รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 985 ร่างจำแลงวิถีสวรรค์ ขีดจำกัดแห่งวิถีทั้งหกสิบหก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 985 ร่างจำแลงวิถีสวรรค์ ขีดจำกัดแห่งวิถีทั้งหกสิบหก!

บทที่ 985 ร่างจำแลงวิถีสวรรค์ ขีดจำกัดแห่งวิถีทั้งหกสิบหก!

นี่เป็นเพียง ‘โรค’ เล็ก ๆ เทียบกับจ้าวแดนธุลีจากพื้นที่สีเทา หรือจ้าวแดนว่างเปล่าจากดินแดนว่างเปล่าแล้วยังด้อยกว่าอยู่หน่อย

เขาต้านทานมาถึงตอนนี้นับว่าไม่ง่ายแล้ว

ศพของผู้เบิกทางและศพของเจ้าของกระโปรงสีขาวแห่งความตายปรากฏตัว ภัยคุกคามน่าพรั่นพรึงที่เผยออกมาทลายความตั้งใจของเขาจนสิ้นซาก ถูกความต้องการทำลายกลืนกินทันที

กลิ่นอายทำลายล้างคืบคลาน ปกคลุมอาณาจักรทั้งผืนประหนึ่งวันโลกาวินาศ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้รู้สึกถึงความสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุด!

“เกิด…อะไรขึ้น?!”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

สิ่งมีชีวิตร้องลั่นด้วยความผวากันนับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

กลิ่นอายทำลายล้างที่แผ่ซ่านเข้ามาเป็นผลให้พวกเขามองไม่เห็นความหวังใด ๆ พวกเขารับรู้ได้ว่าดาบได้จ่อแนบลำคอพวกเขาแล้ว หรืออาจฟันเข้าไปครึ่งท่อนแล้วด้วยซ้ำ ความตายกำลังโบกมือให้พวกเขา

สถานการณ์ของยอดฝีมือหลังฉากจำนวนหนึ่งยังดีหน่อย พอฝืนต้านได้ไหว

พวกเขาไม่ได้ลังเล หนีกันหัวซุกหัวซุนเพื่อไปจากอาณาจักรแห่งความตายนี้!

ทว่าเวลานั้นเอง หนามแหลมสีดำทะลวงออกจากห้วงอากาศ แทงทะลุร่างกายยอดฝีมือหลังฉากเหล่านี้ทันที พร้อมด้วยหยาดโลหิตที่ซัดสาดออกมา!

แข็งแกร่งดุจพวกเขาผู้อยู่เหนือขอบเขตอิสระยังปวกเปียกประหนึ่งกระดาษเมื่ออยู่ใต้หนามแหลมสีดำ ต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว ไม่สามารถตอบโต้ได้เลย!

เลือดสาดกระจายราวกับฝนโลหิตตกกระหน่ำ ย้อมปฐพีผืนนี้เป็นสีแดง

ทว่าพวกเขายังไม่ตาย ก่อร่างใหม่ขึ้นท่ามกลางฝนโลหิตอย่างยากลำบาก

“ตัวอะไรกัน!”

“นี่พวกเรา…กำลังจะตายแล้วหรือ”

หน้าตาพวกเขาซีดเผือด ไม่เหลือเลือดลมสักนิด ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออันใด

“บัดซบ ทั้งที่เป็นยุคสมัยอันรุ่งเรืองที่สุด พวกเรากลับต้องจบสิ้นทั้งอย่างนี้!”

“อ๊ากกก น่าชอกช้ำเกินไปแล้ว!”

พวกเขาคำรามเสียงเกรี้ยวอย่างเจ็บใจ อารมณ์อาดูรถึงขีดสุด

สสารระดับสูงพวยพุ่งอยู่ในอาณาจักรนี้ไม่หยุด สิ่งแวดล้อมประเสริฐเสียยิ่งกว่าโลกหลังฉาก พวกเขาได้เห็นอนาคตเอี่ยมอ่อง ได้เห็นความหวังของการอยู่เหนือขอบเขตอิสระ!

