ตอนที่ 1,118 เคล็ดลับความแข็งแกร่ง
‘ภารกิจ : กอบกู้ความรุ่งเรืองสู่สำนักกระบี่อมตะ’
‘เนื้อหาภารกิจ : ปฏิบัติตามแผนออกกำลังกายที่ระบบ Keep จัดเตรียมเอาไว้ให้ เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป ให้นำลูกศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะมาออกกำลังกายโดยมีเป้าหมายว่า ต้องเลื่อนระดับให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายจำนวนห้าคน ยอดปรมาจารย์ตอนต้นจำนวนสิบคน และระดับปรมาจารย์ตอนปลายอีกสามสิบคน และต้องทำให้ผู้ที่มีพลังอ่อนแอที่สุดในกลุ่มลูกศิษย์สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ให้สำเร็จ’
‘ระยะเวลาในการทำภารกิจ : เจ็ดวัน’
‘ของรางวัลเมื่อทำภารกิจสำเร็จ : จะได้เลื่อนขอบเขตพลังขึ้นสู่ขั้นเซียนระดับสี่’
‘บทลงโทษเมื่อทำภารกิจล้มเหลว : ไม่มี’
‘โปรแกรมออกกำลังกาย : ยืดเส้นยืดสายตอนเช้า วิ่งจ๊อกกิ้ง เต้นแอโรบิค ออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนล่าง ออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนบน ออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนเอวและช่วงท้อง เผาผลาญไขมันด้วยการเล่นโยคะ…’
หลินเป่ยเฉินจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดจบลง เขาก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
แปลกประหลาดมากเกินไป
ให้ตายเถอะ
คราวนี้ของรางวัลช่างน้อยนิดเหลือเกิน
ได้เลื่อนขอบเขตพลังแค่ขั้นเดียวเอง
นี่แอปพลิเคชัน Keep กำลังดูถูกเขาอยู่ใช่ไหม?
คิดจะบังคับให้เขากดปฏิเสธล่ะสิ
หลินเป่ยเฉินเป็นเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาสามารถสร้างชื่อเสียงได้ตั้งแต่อายุยังเยาว์ หากทำภารกิจแล้วได้เลื่อนขอบเขตพลังขึ้นสู่ขั้นเซียนระดับห้า ใต้หล้านี้ก็คงไม่มีใครสู้เขาได้อีกแล้ว
ดังนั้นระบบของแอปพลิเคชัน Keep จึงเลือกที่จะเลื่อนระดับให้เขาแค่ขั้นเดียว เพราะคงไม่อยากทำให้หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งมากเกินไปสินะ?
หรือแอปพลิเคชัน Keep กำลังลองใจเขาอยู่?
ไม่ทราบว่ามีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้าหรือไม่?
หลินเป่ยเฉินได้แต่บ่นอยู่ในใจ ขณะกดยอมรับภารกิจโดยไม่ลังเล
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็คิดหาวิธีที่จะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่นและเรียบง่าย
แอปพลิเคชัน Keep มีแบบแผนสำหรับออกกำลังกายมาให้อยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหา
ปัญหาคือจะสร้างแรงจูงใจอย่างไรต่างหาก
เพื่อการนั้น เขาก็คงต้องอาศัยแอป NetEase Cloud Music เอาไว้เปิดเพลงระหว่างออกกำลังกาย นอกจากช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้แก่ผู้คนได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มพละกำลังให้แก่ผู้ที่ออกกำลังกายอีกด้วย…
หลินเป่ยเฉินต้องรีบลงมือให้เร็วมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หากสามารถเลื่อนขอบเขตขึ้นสู่ขั้นเซียนระดับสี่ได้สำเร็จ ตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนในการประลองครั้งนี้ก็จะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
และเขาก็จะสามารถเดินทางขึ้นไปสู่ดินแดนทวยเทพได้อย่างปลอดภัยไร้อันตราย
หลินเป่ยเฉินเปิดแอป NetEase Cloud Music และเริ่มต้นค้นหาเพลงสำหรับเปิดระหว่างออกกำลังกาย
เด็กหนุ่มค้นพบบทเพลงที่เหมาะสมจำนวนมากทีเดียว
นอกจากเพลงประกอบละครเรื่องหวงเฟยหง ซึ่งดาวน์โหลดลงเครื่องเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์จากต่างประเทศอีกหลายเพลง
ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบจากภาพยนตร์เรื่อง ‘The Lord of the Rings’ และเพลงประกอบจากภาพยนตร์เรื่อง ‘The Hobbit’
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
หลินเป่ยเฉินยังได้ค้นพบเพลงประกอบเกมออนไลน์มาอีกจำนวนมาก รวมไปถึงเพลงจากวงร็อคต่างประเทศยุค 90 อย่างวง Nirvana ก็มีให้ดาวน์โหลดเช่นกัน เพียงคิดถึงจังหวะกระตุ้นเร้าของดนตรีร็อคเหล่านั้น เลือดลมในร่างกายของเขาก็สูบฉีดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
บทเพลงเหล่านี้แม้ไม่ต้องมาอยู่ในโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ มันก็ยังสามารถให้แรงบันดาลใจผู้คนได้อยู่แล้ว
แต่เมื่อมาอยู่ในโทรศัพท์วิเศษของยมทูต มันก็ยิ่งเพิ่มพลังให้กับผู้คนมากยิ่งขึ้น
ส่วนบทเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษนั้น…
ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน ผู้คนในโลกแห่งวรยุทธ์ก็คงไม่สนใจหรอกกระมัง
เมื่อค้นหาบทเพลงเพิ่มเติมจนถูกใจครบถ้วน หลินเป่ยเฉินก็จ่ายศิลาบูชาไปถึง 60 ก้อนด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้น การดาวน์โหลดเพลงที่กล่าวถึงมาทั้งหมดข้างต้นก็เสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็ว
สิ่งที่ต้องจัดการต่อไปคืออาหารเสริม
หลินเป่ยเฉินมีอยู่สองทางเลือก
หนึ่งคือแจกจ่ายผลกวนเจี๋ยให้ทุกคนรับประทานเพื่อเพิ่มพลัง
สองคือซื้อหายาบำรุงร่างกายจากแอป Taobao เพราะก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเคยเห็นอานุภาพยาขับพิษชนิดเม็ดตรา ยินเคียวโกยตั๊กเพี่ยงมาแล้ว หลังจากนั้นเด็กหนุ่มจึงได้พบกับยาบำรุงร่างกายอีกหลายชนิด แต่เขาไม่รู้เลยว่าการให้ศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะรับประทานยาบำรุงร่างกายเหล่านี้ ทางแอปพลิเคชัน Keep จะมองว่าเขาโกงหรือเล่นนอกกติกาหรือไม่
จะอย่างไรก็ลองดูก่อนดีกว่า
หลินเป่ยเฉินกดสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็สั่งยาเพิ่มอะดรีนาลีนมาสิบขวด
แน่นอนว่าต้องจ่ายค่าขนส่งแบบด่วนพิเศษ
เท่ากับว่าหลินเป่ยเฉินต้องใช้ศิลาบูชาไปอีก 1,200 ก้อน
แพงมาก
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเจ็บปวดรวดร้าว
หากไม่ใช่เพราะว่าต้องทำภารกิจด่วนพิเศษของแอปพลิเคชัน Keep หลินเป่ยเฉินไม่มีทางยอมจ่ายเด็ดขาด
ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยากลังเลรีรออีกต่อไป เขาตัดสินใจเริ่มต้นโดยทันที
หลินเป่ยเฉินเดินออกจากที่พักและเรียกตัวเฉียนเหมยกับเฉียนเจินให้รับคำสั่งเรียกระดมพลลูกศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะ รวมถึงแจ้งให้อาจารย์ติง ผู้เป็นเจ้าสำนักให้เตรียมตัวฝึกวิชาด้วยเช่นกันตั้งแต่เช้าตรู่
แต่ยังไม่ทันที่ผู้คนของสำนักกระบี่อมตะจะมารวมตัวกัน หลินเป่ยเฉินก็ได้พบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
เป็นเหยียนหรู่อี้จากสำนักคฤหาสน์กำยานที่นำลูกศิษย์สาวทั้งสองของนางมาพบเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อ้าว พี่เหยียน พี่ซวี น้องหู ลมอะไรหอบมาขอรับเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินทักทายผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์อยากปรึกษาพี่เป่ยเฉินเรื่องการประลองวันมะรืนนี้น่ะเจ้าค่ะ”
หูเหม่ยเอ๋อร์ผู้เป็นแฟนคลับสมองกลวงของหลินเป่ยเฉินให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
เหยียนหรู่อี้สำรวจมองหลินเป่ยเฉินขึ้น ๆ ลง ๆ ก่อนที่แววตาจะเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ “พลังจิตของคุณชายลดลง? เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
เหยียนหรู่อี้มองออกด้วยหรือนี่?
“ข้ามัวแต่คิดถึงเรื่องการประลองที่กำลังจะมาถึงน่ะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบรับเร็วไวด้วยทักษะการแสดงชั้นยอด “ต้องไม่ลืมว่าข้าเองก็คือสมาชิกกลุ่มคฤหาสน์กำยานเช่นกัน ข้ารับปากพี่เหยียนเอาไว้แล้วว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด ดังนั้นข้าจึงพยายามทำให้เต็มที่มากที่สุด ตลอดสองคืนที่ผ่านมา ข้าจึงใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการคิดหาวิธีช่วยเหลือให้พี่เหยียนได้ผ่านเข้ารอบต่อไป จึงแทบไม่มีเวลาได้นอนเลยขอรับ และด้วยสาเหตุนี้ มันจึงทำให้พลังจิตของข้าเสื่อมถอยลง”
แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินไม่อาจบอกเหยียนหรู่อี้ได้เด็ดขาดว่าเมื่อคืนนี้เขาเพิ่งเข้าไปที่สุสานกระบี่ และเผชิญหน้าการโจมตีจากพลังจิตของชายชราที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าผู้หนึ่ง
“เรื่องนั้น…”
สองแก้มของเหยียนหรู่อี้แดงซ่านขึ้นมาทันที
หญิงสาวผู้เป็นอาจารย์จากสำนักคฤหาสน์กำยานกัดริมฝีปากของตนเองเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงแผ่วเบาว่า “อันที่จริง ท่านไม่ต้องทำงานหนักถึงเพียงนี้ก็ได้ แค่มาถึงรอบนี้ก็ถือว่าไกลเกินฝันแล้ว ทำไมคุณชายหลินถึงได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงนัก”
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นหยุดชะงัก ก่อนตอบว่า “อ้อ ข้าย่อมต้องตั้งความหวังเพื่อสำนักคฤหาสน์กำยานของพวกท่าน”
เหยียนหรู่อี้จ้องมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ
หลินเป่ยเฉินยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ที่ข้าทำทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อพี่เหยียนขอรับ”
หัวใจของเหยียนหรู่อี้กระตุกวูบ ความรู้สึกที่แปลกประหลาดทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว แต่หญิงสาวก็เสแสร้งแกล้งทำสีหน้าจริงจังกล่าวว่า “คุณชาย… ท่านพูดจาเหลวไหลแล้ว”
“หากพี่เหยียนไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาก็แค่พูดจาหว่านคำหวานไปเรื่อยเท่านั้นเอง
ถึงอย่างไรเหยียนหรู่อี้ก็ไม่ใช่เด็กสาวอายุ 15 – 16 นางผ่านประสบการณ์ในโลกกว้างมาอย่างมากมาย จะสามารถหลงเชื่อคำโกหกง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ในอนาคต หลินเป่ยเฉินคงต้องลดการโปรยคำหวานลงสักหน่อยแล้ว
เด็กหนุ่มสามารถเปลี่ยนเรื่องพูดได้โดยไม่สะทกสะท้านใด ๆ ว่า “พี่เหยียนมาหาข้าถึงที่พักเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคงมีข้อมูลเกี่ยวกับการประลองวันมะรืนนี้มาบอกกระมัง?”
เหยียนหรู่อี้รู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของหลินเป่ยเฉิน
เมื่อสักครู่ นางทำตัวจริงจังมากเกินไปจนทำร้ายความรู้สึกของเด็กหนุ่มคนนี้ใช่หรือไม่?
“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกคุณชายว่าการประลองกระบี่รอบต่อไป คุณชายได้โปรดเก็บแรงถนอมกายเอาไว้เถอะ หากรู้ตัวว่าสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ก็แค่ขอยอมแพ้ไปเท่านั้น อย่างที่ข้าเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ แค่ได้เข้าถึงรอบที่สามก็ถือเป็นเกียรติของสำนักคฤหาสน์กำยานมากแล้ว”
น้ำเสียงของเหยียนหรู่อี้อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินเป่ยเฉินส่ายศีรษะตอบว่า “ข้ามีเหตุผลที่ต้องชนะการประลองครั้งนี้ให้ได้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องได้ตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุน
มิฉะนั้นแล้ว เขาจะสามารถเดินทางขึ้นสู่ดินแดนทวยเทพและไปพบกับเทพีกระบี่หิมะไร้นามได้อย่างไร?
แต่เหยียนหรู่อี้ไม่ได้คิดเช่นนั้น
เมื่อนางได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังของหลินเป่ยเฉินก็พลอยให้เข้าใจว่าเขายึดถือคำมั่นสัญญาที่ตนเองให้ไว้แก่นางก่อนหน้านี้ ในหัวใจเหยียนหรู่อี้จึงรู้สึกอึดอัดขัดข้องขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่ทราบเลยว่าตนเองสมควรกล่าวอย่างไร
ด้วยความที่ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสระดับสูงประจำสำนักคฤหาสน์กำยาน เหยียนหรู่อี้จึงสร้างชื่อเสียงความโด่งดังไว้มากมายในหลายปีที่ผ่านมา
แต่โบราณกล่าวไว้ว่ายิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ยิ่งมีตำแหน่งสูงส่งมากเท่าใด เหยียนหรู่อี้ก็ยิ่งโดดเดี่ยวมากเท่านั้น แล้วนางจะคุ้นเคยกับการเข้าหาจากเพศตรงข้ามได้อย่างไร?
“ข้าขอตัวก่อน”
เหยียนหรู่อี้รีบนำลูกศิษย์ทั้งสองของตนเองกลับที่พักทันที
หลินเป่ยเฉินเดินมาส่งที่ประตู เมื่อเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินกลับไปยังจุดชุมนุมของศิษย์สำนักกระบี่อมตะ
บัดนี้ ศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว
นับว่านามของคุณชายหลินมีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ข่าวว่าหลินเป่ยเฉินเรียกระดมพลให้ออกมาฝึกวิชาด้วยกัน มือกระบี่ชุดขาวทุกคนก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆๆ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะและเริ่มทำการแสดงของตนเอง
“ข้าขอชี้แจงก่อนว่าที่เรียกพวกท่านมารวมตัวกันในยามนี้ ก็เพื่อจะให้พวกเราได้เริ่มต้นฝึกวิชาด้วยกัน ในเมื่อทุกท่านเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะ จึงถือว่าเป็นพี่น้องคนกันเอง ข้าจะไม่ปิดบังความลับกับพวกท่านเด็ดขาด…”
“ทุกคนทราบหรือไม่ว่าเหตุไฉนข้าถึงได้มีความแข็งแกร่งตั้งแต่อายุน้อย?”
“นั่นเป็นเพราะว่าข้าฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาลับชนิดหนึ่ง…”
“วันนี้ ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับเหล่านั้นให้แก่ทุกท่านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
นี่คือวิธีการดั้งเดิมของเขา
ก้าวออกมาพูดสร้างแรงจูงใจ
เมื่อหลงเชื่อว่าตนเองกำลังฝึกวิชา มือกระบี่ชุดขาวเหล่านี้ก็จะกล้าออกกำลังกายในท่วงท่าต่าง ๆ จากการกำหนดของแอปพลิเคชัน Keep โดยไม่เกิดความเขินอายหรือตะขิดตะขวงใจ
มือกระบี่ชุดขาวทุกคนต่างก็รอรับฟังคำนี้อยู่ก่อนแล้ว
หลินเป่ยเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งและทรงพลัง เรื่องนี้ไม่มีใครเถียงได้
แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรต่อไป สายตาของเขาก็เห็นหูเหม่ยเอ๋อร์กระโดดกลับมาหาตนเองอีกครั้ง
“พี่เป่ยเฉิน นี่ของท่านเจ้าค่ะ”
นางยืนส่งถุงหอมสีชมพูขนาดเล็กที่เย็บปักถักร้อยอย่างละเมียดละไมมาให้เขาถุงหนึ่ง
“นี่คืออะไรหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย
หูเหม่ยเอ๋อร์ตอบว่า “เป็นถุงหอมของอาจารย์ข้าน้อยเองเจ้าค่ะ ด้านในบรรจุด้วยตัวยาวิเศษของสำนักคฤหาสน์กำยาน ทุกครั้งที่ท่านสูดดม มันก็จะช่วยให้พลังจิตของท่านเข้มแข็งมากขึ้น”
หืม?
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแสดงออกถึงความประหลาดใจ