บทที่ 1371 ร้องขอรางวัล
บทที่ 1371 ร้องขอรางวัล
เมื่อรู้ว่าพันธมิตรดาราได้พัฒนามาถึงขนาดนี้แล้ว เฉินซีค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย
เขาตระหนักดีว่า ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มและท่าทางการอธิบายอย่างภาคภูมิของอาซิ่ว นางต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อทำทั้งหมดนี้ให้สำเร็จ
“อย่าได้ขอบคุณข้า หากเจ้าปราศจากชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ พันธมิตรดาราก็คงไม่สามารถพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ชื่นชมต่อชื่อเสียงของเจ้า” เฉินซีกำลังจะขอบคุณนาง แต่อาซิ่วก็ชิงกล่าวตัดบท
“แต่ถึงอย่างไร มันจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” เฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและจริงใจ
หัวใจของอาซิ่วสั่นไหว เกิดระลอกคลื่นในใจอย่างฉับพลัน นางจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้านั้นมีประโยชน์อย่างมาก ฉะนั้นอย่าได้ร้องไห้เสียใจทีหลังล่ะ”
เฉินซีหัวเราะเบา ๆ
เหลียงเริ่นและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะชอบใจ
…
ในยามค่ำคืน อาซิ่วและคนอื่น ๆ กล่าวลา และทยอยจากไป
พวกหลิงไป๋เองก็กินอิ่ม และผล็อยหลับไปนานแล้ว
ในทางกลับกัน เฉินซีเข้าสู่โลกแห่งดาราโดยตรง และเริ่มทำสมาธิเพื่อบ่มเพาะ
การเดินทางไปยังซากโบราณสถานแรกกำเนิดในครั้งนี้ ทำให้เขาได้พบกับเรื่องบังเอิญมากมาย แม้แต่การบ่มเพาะก็ทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ในรวดเดียว และก้าวเข้าสู่ตำแหน่งของผู้ที่แสวงหาหนทางที่จะกลายเป็นเทพ
ทว่าเขายังไม่ใช่เซียนปราชญ์ที่แท้จริง เนื่องจากยังไม่ได้หลอมรวมกฎเซียนทองคำทั้งหมดที่ครอบครองอยู่ และสร้างกฎปราชญ์เต๋าที่เป็นของตนเองอย่างสมบูรณ์
พลังฝีมือของเซียนปราชญ์ส่วนใหญ่จะสะท้อนให้เห็นถึงกฎปราชญ์เต๋า
ตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่เขาเอาชนะพี่น้องอวี่เหวินในเมืองสารท ถ้าเฉินซีไม่มีการบ่มเพาะที่ลึกล้ำ คงไม่มีทางที่จะเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ในทางกลับกัน หากเขาเข้าใจกฎปราชญ์เต๋าของตนในเวลานั้น ก็คงชนะได้ง่ายขึ้น
กฎปราชญ์เต๋า!
มันคือมหาเต๋าที่เป็นของขอบเขตเซียนปราชญ์ และครอบครองพลัง ‘ศักดิ์สิทธิ์’ มันสามารถเคลื่อนภูเขา เติมทะเล ท่องผ่านห้วงมิติไปทั่วหล้า เผยแพร่เต๋าไปทั่วโลก และครอบครองพลังอันไร้ขอบเขต
กฎเหล่านี้ครอบครอง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ อยู่แล้ว ทั้งยังแตกต่างราวฟ้ากับดิน กฎทั่วไป รวมถึงตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ ไม่สามารถเทียบมันได้เลย
หากใครต้องการสร้างกฎปราชญ์เต๋าที่เป็นของตนเอง ก็จะต้องหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่ครอบครองอยู่จนสมบูรณ์ กระบวนการนี้ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยอันตรายอันไร้ขอบเขต
ตอนนี้ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ทุกอันเกือบจะสมบูรณ์ และหากต้องการหลอมรวมพวกมันทั้งหมดให้เป็นมหาเต๋าที่มีกลิ่นอาย ‘ศักดิ์สิทธิ์’ อันน่าเกรงขาม ความยากลำบากในการบรรลุเป้าหมายนี้ก็เด่นชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เฉินซีไม่เหมือนเซียนปราชญ์ทั่วไป เพราะเขาครอบครองตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์มากเกินไป และส่วนใหญ่เป็นกฎแห่งเซียนทองคำที่หายากมาก เช่น ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดารา ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการเกิดดับ ตราศักดิ์สิทธิ์ไท่จี๋ และอื่น ๆ ดังนั้นด้วยเหตุนี้ การสร้างกฎปราชญ์เต๋าของตนเองจึงยากกว่าเซียนปราชญ์คนอื่น ๆ มาก
แต่ไม่เป็นไร เฉินซีไม่ได้รีบร้อน
เมื่อเปรียบเทียบกับเซียนปราชญ์คนอื่น ๆ เขาได้เข้าใจตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ต่าง ๆ ที่ครอบครองจนบรรลุความสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่เซียนปราชญ์ส่วนใหญ่ยังไม่บรรลุความสมบูรณ์ในกฎเซียนทองคำที่พวกเขาเข้าใจ
ดังนั้นสำหรับเซียนปราชญ์เหล่านั้น สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำคือ อย่าเพิ่ง ‘หลอมรวมเต๋า’ และต้องทำความเข้าใจต่อกฎแห่งเซียนทองคำจนกว่าจะบรรลุความสมบูรณ์เสียก่อน
ตัวอย่างเช่น พี่น้องอวี่เหวินในวันนั้นก็อยู่ในขั้นนี้
ทว่าสำหรับเฉินซีมีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำ นั่นคือการหลอมรวมกฎเซียนทองคำต่าง ๆ ที่เขาเข้าใจ และหลอมรวมเป็นเต๋าแห่งยันต์อักขระ เพื่อสร้างเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระของตนเอง!
…
เบญจธาตุ พายุ ไท่จี๋ ซากดารา การเกิดดับ นิจกาล… ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ของข้ามีกฎแห่งมหาเต๋าอย่างน้อยสองข้อ และรวมถึงกฎแห่งมหาเต๋าสูงสุดห้าข้อ เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะหลอมรวมพวกมันเข้ากับเต๋าแห่งยันต์อักขระโดยสมบูรณ์
เฉินซีนั่งขัดสมาธิขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและถอนหายใจเบา ๆ
พูดนั้นง่าย แต่ลงมือทำกลับยาก
การรู้เป็นสิ่งหนึ่ง แต่เมื่อเริ่มลงมือจริง ๆ เมื่อนั้นเขาก็ตระหนักว่าทั้งหมดนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
สรรพสิ่งในโลก การหมุนเวียนของจักรวาล ทุกสิ่งมีธาตุทั้งห้าเป็นรากฐาน เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ข้าจะเริ่มต้นด้วยตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ และหลอมรวมกับเต๋ายันต์อักขระก่อน
เมื่อลมและสายฟ้าเคลื่อนตัว สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายในโลกก็ถือกำเนิดขึ้น บางทีข้าควรใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุเป็นตัวเสริมเพื่อหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ดังที่กล่าวไว้ว่าเต๋าให้กำเนิดทุกสิ่ง และความลึกซึ้งของการหลอมรวมเต๋าอยู่ในความหมายเบื้องหลัง ‘การเกิด’ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุอาจสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้…
ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล ประกอบด้วยกฎแห่งมหาเต๋าแห่งการกลืนกิน มหาเต๋าแห่งนิรันดร์ และมหาเต๋าแห่งการรังสรรค์ที่หายาก จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวม ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่ข้าจะหลอมรวมมันเข้ากับเต๋าแห่งยันต์อักขระเป็นสิ่งสุดท้าย
ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่จี๋สามารถหลอมรวมกับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดารา ขณะที่ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนโคจร พวกมันกักเก็บความล้ำลึกของจักรวาลเอาไว้ เมื่อการทำลายล้างมาถึง จักรวาลก็กลับไปสู่ความว่างเปล่า วัฏจักรแห่งชีวิตและความตาย การเคลื่อนไหวและความนิ่งสงบนี้ เกิดขึ้นเพื่อเสริมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่จี๋
สำหรับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการเกิดดับนั้น ประกอบด้วยมหาเต๋าของยมโลกสองชนิด ได้แก่มหาเต๋าแห่งปารมิตา และมหาเต๋าแห่งการลืมเลือน โดยที่มหาเต๋าแห่งปารมิตาเป็นตัวเร่ง ขณะที่มหาเต๋าแห่งการลืมเลือนเป็นรากฐาน มันอาจเป็นเรื่องยากเล็กน้อยที่จะหลอมรวมกับตราศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ…
เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ จิตใจสงบอย่างสมบูรณ์ ทะเลแห่งจิตสำนึกนิ่งสงบ ในขณะที่เริ่มสรุปวิธีการ ‘หลอมเต๋า’ อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ชายหนุ่มได้บรรลุความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมหาเต๋าของจักรวาล ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาวิธีหลอมรวมเต๋า
ปัญหาเดียวคือกระบวนการนี้ยากเกินไป ทั้งยังเป็นปริศนาว่าเขาต้องใช้เวลาและความอุตสาหะมากเพียงใดในการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์
เป็นเวลาสองสามวันแล้วที่เฉินซีทำความเข้าใจและสรุปวิธีการหลอมรวมเต๋าอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มค่อย ๆ ค้นพบวิธีและเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง
ตัวอย่างเช่น เมื่อหลอมรวมเต๋า เขาจะค่อย ๆ ก้าวหน้าไปตามลำดับ และไม่จำเป็นต้องหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ในเวลาเดียวกัน
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันต่อต้านกัน เขาสามารถใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งห้วงมิติเพื่อควบคุมพลังงานของตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์อื่น ๆ ได้
ในวันนี้ เฉินซีซึ่งอยู่ในการทำสมาธิได้ค้นพบทุกแง่มุมของ ‘การหลอมรวมเต๋า’ ในที่สุด แต่แทนที่จะมีความสุข เขากลับขมวดคิ้วแทน
เพราะเฉินซีตระหนักได้ว่า หากเขา ‘หลอมรวมเต๋า’ ตามผลของการอนุมานและด้วยความเข้าใจของตน เพียงแค่หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุอาจต้องใช้เวลาสามถึงห้าปี
นี่เป็นเพียงตราศักดิ์สิทธิ์ที่ง่ายที่สุด และการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์ที่หายากจะใช้เวลามากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า
แต่สำหรับเฉินซี เวลาเป็นสิ่งมีค่าที่สุด และเขาไม่เต็มใจที่จะทุ่มเทพลังทั้งหมดในการ ‘หลอมรวมเต๋า’
แล้วไปเถอะ ข้าจะค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้น อย่างไรก็ตาม ข้าก็ออกจากสำนักไม่ได้อยู่แล้ว
เฉินซีตัดสินใจ เดิมทีเขาตั้งใจจะหาเวลากลับไปที่ราชวงศ์ต้าฉู่ในภพมนุษย์ เพราะเขาต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับเฉินฮ่าวผู้เป็นน้องชาย และคนอื่น ๆ ก่อนที่กลียุคของทั้งสามภพจะปะทุขึ้น แต่สถานการณ์ในขณะนี้ทำให้ชายหนุ่มต้องชะลอแผนนี้ไปก่อน
…
ในวันนี้ ชิงเยี่ยศิษย์เอกของฉือฉางเซิงได้ไปเยี่ยมเฉินซีที่ห้องกระบี่
“ศิษย์พี่เฉินซี อาจารย์ของข้าต้องการพบท่าน” เมื่อเฉินซีเห็นอีกฝ่าย พวกเขาก็สนทนากันสั้น ๆ ก่อนที่ชิงเยี่ยจะกล่าวถึงจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้
“อาจารย์ใหญ่ฉือฉางเซิง?” เฉินซีตกตะลึงและไม่เต็มใจที่จะพบกับเฒ่าปีศาจฉือซึ่งมีนิสัยดุร้ายและไร้เหตุผล มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ความประทับใจแรกที่ได้พบกันไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
“ใช่แล้ว” ชิงเยี่ยยิ้มอย่างประหม่า
“ทำไมหรือ?” เฉินซีอดถามไม่ได้
“เอ่อ… ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชิงเยี่ยยิ้มอย่างเขินอาย
ได้ยินดังนั้น เฉินซีก็ตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้
…
เบื้องหน้าเป็นกระท่อมที่ค่อนข้างเก่า เมื่อเฉินซีและชิงเยี่ยมาถึง ฉือฉางเซิงกำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกพลางจิบสุราไปด้วย ดูเหมือนกำลังพักผ่อนไร้เรื่องทุกข์ใจ
เฉินซีไม่คิดเลยว่าที่พำนักของอาจารย์ใหญ่ฝ่ายในจะเรียบง่ายขนาดนี้
“ไอ้หนู ที่ข้าเรียกเจ้ามาครั้งนี้ก็มีแค่เรื่องเดียว เจ้ายังจำแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าได้หรือไม่?” ฉือฉางเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านเมื่อสังเกตเห็นการมาถึงของเฉินซี
แดนโบราณจักรพรรดิเต๋า!
ทันใดนั้น จิตใจของเฉินซีก็กระชุ่มกระชวย เพราะมรดกของจักรพรรดิเต๋าถูกเก็บรักษาอยู่ภายในนั้น และตราบใดที่เขาได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิเต๋า เขาก็จะสามารถพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากได้!
“ผู้อาวุโส แดนโบราณจักรพรรดิเต๋ากำลังจะเปิดแล้วหรือ?”
เฉินซียังคงจำได้ว่าหลังจากการทดสอบของฝ่ายในสิ้นสุดลงในวันนั้น รางวัลที่สำนักมอบให้นั้นมีมากมาย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ศิษย์ห้าอันดับแรกได้เข้าสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าเพื่อบ่มเพาะตนเอง
เขาได้รับอันดับที่หนึ่งในระหว่างการทดสอบ ดังนั้นชายหนุ่มจึงมีคุณสมบัติในการเข้าสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋า
“ใช่แล้ว เหลือเวลาอีกเกือบสามเดือนในการเตรียมการ ในเวลานั้น ศิษย์สิบคนจากสำนักจะเข้าไปที่นั่น และเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น” ฉือฉางเซิงกล่าวอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะโยนแผ่นหยกไปให้ “ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าถูกบันทึกไว้ภายในนั้น”
เฉินซียื่นมือออกไปรับมัน และกวาดตามองผ่านมันในทันที
แดนโบราณจักรพรรดิเต๋า สถานที่ที่หนึ่งในห้าจักรพรรดิบรรพกาลและผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอาศัยและบ่มเพาะ!
สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในดวงตาคือประโยคดังกล่าว หลังจากนั้น เป็นบันทึกข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า
ขณะที่กำลังจมอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ เขาก็ถูกฉือฉางเซิงดึงสติกลับมา “เจ้ามีเวลามากพอที่จะอ่านมันหลังจากนี้ ข้ายังมีอีกเรื่องที่จะถามเจ้า”
เฉินซีรีบเก็บแผ่นหยกกลับไป “ศิษย์ขอทราบได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสตั้งใจจะถามเรื่องอะไร”
ทันใดนั้นฉือฉางเซิงก็ลุกขึ้นนั่ง กลิ่นอายเกียจคร้านสลายไปจนสิ้น สายตาของเขาทอประกายวาวโรจน์ดุจสายฟ้า “เจ้าเพิ่งกลับมาจากภูมิภาคบรรลุเทพไม่ใช่หรือ? บอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น อืม ทางที่ดีเจ้าควรบอกข้าทุกอย่างเกี่ยวกับข้อมูลที่เจ้ามีเกี่ยวกับการเป็นเทพ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเทพ!
หรือว่าตาเฒ่าคนนี้ก็เป็นราชันเซียนเช่นกัน? ทั้งยังกำลังเสาะหาวิธีที่จะบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ?
เฉินซีเข้าใจทุกสิ่งที่ฉือฉางเซิงต้องการจะสื่อในทันที “ข้ารู้บางอย่างจริง ๆ แต่…”
“แต่อะไร?” ฉือฉางเซิงกล่าวอย่างเร่งรีบ “อมพะนำอยู่ได้ พูดมาเถอะ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด ๆ”
เฉินซีจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากรู้ว่าผู้อาวุโสจะให้รางวัลอะไร?”
เขาเน้นย้ำคำว่า ‘รางวัล’ ขณะที่กล่าว
ฉือฉางเซิงผงะทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ข้าแค่พูดเล่น ๆ แต่เจ้าสารเลวน้อยตัวนี้กล้าขอรางวัลจากข้าจริง ๆ …