บัดนี้ทุกอย่างกลับต้องจบสิ้นลงอย่างนี้

มิให้พวกเขาเจ็บใจได้อย่างไร!

“งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ไม่ควรจบลงลวก ๆ เช่นนี้ จำต้องลิ้มรสอย่างละเอียด ข้าชอบความหวาดกลัวของพวกเจ้า”

บนท้องฟ้า ร่างบรรจุโรควัยกลางคนส่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายพิศวง ดังสะท้อนไปทั่วอาณาจักร สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ สั่นสะท้านถึงดวงวิญญาณ

เขาอำมหิตเกินไป จงใจไว้ชีวิตบรรดายอดฝีมือหลังฉากมิได้ฆ่าทันที เพื่อให้ตนเองได้ดื่มด่ำกับความหวาดกลัวของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้

“ข้าคือเสวี่ยซา เป็นนามที่ข้าตั้งให้ตนเอง หวังว่าพวกเจ้าจะชอบ”

เขาหัวเราะร่วนอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งอาณาจักรสั่นคลอนรุนแรงด้วยเสียงหัวเราะของเขาราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขุนเขาถล่ม ลำธารขาดสะบั้น

“ตอนนี้ จงหวาดกลัวเสีย! นี่คือสิ่งที่งดงามที่สุดในใต้หล้านี้!”

เขาจ้องมองสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้จากบนฟ้า เมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้หนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว รอยยิ้มของเขายิ่งทอประกายเบิกบาน!

ขณะเดียวกัน เขาตามหา ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ ในอาณาจักรนี้ไปทั่ว

เขาอยากเห็นความหวาดกลัวของ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ ในอาณาจักรนี้มากกว่า

ทว่าในตอนนั้นเอง ศรอาบแสงเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างแม่นยำ หมายจะทะลวงศีรษะของเขา

ตึง!

ศรอาบแสงมิทันพุ่งเข้ามาก็แหลกลาญกลางอากาศ ความห่างชั้นนั้นมากเกินไป พลังของศรอาบแสงไม่อาจเข้าใกล้เสวี่ยซาได้เลย

นั่นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ดูแล้วอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น สายตากลับมาดมั่นเด็ดเดี่ยวเหลือแสน ไร้ซึ่งความหวาดผวา

“เสวี่ยซา ชื่อเส็งเคร็งอะไรกัน! เจ้าฆ่าข้าได้ แต่ข้าไม่มีทางกลัวเจ้า!”

เด็กหนุ่มแผดเสียง แม้นอายุยังน้อย ทว่ากล้าหาญอย่างยิ่งยวด

เขาดึงคันยิงศรอีกครั้ง ธนูพุ่งออกไปไม่หยุดหมายจะสังหารเสวี่ยซา

ตึง! ตึง! ตึง!

ธนูทุกดอกที่ยิงออกไปล้วนระเบิดทันควัน ขอบเขตพลังของเด็กหนุ่มต่ำเกินไป บัดนี้เพิ่งอยู่ขอบเขตเซียนเท่านั้น

ขอบเขตระดับนี้เมื่ออยู่เบื้องหน้าเสวี่ยซาหม่นหมองยิ่งกว่าแสงสะท้อนจากเม็ดข้าวเสียอีก

กระนั้นเขายังดึงดูดความสนใจจากเสวี่ยซาไป

สายตาของเขาใสกระจ่างเกินไป เจิดจ้าแวววาวจนเสวี่ยซาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

เสวี่ยซาทอดมองเด็กหนุ่ม สายตาน่าประหวั่นพรั่นพรึงเหลือแสน ต่อให้เป็นยอดฝีมือหลังฉากเมื่อได้สบเข้ากับสายตาเช่นนี้ต่างต้องจิตใจเตลิดในพริบตา

ทว่าเด็กหนุ่มไม่ได้เป็นเช่นนั้น

สายตาของเขายังคงใสกระจ่างเด็ดเดี่ยว ปราศจากความเกรงกลัวแม้สักเสี้ยว เขาง้างคันเล็งเสวี่ยซาแล้วยิงธนูออกไป!

ผลลัพธ์นั้นคาดเดาได้ง่าย ธนูที่ยิงออกไประเบิดทันที กลายเป็นเสี่ยง ๆ

เสวี่ยซาคำรามเสียงต่ำ ไม่พอใจอย่างที่สุด

เขาสุขสราญกับความหวาดกลัวที่เกิดจากความตายที่สุด ทว่าเด็กหนุ่มกลับไร้ซึ่งความหวาดกลัว สร้างความไม่พอใจให้เขาอย่างยิ่ง

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เวลานั้นเอง ธนูนับไม่ถ้วนวาดผ่านฟากฟ้า ทะลวงไปหาเสวี่ยซา

สิ่งมีชีวิตมากมายได้รับอิทธิพลจากเด็กหนุ่มจนเอาชนะความผวาในใจ หยิบอาวุธขึ้นมาโจมตีเสวี่ยซา

เด็กหนุ่มเป็นเพียงเซียนตัวเล็ก ๆ ในยุคสมัยนี้นับว่าต่ำต้อยยิ่งนัก พลังอ่อนด้อยเหลือแสน กระนั้นยังกล้าเข้าต่อสู้

พวกเขามีขอบเขตสูงกว่าเด็กหนุ่ม กลับตื่นตระหนกจนขี้หดตดหาย ไม่กล้ารับมือ!

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาละอายใจยิ่ง และความละอายใจนี้นี่เองที่เอาชนะความหวาดกลัวในใจพวกเขาลง

“ฆ่า!”

“สู้ตายกับเขา!”

เสียงตะโกนกู่ร้องดังกังวานไปถึงชั้นเมฆา สิ่งมีชีวิตที่เอาชนะความกลัวได้มากขึ้นเรื่อย ๆ พากันบุกโจมตีเสวี่ยซา

เสวี่ยซาพิโรธ จิตสังหารพลุ่งพล่าน

เขาคิดไม่ถึงเลยว่างานเลี้ยงแห่งความหวาดกลัวที่เขาตั้งตารอจะถูกเด็กหนุ่มชั้นต่ำเช่นนี้ทำลาย!

“เช่นนั้นพวกเจ้าจงไปตายเสียเถิด!”

เขาคำรามกราดเกรี้ยว หมายจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

ฟิ้ว!

เวลานั้นเอง ศรอาบแสงเล่มหนึ่งอันเจิดจ้าแยงตา แฝงไว้ด้วยคลื่นพลังอันสยดสยองฝ่าออกมาท่ามกลางธนูอเนกอนันต์ ทิ่มแทงไปหาเสวี่ยซา

ศรอาบแสงเล่มนี้รวดเร็วเหลือคณาจนทลายขีดจำกัด แม้กระทั่งผู้ทรงพลังอย่างเสวี่ยซายังตั้งตัวไม่ทัน

กว่าเสวี่ยซาจะได้สติ ศรอาบแสงเล่มนี้ก็แทงทะลุร่างกายของเขาไปแล้ว

ตู้ม!

ร่างกายของเขาระเบิดทันใด เลือดเนื้อสาดกระจาย ฟ้าดินกลับมาสว่างไสว เงาครึ้มที่คอยปกคลุมถูกทลาย

“ใครกัน?!”

เขาแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด สร้างร่างใหม่ขึ้นอย่างว่องไว จิตสังหารซัดสาดดุจเกลียวคลื่น สายตาคู่นั้นสอดส่ายไปทั่วเพื่อหาว่าเป็นฝีมือผู้ใด

“ข้าเอง!”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มเย็น คันธนูเล่มใหญ่อยู่ในมือ เป็นเขาเองที่ยิงธนูดอกเมื่อกี้

เสวี่ยซาทอดสายตามองมาด้วยความเย็นเยียบ

ลำพังสายตานี้ก็ยากจะรับไหว สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระขั้นเก้ายังต้องถูกสังหารในพริบตา!

ทว่าหลังสายตานั้นทอดลงบนตัวหลี่จิ่วเต้า กลับไม่ส่งผลแต่อย่างใด

กระทั่งหลี่จิ่วเต้าทอดสายตามองเขา ดวงตาทั้งคู่สบเข้าหากัน เขาถึงกับตัวสั่นอย่างอดมิได้ รับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวอันไร้ที่สิ้นสุด คล้ายว่าถูกมหากาฬสะท้านโลกันตร์หมายหัว เขากลัวจนต้องรีบเบนสายตากลับ มิกล้าสบตาหลี่จิ่วเต้าอีก!

“เจ้าจงไปตายเสีย!”

เขาบันดาลโทสะ ฟาดฝ่ามือใส่หลี่จิ่วเต้า พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงถักทอประสานขยายร่างฉับพลัน ประหนึ่งว่าผืนนภาถล่มลงมา

เสียงดังฟิ้ว ชายหนุ่มยิงธนูออกไปอีกดอก

ศรอาบแสงวาดผ่านนภาพร้อมด้วยพลังอันไร้เทียมทาน ปะทะกับฝ่ามือนั้นและยิงฝ่ามือนั่นจนแหลกเหลว!

เสวี่ยซาคำรามด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็เข้าใจแล้วว่าหลี่จิ่วเต้าก็คือผู้ยิ่งใหญ่ที่มาเยือนอาณาจักรนี้

มิน่าม่านแสงถึงได้จุติลงจากฟากฟ้าในอาณาจักรนี้ มหาวิถีพากันต้อนรับ เขาเองก็ไม่อาจรับรู้ตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้าได้ในตอนนั้น

หลี่จิ่วเต้าไม่ธรรมดาจริง ๆ!

‘หนึ่งในวิธีการที่ท่านผู้นั้นทิ้งไว้หรือ’

เขาหัวเราะเสียงเย็นในใจ พลังใดเล่าสามารถทัดเทียมเขาได้

ไม่ต้องคิดเลยว่าต้องเกี่ยวข้องกับผู้เบิกทางท่านนั้นแน่นอน!

เขารู้เช่นกันว่าท่านผู้นั้นได้เตรียมการไว้แล้ว

‘โรค’ บางชนิดแข็งแกร่งพอจนก่อกำเนิดจิตสำนึกในภายหลัง และถูกกลืนกินอย่างรวดเร็ว ถูกความต้องการทำลายล้างควบคุม

เท่าที่เขาทราบ บรรดา ‘โรค’ ที่แข็งแกร่งมากพอเคยสังหารลูกศิษย์และผู้ติดตามของผู้เบิกทางท่านนั้นไปนับคณา

กระทั่ง ‘โรค’ เล็ก ๆ จำนวนหนึ่งยังโดนหมายหัว ถูกกลืนกินอย่างอนาถ

เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนมีสาเหตุส่วนใหญ่จากความหวาดกลัวที่ต้องถูก ‘โรค’ อันแข็งแกร่งเหล่านี้เพ่งเล็ง แล้วถูกกลืนกินอย่างอนาถ

‘โรค’ แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่แยกย้ายว่ามิตรหรือศัตรู ไม่ถือคติพันธมิตร ‘โรค’ เล็ก ๆ ก็เป็นเป้าหมายของพวกมันเช่นกัน นำมาเพิ่มพูนพลังของตนเองได้

และที่บรรดา ‘โรค’ แข็งแกร่งไม่ได้ก่อกรรมทำเข็ญอย่างยิ่งใหญ่ก็เพราะยำเกรงต่อสิ่งที่ผู้เบิกทางท่านนั้นเตรียมไว้

เสวี่ยซาคิดไม่ถึงว่าการสังหารหมู่ครั้งแรกของเขาก็ต้องพบเจอกับการจัดเตรียมของผู้เบิกทางท่านนั้น!

‘เช่นนั้นขอข้าดูหน่อยเถิดว่าการเตรียมการที่ท่านผู้นั้นทิ้งไว้ทรงพลังเพียงใด!’

เขาไม่ยอมถอยไปทั้งอย่างนี้ ต้องการสู้กับหลี่จิ่วเต้าสักตั้ง

‘โรค’ นั้นจำแนกด้วยระดับความแข็งแกร่ง การเตรียมการที่ผู้เบิกทางท่านนั้นทิ้งไว้ย่อมแบ่งแยกระดับความแข็งแกร่งเช่นกัน ถึงอย่างไรผู้เบิกทางท่านนั้นก็ทิ้งไว้หลายอย่าง หาใช่เพียงอย่างเดียว

เขาอยากวัดดูว่าหลี่จิ่วเต้านั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ!

ศึกนี้ช้าเร็วก็ต้องอุบัติ หากถอยไปตอนนี้ ภายหน้าก็ต้องสู้กันอยู่ดี

มิสู้ปะทะกันเสียตอนนี้ สั่งสมประสบการณ์

จากนั้นเขาลงมืออีกครั้ง สำแดงวิชาลับสะท้านโลกันตร์เพื่อปลิดชีพหลี่จิ่วเต้า

นี่คือวิชาลับที่ผู้เบิกทางท่านนั้นคิดค้น พลานุภาพน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ฆ่าได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตอิสระ!

ตู้ม!

พลังอันน่ากลัวซัดสาดดุจเกลียวคลื่น เสียงระเบิดดังสนั่นไม่หยุด อักขระพิเศษโลดแล่นออกมา ทุกตัวล้วนเป็นสัญลักษณ์ของขีดจำกัดแห่งมหาวิถี

อักขระพิเศษตัวหนึ่งเปล่งแสงกระบี่เจิดจ้านับล้าน จรัสจนมิอาจมองตรง ๆ ก่อนจะกลายเป็นกระบี่สวรรค์เล่มหนึ่งซึ่งบ่งบอกถึงขีดจำกัดแห่งวิถีกระบี่ ฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้า

อักขระพิเศษตัวหนึ่งเปล่งประกายดาบอันยิ่งใหญ่ อาบไล้ผืนนภาไปจนถึงยุคโบราณกาล กลายเป็นดาบสวรรค์เล่มหนึ่งอันบ่งบอกถึงขีดจำกัดแห่งวิถีดาบ!

อักขระพิเศษตัวหนึ่งกลายเป็นธนูสวรรค์อันบ่งบอกถึงขีดจำกัดแห่งวิถีธนู!

อักขระพิเศษตัวหนึ่งมีกลิ่นอายความตายไร้ที่สิ้นสุดไหลเวียน กลายเป็นเคียวมรณะเล่มหนึ่งอันบ่งบอกถึงขีดจำกัดแห่งวิถีมรณา!

อักขระพิเศษทั้งหกสิบหกบ่งบอกถึงขีดจำกัดแห่งมหาวิถีทั้งหกสิบหก บัดนี้จำแลงรูปร่างทั้งหมด ถล่มไปหาหลี่จิ่วเต้าพร้อมกัน

“จะให้สู้อย่างไรไหว?!”

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนต้องสิ้นหวัง มองไม่เห็นความหวังสักนิด!

นี่เท่ากับต้องทำศึกกับมหาวิถี การบำเพ็ญเพียรคือการบำเพ็ญวิถี ตรัสรู้ในมหาวิถีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว ขีดจำกัดแห่งมหาวิถีทั้งหกสิบหกบุกมาพร้อมกันให้ต้านอย่างไรไหว

ไม่มีทางแก้สถานการณ์ได้เลย!

“เขาเป็นใครกันแน่!”

“วิถีสวรรค์ต้องการทำลายพวกเราหรือ”

พวกเขาร่ำไห้โศกา หัวใจตรอมตรม แม้แต่ขีดจำกัดแห่งวิถียังออกโรงแล้ว ซ้ำยังเป็นขีดจำกัดแห่งวิถีทั้งหกสิบหก พวกเขารู้สึกว่าเสวี่ยซาคือร่างจำแลงจากวิถีสวรรค์ เป็นวิถีสวรรค์ที่ต้องการฝังร่างพวกเขา!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท