได้เลยจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องสนใจ ยืนรอดูเป็นผู้ชมดีหรือไม่”

เจ้าอาวาสชิงหลานยิ้มเจื่อนๆ ยืนดูเป็นผู้ชม เช่นนั้นก็ดูรักตัวกลัวตายเกินไปหน่อย ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเต๋า หากรักตัวกลัวตาย เต๋าจะอยู่ยืนยาวได้อย่างไร

“การคาดเดาของเจ้าค่อนข้างเหลือเชื่อเกินไป เพียงแค่ความคิดก็ยากที่จะสรุปได้ พลังวิญญาณในใต้หล้าเบาบาง หลายพันปีมานี้ไม่มีผู้อาวุโสในเสวียนเหมินได้ขึ้นสวรรค์อีกเลย ก็พอจะรู้แล้วว่าการที่จะเป็นเทพเจ้าต้องสั่งสมบุญญาธิการมากแค่ไหน นี่มันไม่ตรงตามหลักความเป็นจริงเกินไปแล้ว!”

“แต่เขาเป็นมารเอ้อฝูซื่อหลัวที่ดำรงอยู่มาหลายพันปี สิ่งที่เขารู้นั้นมากกว่าพวกเราอยู่มาก วิธีที่จะเป็นเทพเจ้านั้นพวกเราไม่รู้ แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ย

เจ้าอาวาสชิงหลานตกตะลึงเมื่อถูกถาม จริงด้วย คนผู้นั้นมีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว

“หากเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมาจริงๆ เช่นนั้น…” เจ้าอาวาสชิงหลานเป็นกังวลเล็กน้อย พวกเขาจะสู้ได้หรือ

“ไม่ว่าการคาดเดานี้จะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าจึงได้หาเวลาไปยมโลก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้ฟังการคาดเดานี้ พวกเราที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่สามารถเอาชนะเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ หากเดาผิดก็แล้วไป แต่หากเดาถูก แล้วเขาทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ คนแรกที่จะถูกสวรรค์ลงโทษก็คือคนที่อยู่ในยมโลกอย่างพวกเขา!”

เจ้าอาวาสชิงหลานจ้องมองนางด้วยความสงสัย ‘ข้าฟังดูแล้ว เหตุใดจึงเหมือนว่าเจ้ากำลังจะไปหาเรื่อง’

บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในยมโลกที่เดิมทีกำลังกังวลจนหัวแทบจะระเบิดจากการตามหาซื่อหลัวต่างก็พากันสะดุ้ง เหตุใดจึงรู้สึกถึงลางร้ายมากเพียงนี้!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท