ตอนที่ 560 เครื่องจักรที่ขึ้นสนิม / ตอนที่ 561 พรสวรรค์ฝึกยุทธ์
ตอนที่ 560 เครื่องจักรที่ขึ้นสนิม
พวกมู่เถาเยากลับถึงหมู่บ้านเลี้ยงม้า จิบชายามบ่ายที่โรงแรมก่อนแล้วถึงไปบ้านกู่ที่พร้อมกัน
ครอบครัวกู่ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นสาลี่ต้นใหญ่
ยังมีพวกคนแก่ในหมู่บ้านด้วย รวมถึงกู่อ้าวที่เมื่อเช้ามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเจอ เขามากับหลี่เจ่าภรรยาและลูกสาวกู่เล่อ
กู่ที่น้อยจับมือน้องกู่เล่อไปแนะนำให้พวกมู่เถาเยารู้จัก
เด็กน้อยกลัวคนแปลกหน้านิดหน่อย หลบอยู่หลังพี่ชายมองมู่เถาเยา
มู่เถาเยามองเด็กน้อยที่ดูขี้ขลาดแล้วพูดกับหลี่เจ่าแม่ของเด็กว่า “เด็กคนนี้ดูอ่อนแอไปหน่อยนะคะ”
เด็กสมัยนี้ปกติจะอวบอ้วน ไม่ค่อยเห็นเด็กที่ผอมแบบนี้แล้ว ยกเว้นเจ็บป่วย
“เด็กคลอดก่อนกำหนดค่ะ อ่อนแอมาตั้งแต่เกิด ตอนนี้อายุสามขวบแต่ดูเหมือนเด็กสองขวบ” คนเป็นแม่ก็สงสาร
และก็เพราะแบบนี้เธอจึงไปทำงานไม่ได้ จำต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก
“ถือสาไหมคะถ้าขอฉันจะขอตรวจดู”
“ไม่ถือสาค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอเทวดา”
พวกเขาสามีภรรยาได้ยินมาจากครอบครัวกู่ที่แล้วว่าสาวน้อยคนนี้เป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน
โอกาสที่หาได้ยากแบบนี้ พวกเขาจะปฏิเสธได้ยังไง
มู่เถาเยาหันไปมองกู่เล่อ
เด็กน้อยกู่เล่อเขินอาย เอาศีรษะซุกด้านหลังกู่ที่ แต่ก็แค่ไม่กี่วินาที จากนั้นเธอก็โผล่ศีรษะมาจากอีกด้านของกู่ที่
มู่เถาเยาก็เอียงศีรษะมองเธอจากอีกด้าน
เธอถนัดเล่นกับเด็กมาก
กู่เล่อน้อยก็คิดว่ามู่เถาเยาเล่นด้วย จึงหดศีรษะกลับแล้วเปลี่ยนไปโผล่อีกด้าน ไม่นานตัวเองก็หัวเราะคิกคัก
คราวนี้เด็กน้อยไม่เขินอายแล้ว ออกมาจากหลังของกู่ที่แล้วเรียก “พี่สาว”
มู่เถาเยายื่นมือไปลูบผมสีน้ำตาลออกเหลืองของเธอ จากนั้นก็กุมมือนุ่มๆ ไว้ “เล่อเล่อจ๊ะ มาเล่นเกมกับพี่สาวดีไหม มาดูกันว่าเล่อเล่อของพวกเราฉลาดแค่ไหน”
เด็กน้อยพยักหน้าด้วยความดีใจ
มู่เถาเยาใช้มือซ้ายรองข้อมือเด็กน้อย มือขวาจับชีพจร พอเสร็จข้างนี้ก็เปลี่ยนอีกข้าง
หลังจากจับชีพจรทั้งสองมือเสร็จมู่เถาเยาก็อ้าปากร้อง อ๊ะ! เด็กน้อยก็เลียนแบบเธอด้วย จะไปมองลิ้นเธอ
“เล่อเล่อทั้งเป็นเด็กดีทั้งฉลาด”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบศีรษะเด็กน้อย จากนั้นก็หยิบขวดขนาดเล็กออกมาจากกล่องยา เทยาเม็ดสีดำม่วงที่มีกลิ่นหอมหวานออกมาหนึ่งเม็ดใส่มือ “พี่สาวให้เล่อเล่อกินลูกอมนะ”
เด็กน้อยยื่นมือออกไปหยิบ แต่ไม่ได้กิน เอาแต่มองขวดในมือมู่เถาเยา
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“พี่เสี่ยวที่ก็เป็นเด็กดีแล้วก็ฉลาด”
“เล่อเล่อกินก่อน เดี๋ยวพี่สาวเล่นเกมกับพี่เสี่ยวที่เสร็จค่อยให้กิน”
เด็กน้อยดีใจ เอา ‘ลูกอม’ ใส่ปากเลีย “หวาน”
มู่เถาเยาลูบแก้มที่ไม่มีเนื้อของกู่เล่อ จากนั้นก็เอาขวดในมือให้หลี่เจ่าแม่ของกู่เล่อ
“คุณแม่เล่อเล่อคะ นี่เป็นยาเสริมความแข็งแรงที่ฉันทำขึ้นมาโดยเฉพาะให้เด็กที่อ่อนแอมาแต่กำเนิด เอาให้แกกินทุกสี่สิบแปดชั่วโมงครั้งละหนึ่งเม็ด ในขวดมีสามสิบเม็ด อีกสองเดือนร่างกายของเล่อเล่อก็จะเหมือนเด็กปกติแล้วค่ะ”
หลี่เจ่าใช้สองมือรับขวดยาไป “ขอบคุณคุณหมอเทวดาค่ะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “แต่ระยะนี้ก็ต้องออกกำลังกายตามความเหมาะสมด้วยนะคะ อย่ามัวแต่ระวังจนเกินไป การออกกำลังกายเป็นแก่นแท้ของชีวิต ต่อให้เป็นคนที่แข็งแรงกว่านี้ ถ้าไม่หมั่นออกกำลังกายก็อ่อนแอได้ เจ็บป่วยได้ง่ายเหมือนกัน แล้วนับประสาอะไรกับเล่อเล่อที่เดิมอ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งไม่ขยับก็จะยิ่งอ่อนแอค่ะ”
ทุกคนพยักหน้า เป็นตามนั้นจริงๆ
“เมื่อก่อนเล่อเล่อยังเล็กมาก แถมยังอ่อนแอมาแต่กำเนิด ต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่ตอนนี้สามขวบแล้วให้แกกระโดดเล่นพอประมาณได้ค่ะ ค่อยเป็นค่อยไป อดทนทำสักสองเดือนจะเปลี่ยนแปลงได้มากค่ะ”
กู่อ้าว “ครับ พวกเราจะทำตามที่บอก”
หลี่เจ่าถูขวดยาขนาดเล็กที่มันวาวแล้วถามขึ้น “ยานี่เท่าไรคะคุณหมอเทวดา ฉันจะกลับไปเอาโทรศัพท์มาโอนให้”
มู่เถาเยาส่ายมือ “สมุนไพรเก็บมาจากบนเขา ไม่ได้มีค่าอะไรมาก เสี่ยวที่ มานี่สิจ๊ะ ให้พี่สาวตรวจร่างกายเราหน่อย”
กู่ที่เดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือออกไป
มู่เถาเยายิ้มพลางจับชีพจรให้เขา “เสี่ยวที่สุขภาพแข็งแรง เดี๋ยวเอาของอร่อยให้กินนะจ๊ะ”
“พี่สาวฮะ เสี่ยวที่ไม่อยากกินของอร่อย พี่สาวช่วยรักษาให้พ่อกับย่าเสี่ยวที่หน่อยนะฮะ”
“จ้ะ พี่สาวจะรักษาคุณย่ากับคุณพ่อของเสี่ยวที่ให้นะ” มู่เถาเยามองไปทางกู่เผิง “คุณพ่อเสี่ยวที่ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ”
“รู้สึกตัวเบามากเลยครับ เหมือนกับ…เครื่องจักรที่ขึ้นสนิมได้รับการหยอดน้ำมันแล้ว” ถึงแม้มือเท้าจะกลับมาไม่มีแรงอีกครั้ง แต่ก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว
มู่เถาเยาหยิบหมอนรองออกมาจับชีพจรให้เขา
“โรคแทรกซ้อนกำลังหายไป ตอนเย็นฝังเข็มอีกครั้ง รอดูผลลัพธ์พรุ่งนี้เช้าค่ะ”
แม่เสี่ยวที่รีบพูดขึ้น “หมอเสี่ยวมู่คะ แล้วโลกหลักมีอะไรเปลี่ยนไปไหม ยังคงเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้ยังวินิจฉัยลำบากค่ะ” ไม่เหมือนกันแล้ว แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้ ดังนั้นยังไม่พูดดีกว่า
กู่เผิงปลอบภรรยา “อาซือ ใจเย็นๆ ผ่านมาได้ตั้งหลายปี รออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป”
ย่าเสี่ยวที่ก็พูด “นั่นสิ ยังไงเดิมทีก็ไม่มีหวัง ตอนนี้ลองสู้ดูสักตั้งมันอาจเป็นทางรอดก็ได้”
มู่เถาเยายิ้มพูด “ทำใจให้สบายมีประโยชน์ต่อการฟื้นตัวนะคะ บนโลกนี้ยังมีโรคที่เดิมทีหมดทางรอดแต่สุดท้ายก็กลับมาหายได้นะคะ”
ทุกคนต่างพยักหน้า
ตอนที่ 561 พรสวรรค์ฝึกยุทธ์
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มู่เถาเยาตื่นขึ้นมาก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง เดินกำลังภายในสองรอบเสร็จถึงลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา
นอนค้างอ้างแรมข้างนอก ถึงแม้จะไม่สะดวกออกกำลังโดยการต่อสู้ แต่การฝึกฝนกำลังภายในกลับทำได้ทุกที่ทุกเวลา
เพิ่งออกจากห้อง ตี้อู๋เปียนก็ออกจากห้องตัวเองมาพอดี
“อรุณสวัสดิ์ซาลาเปาน้อย”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่สาม”
“วันนี้บ่ายมีแพลนอะไรไหม”
“ไม่มีค่ะ” ช่วงเช้าต้องไปฝังเข็มให้ครอบครัวกู่ ตอนบ่ายยังไม่มีแผนทำอะไร
“งั้นพวกเราไปขี่ม้าที่ทุ่งหญ้ากันดีไหม” อันที่จริงเขาอยากตั้งแคมป์ แต่ทุกเช้าซาลาเปาน้อยมีภารกิจต้องทำ
“ค่ะ”
ตี้อู๋เปียนหิ้วกล่องยาใบน้อยของมู่เถาเยา คุยพลางเดินออก เจอจางผิงผิงกับลู่ทงตรงบันได
ช่วงสองวันนี้สองสามีภรรยาพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
จางผิงผิงยิ้มกว้างพูดกับทั้งสองคน “เสี่ยวมู่ อู๋เปียน พวกเราไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนค่อยมากินอาหารเช้าดีไหม”
มู่เถาเยายิ้มพูด “คุณลุงคุณป้าไปกันเถอะค่ะ เมื่อวานตอนเช้าพวกเราไปดูมาแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จก็จะไปบ้านครอบครัวกู่เลยค่ะ”
“งั้นพวกเราไปกับพวกเธอด้วย”
“ป้าจางกับลุงลู่อยากเที่ยวก็เที่ยวได้ตามสบายเลยค่ะ ตอนเย็นหนูค่อยฝังเข็มให้ลุงลู่”
“พวกเราก็ไม่ได้รีบอะไร กะว่าวันนี้ยังเดินเล่นในหมู่บ้าน พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปเที่ยวในทุ่งหญ้าจ้ะ”
“หนูกับพี่สามจะไปขี่ม้าตอนบ่าย ไปด้วยกันไหมคะ”
จางผิงผิงยิ้มพูด “พวกเธอหนุ่มสาวเล่นกันเถอะ พวกเราไม่ได้มีพละกำลังดีขนาดนั้น ขอเดินเล่นในหมู่บ้านก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ไม่ใช่เรื่องกำลังวังชาหรอก ก็แค่ไม่อยากไปรบกวนหนุ่มสาวสวีทกัน
หนุ่มสาวสองคนนี้แปลงโฉมออกมาเที่ยวก็เพราะไม่อยากให้ใครรบกวน พวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน แล้วจะไม่รู้จักดูสถานการณ์ได้ยังไง
พวกเขาตื่นเช้า ไปถึงห้องอาหารก็ยังไม่ได้เวลากินอาหารเช้า
“เสี่ยวที่ ทำไมมาทางนี้แต่เช้าเลย”
เด็กน้อยทักทายทุกคนตามมารยาทเสร็จก็จูงมือมู่เถาเยา “เสี่ยวที่ไปวิ่งมาแล้วหนึ่งรอบเลยมารับพี่สาวฮะ”
จางผิงผิงถามด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวที่ตื่นแต่เช้าแบบนี้ทุกวันเลยเหรอจ๊ะ”
เด็กน้อยพยักหน้า “แม่ตื่นเช้ากว่าอีก”
มู่เถาเยาใช้มือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเขา “เดี๋ยวพ่อกับย่าของเสี่ยวที่หายดี แม่ของเสี่ยวที่ก็ไม่ต้องยุ่งขนาดนี้แล้วนะ”
“พี่สาว เมื่อไรพ่อกับย่าเสี่ยวที่จะหายดี” เด็กน้อยมองมู่เถาเยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ใกล้แล้วจ้ะ” บางทีอีกเดี๋ยวก็อาจฟันธงโรคหลักที่เป็นได้แล้ว
เด็กน้อยดีใจมาก
ตอนเถ้าแก่กู่ถิงออกมาจากห้องก็กินอาหารเช้าได้พอดี
กินอิ่มเสร็จสรรพกู่ถิงก็เข้าครัวไปห่อพวกหมั่นโถวหิ้วออกมาแล้วไปบ้านกู่ที่พร้อมพวกมู่เถาเยา
พ่อกับย่าของเสี่ยวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหิน
ผักบนแผงผักถูกจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่เต็ม ด้านข้างยังมีสาลี่สองเข่ง
แสดงให้เห็นว่าแม่ของเสี่ยวที่ตื่นมาทำงานเช้าขนาดไหน
ย่าเสี่ยวที่ยิ้มถาม “ทำไมมากันแต่เช้าแบบนี้ล่ะ” ตอนนี้ยังไม่แปดโมงเลยนะ
จางผิงผิงยิ้มพลางพยักหน้า “พวกเราตื่นเช้าจนชินแล้วค่ะ”
กู่ถิงเอาอาหารเช้าที่หิ้วมาวางบนโต๊ะหิน “หนูเอาอาหารเช้ามาด้วย คุณป้ากับพี่ใหญ่กินรองท้องก่อนนะคะ พี่สะใภ้อยู่ในครัวเหรอคะ หนูไปดูหน่อย”
ในขณะที่ครอบครัวกู่ที่กำลังกินอาหารเช้า ปู่ลู่ญาติของกู่ถิงก็มาถึงพร้อมครอบครัว
หลังจากทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว ปู่ลู่ก็ตรวจดูย่ากับพ่อของเสี่ยวที่ ไม่นานก็ยิ้มพูด “ดูใช้ได้เลยนะ สดชื่นขึ้นเยอะเลย” เมื่อก่อนคิดมาก ใบหน้าอมทุกข์
ย่าเสี่ยวที่ยิ้ม “หมอเสี่ยวมู่พูดถูก อารมณ์ของคนป่วยเกี่ยวพันถึงอาการดีหรือแย่ของคนป่วย ในเมื่อเป็นขนาดนี้แล้ว กลุ้มไปก็เท่านั้น”
“ปลงได้ก็ดี ไม่ว่าเมื่อไรก็ควรมีความหวังเสมอ อย่าเพิ่งคุยเลย กินข้าวเช้าก่อน เดี๋ยวต้องฝังเข็มอีก”
ทุกคนพยักหน้า
ย่ากับพ่อของเสี่ยวที่กินต่อ แม่เสี่ยวที่ กู่ถิง กู่ที่ เข้าไปยกเก้าอี้ในบ้านออกมาให้คนครอบครัวลู่นั่ง
หลังจากปู่ลู่นั่งลงแล้วก็ยื่นกล่องเข็มโบราณให้มู่เถาเยา “แม่หนู ฉันเอาเข็มหางหงส์ของตระกูลลู่มาให้แล้ว”
มู่เถาเยารับด้วยสองมือ “ขอบคุณท่านหมอที่เมตตาค่ะ”
“เกรงใจเกินไปแล้ว มันใช้งานได้ถึงจะมีคุณค่า พวกเราไร้ความสามารถ หลายรุ่นแล้วที่ไม่ได้หยิบเอาเข็มหางหงส์นี่มาใช้”
“ท่านหมอคะ ตระกูลลู่มีแค่เข็มหางหงส์ ไม่มีวิชาฝังเข็ม ‘ล่อหงส์’ อยู่ด้วยกันเหรอคะ”
ปู่ลู่ส่ายหน้า “พวกเรารู้แค่ว่ามีวิชาฝังเข็ม ‘ล่อหงส์’ แต่ไม่เคยเห็นแผนผังการฝังกับตำราโบราณอื่นๆ เลย”
“วิชา ‘ล่อหงส์’ จำเป็นต้องใช้กำลังภายในช่วยเสริมถึงจะสำเร็จค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “เดี๋ยวฝังเข็มเสร็จหนูจะวาดแผนผังการฝังเข็มให้ดูค่ะ”
“แม่หนูใจดีจริงๆ แต่พวกเราไม่มีกำลังภายใน ต่อให้มีแผนผังก็เอาไปใช้ไม่ได้หรอก”
ลู่ซินหรานหลานชายคนโตที่พรสวรรค์สูงที่สุดของเขาก็ไม่มีเหมือนกัน
เห็นทีคนที่มีวาสนากับเข็มหงส์ก็คือแม่หนูคนนี้แล้ว
“ลู่ซินหรานอายุยังไม่เยอะ เดี๋ยวปิดเทอมหน้าหนาวให้เขาไปหมู่บ้านเถาหยวนนะคะ หนูจะช่วยล้างเอ็นสลายกระดูกให้เขา จากนั้นก็ใช้ยากำลังภายในช่วยเสริม น่าจะพอฝึกให้มีกำลังภายในขึ้นมาได้ ถ้าพรสวรรค์ดี บางทีอีกไม่กี่ปีก็ใช้เข็มหงส์ได้แล้วค่ะ”
ยังไม่เคยเจอกัน จึงไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์ฝึกยุทธ์หรือเปล่า
ครอบครัวลู่มีสีหน้าเบิกบานใจขึ้นมาทันที