ตอนที่ 1,108 ลู่กวนไห่
“เศษสวะ นอกจากหลบหนีแล้ว ท่านทำสิ่งอื่นเป็นบ้างหรือไม่?”
เสียงคำรามของท่านเจ้าเมืองฉู่อวิ๋นซุนดังกังวานไปทั่วบริเวณ
ลู่กวนไห่ขมวดคิ้ว
ติงซานฉือตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้ามีฝีมือก็ออกไปสู้เองเถอะ”
“ข้า…”
ฉู่อวิ๋นซุนถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ชายชราฝีมือต่ำต้อยผู้นี้ถูกยกย่องให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักกระบี่อมตะได้อย่างไร?
ไม่เห็นจะมีความน่าเกรงขามสักนิด
“ไร้ค่า”
ฉู่อวิ๋นซุนตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และทำท่าจะกระโดดลงสู่สังเวียนประลองด้วยตนเอง
แต่ยังไม่ทันสะกิดปลายเท้าพุ่งตัวออกไปข้างหน้า มือที่เรียวบางก็กดทับลงบนหัวไหล่ของเขาอีกครั้ง
ฉู่อวิ๋นซุนหันกลับไปมองหน้าลู่กวนไห่
ผู้เป็นภรรยาส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ท่านลงมือไม่ได้แล้ว ให้ข้าลงมือเองเถอะ”
ฉู่อวิ๋นซุนรู้สึกขัดใจเล็กน้อย แต่ถึงเขาจะหงุดหงิดเพียงใด บุรุษก็ต้องเชื่อฟังภรรยา เพราะผู้เดียวในชีวิตนี้ที่ฉู่อวิ๋นซุนไม่กล้ามีปัญหาด้วยก็คือลู่กวนไห่
“ถ้าอย่างนั้นก็ประเสริฐ”
ฉู่อวิ๋นซุนพยักหน้า “ระวังตัวด้วย หากรู้ว่ากำลังจะพ่ายแพ้ ให้รีบถอนตัวกลับมาทันที หากท่านบาดเจ็บ ข้าคงเสียสติเป็นแน่แท้”
ลู่กวนไห่พยักหน้ารับคำ “ข้าจะระวังตัว”
พูดจบ นางก็ไปปรากฏตัวอยู่บนสังเวียนประลอง
“หืม? คนรักเก่าของท่านอาจารย์ออกโรงเองเลยเหรอเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
สตรีผู้นี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมือกระบี่อัจฉริยะประจำเมืองไป๋หยุน และนางก็คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ส่งเสริมให้ฉู่อวิ๋นซุนได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าเมืองคนใหม่
ว่ากันตามการประเมินจากอาจารย์อาอิ๋นซาน ลู่กวนไห่ผู้นี้มีขอบเขตพลังไม่ต่ำต้อย สมควรอยู่ในขั้นเซียนระดับสี่เป็นอย่างน้อย
แต่นั่นก็ไม่ถือเป็นระดับพลังที่สูงล้ำอีกต่อไป
เพราะในการประลองกระบี่ครั้งนี้ ผู้ที่ปรากฏกายบนสังเวียนประลอง ล้วนเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับหกแทบทั้งสิ้น
เกรงว่าลู่กวนไห่คงต้องออกมาพ่ายแพ้แล้ว
ในไม่ช้า การต่อสู้บนยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิงก็เริ่มต้นขึ้น
“พี่เหยียน ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
เหยียนหรู่อี้ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณชายก็ดูเอาเองสิ”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
ปฏิกิริยาตอบรับเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
อย่าบอกนะว่าเหยียนหรู่อี้เริ่มเรียนรู้กลยุทธ์ของเขาแล้ว?
“พี่เป่ยเฉินคิดว่าอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”
สาวกผู้ซื่อสัตย์ของหลินเป่ยเฉินอย่างหูเหม่ยเอ๋อร์รีบส่งเสียงทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นทันที
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินคิดจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนข้อมูลของลู่กวนไห่
แต่เมื่อนึกทบทวนดูอีกที เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจ
ถึงอย่างไรนางก็เป็นอดีตคนรักของอาจารย์เขา การรู้ข้อมูลส่วนตัวที่มากเกินไปใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยหลินเป่ยเฉินก็สมควรได้รับอนุญาตจากอาจารย์ติงก่อนไม่ใช่หรือ?
ช่างมันเถอะ
ไม่ต้องสแกนก็แล้วกัน
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากและหันมาตอบกับหูเหม่ยเอ๋อร์ว่า “ลู่กวนไห่ไม่มีทางชนะเด็ดขาด เว้นแต่ว่านางจะซ่อนเร้นฝีมือที่แท้จริงเอาไว้…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ควับ!
รังสีกระบี่ฟันเข้าใส่ปีกผีเสื้อบนแผ่นหลังของสาวน้อยจากหุบเขาผีเสื้อพิษเหอชิงฮวา
ฉึบ!
ได้ยินเสียงกระบี่ถูกสอดกลับคืนฝักดังขึ้น
ลู่กวนไห่ยืนเอามือไขว้หลัง ลักษณะองอาจผ่าเผย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พิษของเจ้าใช้ไม่ได้ผลสำหรับข้า กระบี่ของเจ้าก็ยิ่งใช้กับข้าไม่ได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ได้โปรดกลับไปเถอะ”
เหอชิงฮวาดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความตกตะลึง
“คิดไม่ถึงเลยว่าเมืองไป๋หยุนจะมียอดฝีมืออย่างแม่นางเร้นกายอยู่ด้วย”
มนุษย์ผีเสื้อสาวข่มกลั้นความเจ็บปวดของปีกบนแผ่นหลังและกล่าวว่า “ท่านคือลู่กวนไห่ใช่หรือไม่? ประเสริฐ วันหน้าข้าอยากจะกลับมาประลองกับท่านอีกสักครั้ง”
กล่าวจบ นางก็หมุนตัวกระโดดขึ้นจากสังเวียนประลอง
บนอัฒจันทร์โดยรอบ สีหน้าของยอดมือกระบี่จากสำนักต่าง ๆ ล้วนแปรเปลี่ยนไปหมดสิ้น
กระบวนท่าที่ลู่กวนไห่ใช้ออกมาเมื่อสักครู่ เป็นกระบวนท่าสังหารที่มีชื่อว่ากระบี่ลำแสงตัดวิญญาณ
ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานของเมืองไป๋หยุน
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเหอชิงฮวากลับต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่กระบวนท่านี้
ช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน
ลู่กวนไห่ถือว่ากำเนิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านกระบี่อันสูงส่ง
หลินเป่ยเฉินยกมือปิดปากด้วยความประหลาดใจ
อุ๊ย!
นี่ปากของเขาศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาพูดว่าลู่กวนไห่อาจซ่อนเร้นฝีมือที่แท้จริงเอาไว้ นางก็ซ่อนเร้นฝีมือเอาไว้จริง ๆ
แล้วอาจารย์ติงสามารถทำให้สตรีเช่นนี้หลงรักได้อย่างไร?
“หญิงผู้นี้นับว่าเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านกระบี่ที่แท้จริง”
เหยียนหรู่อี้เองก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความชมเชยเช่นกัน “แม้จะเป็นกระบวนท่าขั้นพื้นฐาน แต่เมื่อเป็นนางที่ใช้ออกมา มันกลับมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง ระดับพลังของนางเป็นรองเหอชิงฮวา แต่ทักษะการต่อสู้ของลู่กวนไห่เหนือล้ำกว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า นี่จึงนับเป็นความร้ายกาจที่น่ากลัวมากเกินไป”
หลินเป่ยเฉินพลันถามออกมาด้วยความสงสัยใจว่า “ในโลกนี้มีบุคคลเช่นนั้นอยู่ด้วยหรือขอรับ?”
เมื่อถามจบแล้ว เด็กหนุ่มก็แอบพูดต่ออยู่ในใจว่า ‘อย่าบอกนะว่าท่านสนใจบุคคลประเภทนั้น?’
เหยียนหรู่อี้ตอบว่า “ใช่แล้ว พวกเราเรียกคนเหล่านี้ว่า…ผู้ได้รับพรวิเศษ”
ว่าไงนะ?
ตัวอย่างเช่น เม่ยหลินจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินต้องยอมรับเลยว่าการเข้าร่วมงานประลองกระบี่ในครั้งนี้ช่วยเปิดหูเปิดตาให้เขาได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มเข้าใจมาตลอดว่าตนเองคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ไม่มีผู้ใดจะเป็นคู่ต่อกรของเขาได้อีก
แต่นั่นคือในจักรวรรดิเป่ยไห่ ซึ่งเป็นเพียงจักรวรรดิเล็ก ๆ ในแผ่นดินตงเต้าเท่านั้น
ในโลกอันแสนกว้างใหญ่ใบนี้ ยังคงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่อีกมากมายนัก
บางคนมีวิชากระบี่เฉพาะตัว บางคนมีรูปแบบการต่อสู้ไม่เหมือนใคร บางคนจิตใจโหดร้ายอำมหิตผิดมนุษย์มนา ดังนั้นจึงไม่สมควรประเมินกลุ่มคนเหล่านี้ต่ำเกินไปเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินได้สติขึ้นมาโดยทันที
‘ดูเหมือนว่าเราจะยังแข็งแกร่งไม่พอสินะ สงสัยคงต้องหาโอกาสดาวน์โหลดแอปเพิ่ม และซื้อเครื่องมือเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองมากกว่านี้ซะแล้วสิ’
เขาบอกกับตัวเองอยู่ในใจ
ห่างออกไป ทางอาณาเขตที่นั่งของกลุ่มผู้กล้าจากเมืองไป๋หยุน ก็เกิดเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
ศิษย์ของเมืองไป๋หยุนจำนวนไม่น้อยตกตะลึงในฝีมือที่แท้จริงของภรรยาท่านเจ้าเมือง
หลังจากส่งเสียงอุทานออกมาแล้ว ในใจของพวกเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ในเมื่อภรรยาท่านเจ้าเมืองมีฝีมือแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วเหตุไฉนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางจึงปล่อยให้สำนักยุทธ์คนนอกข่มเหงรังแกชาวเมืองไป๋หยุนได้ตามใจชอบล่ะ?’
หรือนางเห็นว่าศิษย์เมืองไป๋หยุนหาได้มีค่าควรปกป้องไม่?
บนยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิง การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตรับชมการประลองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ลู่กวนไห่ยังคงเป็นตัวแทนสู้ต่อไป
คราวนี้ นางเปลี่ยนมาใช้กระบวนท่าอื่นอีกสองสามกระบวนท่า
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกระบวนท่าที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อน และไม่มีผู้ใดเข้าใจเลยว่าลู่กวนไห่สามารถใช้งานกระบวนท่าเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร
อานุภาพการโจมตีรุนแรงมาก
ตัวแทนจากฝ่ายหุบเขาผีเสื้อพิษคนต่อมามีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเหอชิงฮวา
แต่ก็ยังตกเป็นรองลู่กวนไห่อยู่ดี
“คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเมืองไป๋หยุนจะมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินลอบอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเพราะรู้ว่าตนเองประเมินค่าเมืองไป๋หยุนต่ำเกินไปมาโดยตลอด
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับหกของหุบเขาผีเสื้อพิษก็ต้องพ่ายแพ้ไปอีกครั้ง
“การต่อสู้รอบที่สอง ผู้กล้าจากเมืองไป๋หยุนเป็นฝ่ายชนะ”
เสียงของผู้ดูแลเจดีย์ถังกงเยวียนดังกังวานไปทั่วยอดเขา
การประลองสองคู่ที่ผ่านไป ปรากฏว่าสำนักที่อ่อนแอกว่าล้วนสามารถผ่านเข้ารอบได้ทั้งคู่
“งานประลองครั้งนี้มีแต่เรื่องราวไม่คาดฝันจริง ๆ”
“น่าเหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อ”
“ผู้ใดจะไปคิดเลยว่าทั้งตัวแทนจากเมืองไป๋หยุน สำนักกระบี่สายฟ้าวายุ รวมถึงสำนักคฤหาสน์กำยานจะผ่านเข้าสู่รอบที่สามได้สำเร็จด้วยกันทั้งหมด”
“ลู่กวนไห่จากเมืองไป๋หยุน เม่ยหลินจากสำนักสายฟ้าวายุ หลินเป่ยเฉินจากสำนักคฤหาสน์กำยาน… สามคนนี้มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งเซียนกระบี่โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้ง”
“ฝีมือกระบี่ของสามคนนี้ไม่ธรรมดา คนทั่วไปล้วนไม่อาจเทียบเคียงได้”
“ชื่อของพวกเขาเกรงว่าคงโด่งดังไปทั่วดินแดนตงเต้าในอีกหลายร้อยปีต่อจากนี้”
“และก็ยังมีเซียวปิงกับฉู่อวิ๋นซุน สองคนนี้ก็มีฝีมือร้ายกาจไม่แพ้กัน…”
ระหว่างที่กลุ่มคนกำลังพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นนั้น การประลองรอบที่สองก็จบลงอย่างเป็นทางการ
ส่วนการประลองรอบที่สามจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันหลังจากนี้!!