เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 553 เดิมพัน

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 553 เดิมพัน

เมื่อจี้จือฮวนและเผยยวนตัดสินใจที่จะไปอารามไร้นามเพื่อไปพบฮั่วชิงหยาง คนทั้งกลุ่มก็ได้เตรียมพร้อมในทันที แม้จีฝูเย่จะเป็นคนเสนอความคิด แต่เขากลับเป็นคนที่ถอนหายใจตลอดทาง

เผยเสี่ยวเตาทนฟังคนถอนหายใจเรียกความซวยเช่นนี้ไม่ไหวอีกแล้ว จึงเอ่ยด้วยความหงุดหงิดขึ้นมา “เจ้าถอนหายใจตั้งแต่ออกจากประตูเมืองจนมาถึงที่นี่ เรียกความซวยมาเยือนชัด ๆ”

ตอนนี้เผยเสี่ยวเตาโอ้อวดว่าตัวเองได้อยู่กับหมอดูทั้งวัน ออกจากบ้านก็ต้องดูฤกษ์งามยามดี แต่สุดท้ายวันดี ๆ ที่เลือกมา หากถูกจีฝูเย่ผู้นี้ถอนหายใจไล่จนหายไปหมดจะทำอย่างไร?!

จีฝูเย่จึงพูดอย่างดูแคลน “เรื่องโชคลางไร้ซึ่งเหตุผล แม่นางเผย เจ้าก็นับเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถโดดเด่น อย่างมงายเช่นนี้จะได้หรือไม่”

เผยเสี่ยวเตาส่งเสียงจิปาก “แล้วเจ้าถอนหายใจทำไมกัน?”

จีฝูเย่จิตใจห่อเหี่ยว “เรื่องการเดิมพันอย่างไรเล่า การเดิมพันเต็มไปด้วยกลโกง แล้วพวกเรามีใครเล่นได้กัน”

หลังจากได้ยินเขาพูดเช่นนี้ คนทั้งกลุ่มต่างก็เงียบลง

มันก็เล่นได้อยู่หรอก แต่คนที่เล่นได้ดีที่สุดไม่ได้มาด้วย อีกทั้งเวลาก็กระชั้นชิดอย่างมาก จะไปรับคนตอนนี้คงไม่ทันแน่ อีกอย่างองค์หญิงใหญ่ก็อายุมากแล้ว ไหนเลยจะสามารถเร่งรีบเดินทางมาได้

เสบียงของฮั่วชิงหยางกับพระพลานามัยขององค์หญิงใหญ่ ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้จริง ๆ

“ข้าคิดว่า…” เว่ยเจ๋อเซิงซึ่งอยู่ทางด้านหลังเอ่ยขึ้นมา “ให้ข้าลองดูได้หรือไม่?”

จีฝูเย่พิจารณาเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ “เจ้าน่ะหรือ เจ้าจะไหวหรือ?”

เยว่พั่วหลัวเองก็เอ่ยเสริม “ท่านหมอดู นี่ไม่ใช่การทำนายดวงนะ หากเล่นไม่ได้จริง ๆ ให้ข้าใช้กู่ล่อลวงชักจูงใจเขาแทนดีหรือไม่?”

ไป๋จิ่นส่ายหน้า “กู่ล่อลวงสามารถอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากเขาได้สติขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?”

อีกทั้งจีฝูเย่ก็บอกแล้วว่าอย่าใช้วิธีการบังคับเขา เพราะไม่มีประโยชน์อะไร

“เช่นนั้นก็ทำได้เพียงเอาชนะเขาให้ได้อย่างนั้นหรือ โชคด้านการพนันของเขาดีหรือไม่?”

จีฝูเย่หรี่ตาลง “ข้าตอบอย่างนี้ก็แล้วกัน ทรัพย์สินมหาศาลของเขาล้วนได้มาจากการพนัน”

ทุกคน “…”

พูดได้ดี แต่ครั้งหน้าไม่ต้องพูดอีกจะดีกว่า

นี่มันเทพแห่งการพนันชัด ๆ

น่าเสียดายที่เทพไพ่นกกระจอกแห่งหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นต้องได้เห็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่

ดังนั้นเมื่อได้ยินจีฝูเย่พูดเช่นนี้ ทุกคนต่างก็หมดอาลัยตายอยากขึ้นมา

แต่มีเพียงเว่ยเจ๋อเซิงเท่านั้นที่งงงัน เหตุใดถึงไม่มีใครเชื่อเขาเลยเล่า?

เพราะวิชาพื้นฐานที่สุดในสำนักเทพพยากรณ์ ก็คือการคำนวณสูงต่ำ

เพียงแต่สำนักได้กำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด ว่าห้ามศิษย์ทุกคนอาศัยสิ่งนี้หาเงิน ตอนนั้นก็มีแค่เจียงเช่อที่ไม่มีเงินแล้วเอาไปใช้ในบ่อน

แต่สำหรับมนุษย์นั้น การคำนวณความลับของสวรรค์ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน

ซึ่งเจียงเช่อเองก็รู้ถึงข้อนี้ดี เมื่อเล่นได้เงินมาแล้วจึงเลิกทันที

แต่เว่ยเจ๋อเซิงไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อราษฎรในใต้หล้า

หวังว่าสวรรค์จะคุ้มครองต้าจิ้นให้ได้รับชัยชนะ

จีฝูเย่สั่งให้ซือเยียนใช้ทางลัด แม้เขาจะเป็นคนชอบหลงทางและไม่มีไหวพริบเรื่องทิศทางเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะนิสัยของเจ้านายที่เป็นเช่นนี้ จึงทำให้ลูกน้องแต่ละคนล้วนมีความจำที่น่าอัศจรรย์!

ซือเยียนนำขบวนอ้อมที่ราบระหว่างภูเขาไป ป่านั้นหนาทึบอย่างมาก แต่โชคดีที่นางยังสามารถหาทางออกได้

“นั่นก็คืออารามไร้นาม” ซือเยียนชี้ไปทางหอคอยหลังหนึ่งตรงเชิงเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา

เผยยวนขมวดคิ้ว อารามไร้นามนั่นซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกบนภูเขา หากไม่สังเกตดี ๆ ก็มองไม่เห็นจริง ๆ แต่ประเด็นก็คือ หอคอยนั่นไม่รู้ว่ามีอายุเท่าใดแล้ว ถึงได้ปกคลุมไปด้วยร่มไม้ที่หนาทึบเช่นนี้

“ไปเถอะ พวกเราไปเสี่ยงดวงกัน” จีฝูเย่เอ่ย

เมื่อม้าเข้ามาในป่าก็เริ่มเดินลำบาก เพราะทางขึ้นอารามไร้นามนั้นสูงชันมาก คาดว่าคงมีผู้ศรัทธาไม่กี่คนที่จะมาที่นี่ เพราะบันไดหินแต่ละขั้นมีตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมด หากไม่ระวังก็จะทำให้ลื่นและตกลงไปได้

“ฮั่วชิงหยางปีนี้มีอายุเกือบหกสิบห้า ถือว่าอายุมากแล้ว แต่ศีรษะกลับไม่มีผมขาวให้เห็นแม้แต่เส้นเดียว นับว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากคนหนึ่ง อาจเป็นเพราะมีเงินมากจนใช้ไม่หมดกระมัง หน้าตาก็คล้ายกับตาแก่ที่อยู่ตามข้างถนน ดวงตาไม่เล็กไม่ใหญ่”

เผยเสี่ยวเตาหายใจหอบ “สถานที่ผีสางเช่นนี้ นอกจากเขาแล้วยังมีคนมาอีกหรือ?”

“จะว่าไปก็จริง แต่ถ้าหากมีเล่า?”

คนทั้งกลุ่มเดินขึ้นเขามาพร้อมอาการเหนื่อยหอบ ทว่าสุดท้ายก็ต้องตกตะลึงเมื่อมีคนอยู่ในอารามไร้นามจำนวนไม่น้อย

มีคนมาสักการะไม่น้อยเลยทีเดียว เผยเสี่ยวเตาไม่เข้าใจ จึงเข้าไปถามชายชราที่เดินขึ้นมา “ท่านผู้เฒ่า มาจากที่ใดอย่างนั้นหรือ?”

“หมู่บ้านซานเกินตรงตีนเขานี่แหละ”

“ที่นี่มีคนมาสักการะเยอะเพียงนี้เชียวหรือ? พวกท่านต่างมากราบไหว้ขอพรกันหรือ ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากหรือเจ้าคะ?”

ชายชราปัดมือไปมา “ข้าไม่รู้หรอก แต่เมื่อหลายปีก่อนมีเศรษฐีคนหนึ่งมาที่นี่ เขาบอกให้พวกเรามาสักการะพระโพธิสัตว์ในเวลานี้ของทุกปี แล้วจะให้เงินพวกเราคนละห้าตำลึง นั่นจึงเป็นเหตุผล ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องมาที่นี่”

ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง มาเพื่อเงินนี่เอง

จี้จือฮวนรีบเอ่ยขึ้นมา “ท่านผู้เฒ่า ท่านรู้หรือไม่ว่าเศรษฐีผู้นั้น วันนี้เขามาหรือไม่?”

“ไม่รู้ ๆ พวกเจ้าอย่ามาขวางข้า ข้าไหว้เสร็จจะรีบกลับบ้านไปทำกับข้าวแล้ว”

เมื่อเห็นว่าแต่ละคนล้วนมีท่าทางรีบร้อน จีฝูเย่จึงเอ่ยขึ้นมา “เข้าไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ”

ไป๋จิ่นมองอารามไร้นามที่ทรุดโทรมตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยความสงสัย “เขามีเงินถึงขนาดสามารถจ้างคนมาสักการะได้ แต่เหตุใดถึงไม่ซ่อมอารามนี้เลยเล่า ข้าว่าหากมีลมพัดแรงกว่านี้คงได้พังลงมาเป็นแน่”

โดยเฉพาะหอคอยนั่น จะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้ว

“เฮ้อ เจ้าไม่รู้อะไร บางคนก็ลึกลับกว่านั้น” จีฝูเย่เดินนำเข้าไปข้างในก่อน

ซึ่งทุกคนต่างก็เป็นคนฉลาดเฉลียว เมื่อเข้ามาก็ไม่ได้มองไปรอบ ๆ ให้คนสงสัย แต่กลับร่วมกราบไหว้กับชาวบ้านที่มาสักการะ และเดินตามพวกเขาไป ทว่าเมื่อเดินวนรอบห้องโถงต่าง ๆ หนึ่งรอบ พวกเขาก็ยังไม่เห็นคนที่ชื่อว่าฮั่วชิงหยางเลย

เดิมทีอารามไร้นามก็มีขนาดเล็กมากอยู่แล้ว มีพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายเท่านั้น แต่สุดท้ายก็พบว่า มีชายชราคนหนึ่งยืนกวาดพื้นอยู่ตรงนั้น…

ทุกคนมองหน้ากัน อย่างไรเสียจีฝูเย่ก็ถือเป็นคนที่เขารู้จัก ดังนั้นเขาจึงเข้าไปทักทายก่อน

เมื่อชายชราผู้นั้นมองมาทางจีฝูเย่ จีฝูเย่จึงได้ส่งสัญญาณมือให้พวกเขา ดูเหมือนว่าจะถูกคนแล้ว

แต่เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินฮั่วชิงหยางเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “กฎเดิม”

จีฝูเย่หมดคำจะพูด “เหตุใดมาถึงท่านก็จะเดิมพันเลยเล่า?”

ฮั่วชิงหยางเงยหน้าขึ้น “เจ้าเองก็เป็นคนที่เห็นผลประโยชน์มาก่อนไม่ใช่หรือ จะเสแสร้งอีกทำไมกัน ในเมื่อเจ้ามาเพราะมีเรื่องจะขอร้อง ข้าก็แค่ทำตามกฎของข้า มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?

หากไม่เดิมพัน ก็อย่ามาขวางทาง”

จีฝูเย่ขมวดคิ้ว “เดิมพันอย่างไร?”

ฮั่วชิงหยางมองไปยังนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า “มาเดิมพันกันว่าอีกเดี๋ยวนกที่บินผ่านจะเป็นเลขคู่หรือเลขคี่”

ทุกคนถึงกับตกตะลึง มีวิธีการเสี่ยงโชคเช่นนี้ด้วยหรือ? ช่างเอาแต่ใจจริง ๆ

“ข้าเดิมพันว่าเป็นเลขคี่” ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าจะเดิมพันเช่นไรนั้น เว่ยเจ๋อเซิงก็พูดขึ้นมา

ฮั่วชิงหยางเผยสีหน้าปลาบปลื้ม “ดี เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนเด็ดเดี่ยว ข้าจะเดิมพันกับเจ้า

แต่หากเจ้าแพ้เล่า?”

เว่ยเจ๋อเซิงพูดอย่างใจเย็น “ข้าขอเดิมพันด้วยศีรษะของข้า”

เผยเสี่ยวเตาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “เจ้าเคยเดิมพันมาก่อนหรือไม่ ถึงได้เล่นใหญ่เพียงนี้!”

เว่ยเจ๋อเซิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ไม่เคย”

“…” ทุกคนเงียบกริบ

เผยยวนถึงขนาดคิดเอาไว้แล้วว่า หากไม่ได้ก็แค่กลับไปมือเปล่า ไม่ใช่เอาชีวิตมาล้อเล่นเช่นนี้

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท