ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 368 หากชาตินี้ล่องลอยไร้เป้าหมาย ชีวิตบั้นปลายจะถูกฝังไป

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 368 หากชาตินี้ล่องลอยไร้เป้าหมาย ชีวิตบั้นปลายจะถูกฝังไป

วิชาของผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีลึกลับมาก วิชาสลับตำแหน่งเช่นนี้ สำหรับศัตรูที่เพิ่งได้เห็นครั้งแรกก็แทบจะป้องกันไม่ได้เลย

ส่วนที่อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ สวี่ชิงก็ได้ยินแล้ว จำไว้ในใจเรียบร้อย

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขบคิดเรื่องพวกนี้ ศพไหม้เกรียมกำลังโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงรู้ดีว่าศพไหม้เกรียมนี้พัวพันอยู่กับผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมี ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว

เขาจึงไม่ประมาทแม้แต่น้อย ถอยหลังฉับพลัน สองมือประกบปางก่อคลื่นยักษ์หลายระลอก พุ่งไปที่ศพไหม้เกรียมที่แผ่ความโหดเหี้ยมซึ่งกำลังพุ่งหวีดหวิวมาจากเบื้องหน้า ซัดออกไป

ขณะเดียวกันเจ้าเงาก็แปลงเป็นโลงศพ ตอนที่สวี่ชิงถอยร่นก็ผสานกับมัน

เสียงดังก้องไปทั่วทิศ คลื่นน้ำวิชาเวทพัดกวาดออกไปทีละระลอก ห่อหุ้มศพไหม้เกรียมไว้ด้านใน

และสวี่ชิงก็ผสานกับเจ้าเงาแล้ว ทั่วทั้งร่างเป็นสีดำ ดวงตาเผยประกายเฉียบคม ไม่พุ่งตัวออกไป แต่ดีดตัวถอยกลับอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาระเบิดความเร็วขึ้นในพริบตา ไปถึงจุดสูงสุดที่กายเนื้อห้าวังสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็วซัดหมัดไปเบื้องหน้า

แทบจะพริบตาที่ซัดหมัดไป คลื่นน้ำด้านหน้าก็ถล่มลงในพริบตาจากพลังที่ระเบิดออกมาจากภายใน

น้ำทะเลที่ก่อตัวจากวิชาเวทหอบม้วนกลับส่งเสียงครืนครันทั้งสี่ทิศ จากนั้นร่างเงาที่ไฟลุกท่วมร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา

ร่างเงานั้นรวดเร็วมาก สวี่ชิงมองเห็นไม่ชัดเลย สัมผัสได้เลือนๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังเหยียบอยู่บนคลื่นที่แตกขยายออกไป เพียงพริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าตนเอง

เป็นศพไหม้เกรียมที่ดวงตาเผยความโหดเหี้ยมออกมาร่างนั้นนั่นเอง

ขณะที่เสียงคำรามลั่นหูแทบดับ ศพไหม้เกรียมซัดหมัดออกมา กระแทกกับหมัดขวาของสวี่ชิง

สวี่ชิงร่างสั่นเทิ้ม รู้สึกถึงแค่พลังน่าตกตะลึงวูบหนึ่งระเบิดออกมาจากหมัดของอีกฝ่าย ก่อแรงปะทะเป็นระลอกๆ โถมใส่ทั้งร่าง ต่อให้เป็นพลังกายเนื้อของเขาในปัจจุบันก็ยังยากจะต้านทาน

ขณะที่ร่างกายส่งเสียงครืนครัน เขาก็ถอยร่นไปอีกครั้งจนถึงหลุมลึกตามผนังหลุม กลายเป็นหลุมลึกขึ้นมาโพรงหนึ่ง

‘หลังต่อสู้หกวังสวรรค์จริงๆ ด้วย!

‘แต่มันไม่ไล่ตามจางซืออวิ้น บ่งบอกได้ว่ามันไม่มีสติปัญญา มีเพียงสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าเท่านั้น แต่ว่ามีแค่สัญชาตญาณ ก็ยังดี!

‘จ้องแต่ข้า หลังจากข้าออกหมัดทั้งๆ ที่เร็วกว่าตัวข้า แต่ก็ยังซัดหมัดใส่หมัดข้าอีก นี่ยิ่งพิสูจน์ว่าศพไหม้เกรียมนี้คิดง่ายมาก’

สวี่ชิงหายใจหอบถี่เล็กน้อย วิเคราะห์ในใจอย่างรวดเร็ว

เขาสัมผัสถึงความน่ากลัวของศพไหม้เกรียมร่างนี้ได้ วิชาเวทของอีกฝ่ายยังพอไหว แต่ที่น่าตกตะลึงคือกายเนื้อ

พลังกายเนื้อนี้ไปถึงระดับหกวังสวรรค์แล้ว ต่อให้สวี่ชิงกับเจ้าเงาร่วมมือกัน มีพลังกายเนื้อห้าวังสวรรค์ระดับสูงสุด ก็ยังไม่มีพลังจะโต้กลับ

เขามองไม่เห็นความเร็วของอีกฝ่าย พลังก็ไม่มากเท่าอีกฝ่าย

แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่จำกัดความเร็วของอีกฝ่ายได้ หลุมลึกนี้มีไม่กว้างมาก ขอแค่ควบคุมให้โจมตีด้านหน้าทั้งหมด เช่นนั้นต่อให้อีกฝ่ายจะเร็วเพียงใด สวี่ชิงก็มีวิธีรับมือ

เขาจึงไม่ลองหลบเลี่ยง เช่นนั้นจะทำให้เขารับมือศัตรูจากรอบด้าน

เขาเลือกถอยอย่างรวดเร็ว ให้ตนเองผลุบเข้าไปในผนังหลุม ด้านหลังมีผนังหลุม ซ้ายขวาบนล่างก็เป็นผนังหลุม มีเพียงด้านหน้าที่ว่างอยู่

ขณะเดียวกัน ลูกกลอนพิษที่วังสวรรค์วังที่สามในร่างกายเขาสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็ว พิษมหาศาลระเบิดออกมาจากด้านใน แผ่จากร่างของสวี่ชิง รวมเอาไว้ด้านหน้าตนเอง

พริบตาที่สวี่ชิงผลุบเข้ามาในผนังหลุม ศพไหม้เกรียมร่างนั้นก็คำรามอีกครั้ง เปลวเพลิงสีแดงแผ่ออกมาจากทั้งร่าง กลายเป็นปากขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากเปลวเพลิง กลืนกินไปทางสวี่ชิงฉับพลัน

สวี่ชิงไม่หลบ หลังชิดผนังหลุม ขดตัวเป็นก้อนเหมือนตัวเม่น สกัดกั้นสุดกำลัง

จากการที่เปลวเพลิงแผ่ซ่าน กลิ่นอายของศพไหม้เกรียมระเบิดเพิ่มขึ้น พุ่งไปเบื้องหน้าจนกลายเป็นเงาคงค้าง พริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าผนังหลุม ซัดหมัดใส่สวี่ชิงอีกครั้ง

ขณะที่เสียงครืนครัน สวี่ชิงหน้าขาวซีด ผนังหลุมด้านหลังถล่ม พลังมหาศาลนี้ผลักร่างเข้าไป และศพไหม้เกรียมนั้นก็กระดอนไปเช่นกัน ดวงตานอกจากความบ้าคลั่งแล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาครั้งแรกคือความหวาดกลัว

แขนขวาของมัน เวลานี้กำลังเน่าเปื่อย!

ยิ่งมีอัสนีสีแดงสายหนึ่งพุ่งเข้าหาในพริบตาที่มันถอยหลัง แทงทะลุร่างกายของมัน ทำให้ศพไหม้เกรียมคำรามออกมา มีอัสนีสีแดงแล่นวาบในร่างกาย ทุกจุดที่แล่นผ่านก็กลายเป็นผลึกวารี แผ่ปราณเย็นเยียบขีดสุดออกมา

หลังจากที่สายฟ้าสีแดงโจมตีเสร็จ ก็เหาะกลับมาจุดที่ผนังหลุมถล่ม เผยให้เห็นเหล็กแหลมที่อยู่ด้านใน ลอยอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง

สวี่ชิงตอนนี้กระอักเลือดสดออกมา สีดำทั่วร่างกำลังไปรวมกันที่หน้าผาก กลายเป็นดวงตาของเจ้าเงา

ดวงตาของเจ้าเงา จ้องไปที่ศพไหม้เกรียมเขม็ง

และด้านล่างของเนตรเงาคือใบหน้าเรียบสงบของสวี่ชิง สองตาเขามีประกายเย็นเยียบ จ้องที่ศพไหม้เกรียมนั่นเขม็ง เจตจำนงต่อสู้รุนแรง

เขารู้ว่ากายเนื้อตนเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ วิชาเวทก็สู้ไม่ได้ ความเร็วก็สู้ไม่ได้ แต่เขาใช้ผนังหลุมจำกัดการต่อสู้ไว้แค่ด้านหน้าของเขาทางเดียวก่อน

ทำให้อีกฝ่ายลงมือได้แค่ทางนี้

แน่นอนว่าเป็นเพราะสวี่ชิงประเมินว่าศพไหม้เกรียมนี้ไม่มีสติปัญญาเหมือนกับผู้บำเพ็ญ ถึงคิดรูปแบบการต่อสู้ออกมา

นอกจากนี้ลูกกลอนพิษต้องห้ามของเขาก็เหนือกว่าท่าไม้ตายกายเนื้อ เมื่อรวมไว้ด้านหน้า อีกฝ่ายแค่ลงมือก็จะติดพิษ และสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำคืออดทน รอจนอีกฝ่ายพิษกำเริบ

ในหลุมลึกก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ศพไหม้เกรียมนั้นจ้องสวี่ชิงเขม็ง สีหน้าทั้งฉุนเฉียวทั้งหวาดกลัว การเน่าสลายที่มือขวากำลังลุกลาม

สุดท้ายมันก็คำรามออกมา ความฉุนเฉียวสะกดความหวาดกลัว ร่างวูบไหว พลังต่อสู้หกวังสวรรค์ปะทุขึ้นอีกครั้ง ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ ขณะที่พุ่งโถมกลืนไปทางสวี่ชิง ตัวมันก็พุ่งตรงไปที่ผนังหลุมอีกครั้ง

ชั่วพริบตาที่เสียงครืนครันก้องสะท้อนเสียงดังออกมา มีเสียงคำรามผสานอยู่ด้วย

ครู่ต่อมา ร่างศพไหม้เกรียมก็ถอยฉับพลันด้วยความเร็วน่าตกตะลึง ลอยค้างอยู่กลางอากาศ

แขนขวาของมันเวลานี้สหายหายไปหมดแล้ว กระทั่งร่างกายก็ถูกพิษต้องห้ามลุกลาม เน่าเปื่อยไปมาก แม้สีหน้าจะบ้าคลั่ง แต่ความหวาดกลัวก็ชัดเจนมากเช่นกัน ยังมีพรั่นพรึงตกใจอยู่รางๆ ด้วย

ส่วนผนังหลุมด้านหน้ามัน สวี่ชิงเลือดออกทวารทั้งเจ็ด กระอักเลือดสด ผลึกวารีสีม่วงในร่างกายโคจรรักษาเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขายืนหยัดได้นานขึ้น

และเบื้องหน้าเขาเต็มไปด้วยพิษเข้มข้น ขณะที่กัดกร่อนไปรอบด้านก็ปล่อยไอพลังประหลาดออกมาด้วย

สวี่ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เวลานี้เขาจ้องที่ศพไหม้เกรียม จิตสังหารในดวงตาแรงกล้า

แต่เขายังไม่ขยับ ยกมือขวาขึ้นกระดิกนิ้วเรียกศพไหม้เกรียมในผนังหลุม

“เข้ามา ต่อสิ”

ความดุร้ายของศพไหม้เกรียมปะทุขึ้นฉับพลัน ส่งเสียงคำรามเป็นระยะ แต่ความลังเลกับความหวาดกลัวในสีหน้ายังคงแรงกล้า

เมื่อสวี่ชิงเห็นเช่นนี้ ก็กดสองมือไว้ที่ผนังหลุมข้างกาย ตอนที่ยืนขึ้นพลังของพิษต้องห้ามแผ่ออกด้านนอกฉับพลัน ตั้งท่าจะโจมตี

เขาไม่รู้ว่าจางซืออวิ้นที่พลังต่อสู้หกวังสวรรค์ ไยถึงพัวพันกับศพไหม้เกรียมนานถึงเพียงนี้ แต่เขาเข้าใจสัตว์ป่า รู้ว่าในตอนนี้สัตว์ป่าถูกทำให้ตกใจจนหนีไปได้ง่ายมาก

โดยเฉพาะพวกสัตว์ป่าที่เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณ ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้

ดังนั้น แทนที่จะพัวพันต่อ สู้ให้อีกฝ่ายหนีไปเองดีกว่า

และก็เป็นเช่นนี้ แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงตั้งท่าจะโจมตี ฉับพลันที่พลังพิษต้องห้ามแผ่ซ่าน ความหวาดกลัวในดวงตาศพไหม้เกรียมก็รุนแรงขึ้น ถอยหนีตามสัญชาตญาณ

สุดท้ายก็ส่งเสียงคำรามออกมาสองสามครั้ง พุ่งทะยานขึ้นไปด้านบน เลือกหลบหนีไป

สวี่ชิงกระอักเลือดสดออกมาอีกคำ เงยหน้ามองด้านบนผาดหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าจ้องหลุมลึกเบื้องล่างอย่างเย็นชา ดวงตาเย็นชาเข้มข้นขึ้นหลายเท่า

เขารู้ว่าผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยวิเคราะห์ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับพระจันทร์สีชาดด้วย รู้ว่าอันตราย

แต่ถ้าจากไปเช่นนี้ สวี่ชิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

‘ที่นี่คือเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ เป็นโถงครองกระบี่ หากอีกฝ่ายมีสิ่งประหลาดระเบิดออกมาที่นี่ ย่อมมีคนมาจัดการ แม้จะอันตราย แต่…หากแค่จะไปหาโอกาสยังไม่กล้า ข้าก็กลับทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเลยดีกว่า!’

ตอนนี้ใกล้หมดเวลาการทดสอบแล้ว ดวงตาสวี่ชิงเผยแววเด็ดขาดออกมา ร่างกายไหววูบดิ่งลงหลุมลึกเบื้องล่าง ใช้ความเร็วสูงสุดทะยานออกไป

ระหว่างทางเขายังแผ่พิษต้องห้ามของตนเองให้กระจายไปทั่วทิศอีกด้วย เพื่อขับไล่ศพไหม้เกรียมที่อาจจะตามมาด้านหลัง

ระหว่างเข้าสู่ส่วนลึกต่อเนื่องเช่นนี้ เขาก็พบกับกระดาษเงินกระดาษทองกระดาษทองอีกครั้ง!

กระดาษเงินกระดาษทองลอยแต่ละแผ่นออกมาจากด้านล่างหลุมลึก วนเวียนไปรอบๆ

สวี่ชิงจ้องเพ่ง แนบกับผนังหลุม ไต่ลงไปอย่างระมัดระวัง

เวลาผ่านไป ไม่นานก็ห่างจากช่วงสิ้นสุดเวลาทดสอบอีกครึ่งชั่วยาม ศิษย์ส่วนใหญ่ในตอนนี้ล้วนเลือกบีบแผ่นหยกออกไปกันหมดแล้ว

ในหลุมลึกจึงเหลือผู้บำเพ็ญไม่มาก และในระดับลึกนี้ก็ยิ่งน้อยไปอีก มีแค่สวี่ชิงกับผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีเพียงสองคน

และกระดาษเงินกระดาษทองเหล่านี้ก็ยิ่งมากขึ้นจากการลงไปส่วนลึก กลิ่นเหม็นเน่าเข้มข้นขึ้น ความมืดมนเยือกเย็นกับไอพลังประหลาดก็หนาวเย็นขึ้น เสียงร้องงิ้วก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วก้านธูป สวี่ชิงที่ลงลึกอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ก็ชะงัก

เขาชิดผนังหลุมไม่ขยับเขยื้อน อำพรางร่างกาย มองไปที่เบื้องล่างหลายร้อยจั้ง

เขาเห็นสิ่งปลูกสร้างประหลาดแห่งหนึ่ง

มันคือบ้านไม้

บ้านไม้ที่เต็มไปด้วยความผุพัง เหมือนกับผ่านกาลเวลามายาวนานและกำลังผุกร่อนหลังหนึ่ง

รูปร่างของบ้านไม้ เป็นรูปห้าเหลี่ยม

แต่ละมุมมีโซ่เหล็กสีเทาเชื่อมกับผนังหลุมที่ห่างออกไปไว้

ด้วยเชื่อมโซ่เหล็กทั้งห้าเส้นเอาไว้ บ้านไม้จึงลอยอยู่กลางอากาศ

ในบ้านไม้ตะเกียงน้ำมันสาดแสงสีแดงเลาๆ ออกมาจากทางหน้าต่าง

และจากหน้าต่างบ้านไม้รวมถึงร่องแตกผุพัง ก็มองเห็นเงาของผู้หญิงในชุดสีแดงคนหนึ่งในบ้าน

นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ยื่นมือสีขาวนวลราวหยกโปรยกระดาษเงินกระดาษทองไปด้านนอก ถูกกลิ่นอายเยือกเย็นมืดมนพัดม้วนจนกระดาษเงินกระดาษทองลอยขึ้นไป

สวี่ชิงเห็นกระดาษเงินกระดาษทองเหล่านั้น เห็นมือข้างนั้น และเห็นตะเกียงน้ำมันที่เปล่งแสงแดงออกมาจากทางหน้าต่าง

พริบตาที่มองเห็นกระดาษเงินกระดาษทอง เขาก็รู้ที่มาของกระดาษเงินกระดาษทองที่เห็นมาตลอดทางแล้ว และพริบตาที่เห็นมือข้างนั้น จิตใจเขาก็โหมความสะพรึงกลัวขึ้นมาอย่างแรงกล้าตามสัญชาตญาณ

และพริบตาที่เห็นตะเกียงน้ำมัน ทั้งหมดทั้งมวลก็กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนรุนแรงในจิตใจ

เพราะตะเกียงน้ำมันใบนั้น…คือตะเกียงแห่งชีวิต!

และเสียงร้องงิ้ว ก็กำลังลอยแว่วออกมาจากในบ้านไม้ สะท้อนก้องในหลุมลึกที่มืดมิดนี้

“หากชาตินี้ล่องลอยไร้เป้าหมาย ชีวิตบั้นปลายจะถูกฝังไป ผู้ใดจะรอคอยอยู่ในสังสารวัฏ…”

น้ำเสียงเสนาะหู มาพร้อมกับความนุ่มนวลละเอียดอ่อน มาพร้อมกับความเย็นเยียบ

ไม่รู้ว่าร้องให้ผู้ใดฟัง

อาจเป็นสวี่ชิง อาจเป็นผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีที่อยู่ด้านใน หรืออาจเป็นตัวตนที่ไม่รู้จักที่อยู่ลึกยิ่งกว่าในหลุมลึก

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท