ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 367 เจ้าเล่ห์เหี้ยมโหด

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 367 เจ้าเล่ห์เหี้ยมโหด

หญิงสาวบนตัวตะขาบส่งเสียงโหยหวนออกมา ร่างเพียงไหววูบตะขาบก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปบนผนังหลุม คิดจะสลัดกระดาษเงินกระดาษทองพวกนั้นออกไป แต่กลับไม่สามารถทำได้

กระดาษเงินกระดาษทองพวกนี้ก่อตัวจากในร่างของมัน แผ่ลามอย่างรวดเร็ว แผ่ลามไปบนตัวตะขาบทั้งตัว กระทั่งว่าใกล้จะปกคลุมไปยังกายท่อนบนของหญิงสาวทันที

เสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากหน้าผีกระดาษเงินกระดาษทองพวกนั้นไม่หยุด แผ่ซ่านไปรอบๆ

“เจ้ากินอิ่มแล้วหรือยัง”

เสียงมากมายคล้ายมีคนนับไม่ถ้วนกำลังกรีดร้องคำราม

ในดวงตาของของนางเผยความเหี้ยมโหดหลังจากพบว่าไม่สามารถควบคุมกระดาษเงินกระดาษทองได้ นางควบคุมร่างมุดเข้าไปในผนังหลุม ร่างก็พลันมุดเข้าไป แล้วหายลับไปจากการร่วงหล่นของดิน

ในเสี้ยวขณะนี้กระดาษเงินกระดาษทองบนใบหน้าศพข้างล่างก็ปลิวลอยขึ้นมา ลอยไปในบริเวณที่ตะขาบเข้าไป

ใบหน้าผีบนนั้นไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ ทะลุผนังหลุม ไล่ตามตะขาบไป

เหมือนว่าที่นี่เป็นกับดักจริงๆ แต่เป้าหมายไม่ใช่สวี่ชิง แต่เป็น…ตะขาบแปลกประหลาดตัวนั้น

หรือต้องพูดว่า การปรากฏตัวขึ้นของตะขาบดึงดูดกระดาษเงินกระดาษทองพวกนั้น ทำให้พวกมันเปลี่ยนเป้าหมาย

ความจริงคืออะไร สวี่ชิงก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน ทำได้แค่เพียงคาดเดา

เขามองตะขาบที่จากไปไกล ในใจยิ่งระแวดระวังที่แห่งนี้มากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นกระดาษเงินกระดาษทองหรือตะขาบก็ล้วนทำให้เขารู้สึกอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

ความรู้สึกประเภทนี้ไม่เกี่ยวกับพลังบำเพ็ญ เหมือนว่าตัวตนพวกนี้ล้วนมีพลังลึกลับ

“ค่อนข้างคล้ายกับจันทร์สีชาด…บางทีลูกกลอนพิษต้องห้ามของข้าอาจจะสังหารพวกมันได้ จันทร์สีม่วงก็ทำได้เหมือนกัน”

สวี่ชิงพึมพำ แต่เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่นี่ ตอนนี้ในขณะที่ระแวดระวังตัว เขาก็ค่อยๆ เข้าใกล้ศพข้างล่างพวกนั้นอย่างระวัง เก็บเศษชิ้นส่วนที่กระจายอยู่รอบๆ และเก็บถุงเก็บของบนศพเหล่านี้ไป

ลงลึกต่อไปพลางเปิดถุงเก็บของพวกนี้ออกดู ในนั้นล้วนมีเศษชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งอยู่จริงๆ ด้วย รวมๆ แล้วมีประมาณร้อยกว่าชิ้นเห็นจะได้

หลังจากเก็บพวกมัน สวี่ชิงก็ลงลึกต่อไปด้วยความระแวงระวัง

และเมื่อถึงที่ระดับความลึกนี้ แม้กลิ่นเหม็นคาวจะรุนแรงขึ้น เสียงร้องงิ้วก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นเยือกและไอพลังประหลาดก็รุนแรงตามไปด้วย แต่เศษชิ้นส่วนรอบๆ ก็ปรากฏมากขึ้นอีกเล็กน้อย

เมื่อสวี่ชิงเห็นก็เก็บไปอย่างรวดเร็ว

เวลาค่อยๆ หมุนผ่านไปเช่นนี้เอง หนึ่งวันผ่านไป

ระหว่างนั้นสวี่ชิงเห็นศพหลายร่าง เน่าเปื่อยอย่างรุนแรง แยกไม่ออกว่าใช่คนที่เข้ามาด้วยกันหรือไม่

ข้างๆ ศพเหล่านี้มักจะมีเงาผีประดุจสุนัขเร่ร่อนจำนวนหนึ่ง กำลังกัดกิน

อีกทั้งบนร่างของศพเหล่านี้ไม่มีถุุงเก็บของ

นี่ยิ่งทำให้สวี่ชิงระแวงระวัง ความเร็วที่ลงลึกก็ลดลงเล็กน้อย

ขณะเดียวกันเขาก็ได้เจอกับผีแปลกประหลาดจำนวนไม่น้อย อย่างเช่น ยักษ์ที่ทั่วทั้งตัวเหมือนภูเขาเนื้อ บนท้องมีปากแผลขนาดมหึมากำลังกลืนและคายดิน

ยกตัวอย่างอีกเช่นต้นไม้ลักษณะเหมือนดวงตาที่โตอยู่บนผนังหลุม พวกมันจ้องมองสวี่ชิง แผ่ความน่าขนลุกออกมา

แล้วยังมีนางรำที่เหมือนเซียนหญิงแต่งกายงดงามจำนวนหนึ่ง

พวกนางลอยออกมาจากในผนังหลุม ร่ายรำด้วยทะลุผ่านผนังหลุมอีกด้านหนึ่งไปด้วย ดูเหมือนจะงดงาม แต่ความจริงแล้วพวกนางล้วนไร้ใบหน้า

หากเปลี่ยนเป็นคนขี้ขลาด เกรงว่าตอนนี้คงจะต้องตกใจกลัวจนขาอ่อน คิดอยากจะไปจากที่นี่อย่างแน่นอน

ที่นี่มืดอับปิดทึบ กลิ่นเหม็นเน่าทรมาน ไม่ว่าจะเป็นผีประหลาดที่ปรากฏขึ้นหรือจะเป็นเสียงร้องงิ้วอยู่ตลอดนั่น ก็ล้วนทำให้วิญญาณสั่นสะท้านไปตามสัญชาตญาณ ขนลุกตั้งชัน

แต่สวี่ชิงยังรับได้ เขาเคยเห็นความโหดร้ายมากมายในโลกมนุษย์ ที่น่ากลัวกว่านี้ก็ใช่ว่าไม่มี

จวบจนวันที่สองจะผ่านไป สวี่ชิงที่ลงลึกลงไปได้ที่ความลึกมาก เศษชิ้นส่วนที่เก็บรวบรวมได้มีมากถึงสองร้อยกว่าชิ้น ความจริงนี่ก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

และในตอนที่เขาพิจารณาว่าจะลงลึกต่อไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นโลงที่แปลงมาจากเจ้าเงาข้างหลัง ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาทุกดวงลืมตื่นขึ้น มองไปทางผนังเยื้องๆ อีกฝั่งหนึ่ง

ขณะเดียวกันก็มีระลอกคลื่นพลังชัดเจนรุนแรงส่งมาหาสวี่ชิง

สวี่ชิงใจกระตุกวูบ ในยามที่เงยหน้ามองไป เหล็กแหลมสีดำก็พลันพุ่งออกมา ตรงดิ่งไปที่ผนังหลุม ระเบิดเป็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่งทันที เผยให้เห็นตะขาบหญิงสาวที่ลมหายใจรวยรินในนั้น

ร่างตะขาบของนางตอนนี้กลายเป็นกระดาษเงินกระดาษทองไปแล้วโดยสมบูรณ์ แห้งกรอบยับย่น เหมือนเครื่องในถูกกัดกินไปแล้ว เหลือเพียงกระดาษหุ้มชั้นหนึ่ง

ร่างคนตั้งแต่ดวงตาลงมาก็เช่นกัน นอนแผ่อยู่ตรงนั้น ดวงตาว่างเปล่า คล้ายว่ากำลังรอจะสลายไป

สวี่ชิงมองแวบหนึ่งก็ดึงสายตากลับมา กำลังจะจากไป แต่เจ้าเงาที่อยู่ข้างหลังก็ส่งระลอกคลื่นอารมณ์อ้อนวอนมา

“เจ้าอยากให้ข้าช่วยมันอย่างนั้นหรือ” สวี่ชิงประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสระลอกคลื่นประเภทนี้จากเจ้าเงา

“กลิ่นอาย…คุ้นเคย…อยาก…”

สวี่ชิงเงียบนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า

“ข้าทำได้แค่ลองเท่านั้น ล้มเหลวมันก็จะตายเหมือนเดิม”

โลงที่แปลงมาจากเจ้าเงาสั่นไหวทันที สวี่ชิงมองแวบหนึ่ง ชินชาแล้วกับเรื่องที่อีกฝ่ายถูกบรรจารย์สำนักวัชระสอนสั่งผิดๆ

ตอนนี้เขาเดินไปยังหลุมใหญ่ที่ตะขาบกระดาษอยู่

การมาเยือนของเขาทำให้หญิงสาวที่ตั้งแต่ดวงตาลงไปกลายเป็นกระดาษ ความว่างเปล่าในดวงตาของนางเกิดระลอกคลื่นรางๆ แต่กลับพูดไม่ออก

สวี่ชิงเดินเข้าไปใกล้ข้างหน้าอย่างสงบนิ่ง ก้มหน้ามอง วังสวรรค์วังที่สามในร่างของเขาพลันสั่นไหว พลังลูกกลอนพิษต้องห้ามแผ่ออกมาจากร่างของสวี่ชิง แผ่ลามไปที่ตะขาบหญิงสาวตนนั้น

โจมตีทันที

ดวงตาของหญิงสาวฉายความตื่นกลัวออกมาทันที แต่เสี้ยวขณะต่อมา กระดาษเงินกระดาษทองทั้งหมดบนร่างก็แปรเปลี่ยนเป็นหน้าผี จ้องสวี่ชิงเขม็ง ต่างอ้าปาก

แต่เสียงที่ดังออกมากลับไม่ใช่เสียงแปลกประหลาด กลับเป็นเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนา

พิษของสวี่ชิงลอยเอ่อไปบนกระดาษเงินกระดาษทองอย่างรวดเร็ว ทุกที่ที่ผ่านกระดาษเงินกระดาษทองพวกนั้นล้วนดำสนิท แล้วละลายไปทันที ขั้นตอนทั้งหมดดำเนินไปไม่นานนัก กระดาษเงินกระดาษทองทั้งหมดกลายเป็นของเหลวสีดำ ผสานไปในดิน

หลังจากไร้กระดาษเงินกระดาษทอง ร่างตะขาบที่โผล่ออกมาก็ถูกพิษของสวี่ชิงโจมตีเช่นกัน

ตั้งแต่ดวงตาลงมาของหญิงสาวล้วนเน่าเปื่อย ในตอนที่ดวงตายิ่งว่างเปล่า วังสวรรค์วังที่สามในร่างสวี่ชิงก็สั่นสะไหว

ทันใดนั้นพิษทั้งหมดที่แผ่ออกมา รวมถึงพิษที่อยู่ในร่างของหญิงสาวก็หอบม้วนกลับมา ไหลทะลักเข้าไปในวังสวรรค์ของสวี่ชิง

ทำทุกอย่างพวกนี้เสร็จ ร่างของตะขาบหญิงสาวตัวนั้นก็สะท้านเฮือก เงยหน้าอย่างอ่อนแรง หลังจากมองสวี่ชิงแวบหนึ่งก็หันหลัง ร่างเพียงไหววูบก็มุดดินจากไปไกลทันที

สวี่ชิงไม่สนใจ ยืนอยู่ที่ขอบหลุม หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อรับประกันว่าตัวเองติดหนึ่งในสิบแน่ๆ เขาคิดว่ารวบรวมเศษชิ้นส่วนให้มากอีกนิดเป็นการดี

ร่างจึงกระโดดลงลึกต่อไป เวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งวันเช่นนี้เอง เศษชิ้นส่วนที่สวี่ชิงรวบรวมได้ก็ได้ถึงสองร้อยสี่สิบสามชิ้นแล้ว

ตอนนี้กำหนดเวลาการทดสอบคุณสมบัติครั้งนี้เหลืออีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น สวี่ชิงไม่คิดที่จะลงไปต่อแล้ว เตรียมจากไป

แต่ในตอนที่เขาเก็บเศษชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายจากไป รูม่านตาของเขาก็พลันหดเล็ก

เขาเห็นคนเป็นๆ คนหนึ่ง

นี่เป็นคนเป็นคนแรกที่เขาได้เห็นที่นี่ นับจากเวลาหนึ่งวันครึ่งให้หลังมา และลงมาลึกเรื่อยๆ

เป็นผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีนั่นเอง!

คนคนนี้กำลังลงลึกไปข้างล่างอีก

พื้นที่บริเวณนั้นมีรูอยู่จำนวนหนึ่ง ผู้สืบมรรคาสำนักเซียนบารมีตอนนี้กำลังบินไปบินมาระหว่างถ้ำพวกนี้ไม่หยุด สู้กับผีแปลกประหลาดตนหนึ่ง

พวกเขารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างที่ร่างเฉียดเข้าใกล้ก็มีเสียงต่ำทุ้มดังดังก้อง แต่เนื่องจากความพิเศษของรอบๆ เสียงนี้ดังไปไม่ไกลนัก

ส่วนผีแปลกประหลาดที่สู้กับผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีตนนั้น ตัวมันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง รูปร่างหน้าตายิ่งโหดเหี้ยม

ตัวของมันเป็นมนุษย์ แต่กลับไม่มีผิวหนัง ทั่วร่างแตกระแหง เหมือนเป็นศพที่ถูกไฟเผาตายทั้งเป็น

แต่การเคลื่อนไหวของมันกลับคล่องแคล่วรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้สืบมรรคาเมื่ออยู่ภายใต้การลงมือของมัน ก็สลัดไม่สำเร็จหลายครั้ง

การลงมือทุกครั้งของศพไหม้เกรียมล้วนมีไฟสีดำเกิดขึ้น ในขณะที่เผาไหม้รอบๆ พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของมันก็เป็นผีแปลกประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดที่สวี่ชิงเจอตลอดทางมานี้

ถึงระดับหกวังสวรรค์

โดยเฉพาะไฟสีดำที่แผ่ออกมา สิ่งที่แผ่ออกมาไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นความเย็นเยียบ

นี่คือไฟโลกันต์ มีการเผาไหม้และภัยคุกคามต่อวิญญาณอย่างรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง

ทุกอย่างนี้ทำให้สีหน้าของผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีสีหน้าย่ำแย่ไปเล็กน้อย เขาถูกศพไหม้เกรียมนี่จ้องมานานแล้ว แม้ตัวเองลงมือสำแดงเคล็ดวิชาลับบดขยี้มันหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมาอีกฝ่ายก็ก่อตัวขึ้นใหม่ ไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่น้อย จัดการยากเป็นอย่างยิ่ง

ต่อให้เขาใช้ไพ่ตายขยี้วิญญาณบางอย่างก็ไร้ประโยชน์ ศพไหม้เกรียมตนนี้เหมือนเป็นอมตะ โดยเฉพาะในทุกช่วงระยะหนึ่งก็จะปะทุพลังแปลกประหลาดออกมา ยิ่งทำให้เขาตื่นตกใจนัก

‘สมควรตาย ขาดไปอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ข้าก็จะไปถึงที่นั่นได้ ศพห้าธาตุนี่หลุดพ้นมาได้อย่างไร หรือปรมาจารย์คำนวณพลาด ข้างล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงกัน’

ผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีสีหน้าเคร่งเครียด ความจริงเหตุที่เขาปฏิเสธสิทธิ์รับเข้าทันทีที่ปรมาจารย์ของตนมอบให้ ก็เพื่อใช้การเข้าร่วมการทดสอบคุณสมบัติเข้ามาในอุโมงค์ภูต

เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าการทดสอบคุณสมบัติครั้งนี้ สถานที่กำหนดที่อุโมงค์ภูต และปรมาจารย์ของเขาก็ได้เน้นย้ำว่า ในพื้นที่ชั้นบนของอุโมงค์ภูตมีของที่เขาต้องการ จะได้มาหรือไม่ล้วนอยู่ที่วาสนา

กระทั่งว่าตำแหน่งบางอย่างแห่งนี้ก็ล้วนบอกเขาอย่างชัดเจน ดังนั้นหลังจากที่เขาเข้ามาในที่แห่งนี้ ก็สำแดงความเร็วทั้งหมดพุ่งตรงมาที่นี่

แต่สุดท้ายกลับถูกศพไหม้เกรียมตนนี้ขัดขวาง ไม่สามารถลงลึกต่อไปได้ ศพไหม้เกรียมตนนี้ก็กัดเขาไม่ปล่อย เขาไม่อาจสลัดหลุดได้เลย ฝืนพุ่งออกไปก็มักจะกระตุ้นศพ ทำให้มันปะทุวิชาที่น่ากลัวออกมา

และเขาก็รู้ดีว่าศพน่ากลัวข้างหน้าตนนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมดาทั่วไป ที่มาที่ไปของมันก็รู้เช่นกัน

‘เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้…’ ผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีสีหน้าเคร่งเครียด ในตอนที่คิดวิเคราะห์ว่าจะสลัดมันให้หลุดอย่างไร ร่างก็พลันถอยไปข้างหลัง หลบศพไหม้เกรียมข้างหน้า เห็นศพไหม้เกรียมกระโจนมาอีกครั้ง

ประกายโหดเหี้ยมฉายวาบในดวงตา กำลังจะลงมือ แต่เสี้ยวขณะต่อมากก็เห็นสวี่ชิงที่เพิ่งมาถึง

ระหว่างทั้งสองคนตอนนี้ห่างกันสองร้อยกว่าจั้ง

แม้ในสายตาของกันและกันจะมืดมิด แต่ก็สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ ในเสี้ยวพริบตาที่ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน คิ้วของสวี่ชิงก็เลิกขึ้น มองไปยังหุบเขาลึกข้างล่าง จากนั้นร่างก็ถอยไปข้างหลัง

เขาคิดจะไปจากที่นี่ ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยว

“เป็นเจ้า!” แต่ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงถอยหลัง ผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีที่อยู่ห่างออกไปสองร้อยจั้ง สีหน้าก็ฉายประกายประหลาด

เขาไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ต่อให้ศพไหม้เกรียมข้างๆ กระโจนมาอย่างรวดเร็วก็ไม่ไปสนใจ มือทั้งสองประสานปางมืออย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นมิติรอบๆ ก็บิดเบี้ยว มีระลอกคลื่นมิติเกิดขึ้น จากนั้นมือขวาของเขาก็ยกขึ้นจบที่หน้าผาก ที่หน้าผากของเขาเกิดรอยแยกทางหนึ่งทันที มีหัวแพะภูเขาสีดำขนาดเท่ากำปั้นหัวหนึ่งยื่นหัวออกมาจากรอยแยกระหว่างคิ้ว ส่งเสียงร้องมาทางสวี่ชิงทางนั้น

แบ๊ะ!

หลังจากร้องออกมา สวี่ชิงขณะที่ถอยหลังจิตใจก็ไม่สงบขึ้นมาทันที รู้สึกเพียงว่ามิติรอบๆ ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ เหมือนมิติแตกร้าวเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน สองแผ่นในนั้นถูกถือเอาไว้แล้วสลับตำแหน่ง จากนั้นก็ประกอบใหม่อีกครั้ง

ฟ้าดินพลิกหมุนกลับตาลปัตร ตอนที่ทุกอย่างกระจ่างชัดอีกครั้ง สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด พบว่าตัวเองมาอยู่ตำแหน่งของผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีเมื่อครู่นี้

และอีกฝ่ายกลับปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งของเขาเมื่อก่อนหน้า พวกเขาสลับมิติกันในเสี้ยวพริบตานี้ ฝืนแลกตำแหน่งกัน!

และในขณะเดียวกัน ศพไหม้เกรียมตนนั้นก็ประชิดมาทันที กระโจนมาหาสวี่ชิง!

ผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมายืนอยู่ที่ตำแหน่งของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ หัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ใช้สวี่ชิงล่อศพไหม้เกรียม ความเร็วพลันปะทุขึ้น ตรงไปยังหลุมลึกข้างล่าง จากไปไกลทันที

สวี่ชิงมองผู้สืบมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีที่จากไปแวบหนึ่ง แววตาเย็นเยียบยิ่งนัก

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท