ตอนที่ 1493 สายลับ
สายลับที่ใจไม่แข็งพอคุกเข่าลงบนพื้นเรียบร้อยแล้ว
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับกล่าวต่อราวกับไม่เห็นการกระทำของเขา “หานเฉิงอ๋องเสียชีวิตไปแล้ว เราไม่อยากผิดคำสัญญาที่ให้ไว้แก่เขาดังนั้นจึงให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากพวกเจ้าไม่รักษาโอกาสครั้งนี้ไว้ให้ดีก็อย่าหาว่าข้าผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับหานเฉิงอ๋องก็แล้วกัน!”
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองคนเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกขนลุกชัน “หวังว่าพวกเจ้าจะวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างถูกต้อง”
“ก่อนเราจากไปเราจะทิ้งสายลับของเราไว้ที่ตงอี๋ หากพวกเจ้าทำเพื่อต้าโจวอย่างเต็มที่ พวกเขาจะคอยให้ความช่วยเหลือพวกเจ้า หากผู้ใดคิดทรยศต้าโจว…ผู้นั้นย่อมไม่สามารถมีชีวิตกลับไปได้แน่นอน!” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวต่อ “ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี หวังว่าคนเหล่านั้นจะสำนึกได้ หากสามารถทำคุณไถ่โทษได้…เราจะไม่เอาผิดเรื่องที่แล้วมา!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็เดินออกไปจากห้องทันที ไป๋จิ่นจื้อมองสายลับที่เหลืออยู่ในห้องแวบหนึ่งจากนั้นขมวดคิ้วเดินตามหลังพี่หญิงใหญ่ออกไปด้านนอก นางได้ยินพี่หญิงใหญ่กล่าวกับเสิ่นชิงจู๋ที่ด้านนอก “จดนามและตำแหน่งในราชสำนักของคนที่ยินดีอยู่ที่ตงอี๋ต่อลงในบันทึก จากนั้นให้คนลอบนำไปให้ไป๋อวี๋เซิง ให้เขาใช้คนเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์”
“เจ้าค่ะ!” เสิ่นชิงจู๋รับคำและจากไปทำตามคำสั่งทันที
ไป๋จิ่นจื้อเห็นเสิ่นชิงจู๋จากไปจึงเดินเอามือไพล่หลังตรงไปหาไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเอ่ยถามเสียงเบา “เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงให้สายลับเหล่านั้นพบหน้ากันทั้งๆ ที่รู้ว่ามีคนทรยศเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่ไม่กลัวว่าพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้พวกเราภายหลังหรือเจ้าคะ หรือพี่หญิงใหญ่ทำลงไปเพราะเคยรับปากหานเฉิงอ๋องไว้ ทว่า หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอาจมีคนตายมากกว่าหนึ่งคนนะเจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อพลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ “แม้แต่จักรพรรดิตงอี๋ยังเป็นคนของต้าโจว เหตุใดต้าโจวยังต้องการสายลับเหล่านั้นอีก ที่พวกเราต้องการก็คือขุนนางคนสำคัญในราชสำนักตงอี๋ที่เป็นคนของต้าโจว การให้พวกเรารู้ตัวตนที่แท้จริงของกันและกันจะทำให้พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน เมื่อครู่พี่บอกฮองเฮาของตงอี๋ไปแล้วไม่ใช่หรืออย่างไรว่าต้าโจวมีสายลับมากมายและสายลับเหล่านั้นจะกลายเป็นขุนนางคนสำคัญของตงอี๋”
ไป่จิ่นจื้อเบิกตาโพลง “ข้าคิดว่าพี่หญิงใหญ่แค่จงใจยั่วโมโหนางเท่านั้นเจ้าค่ะ!”
“เหตุใดพี่ต้องยั่วโมโหนางด้วย” ไป๋ชิงเหยียนหยุดฝีเท้า จากนั้นยกมือเขกศีรษะของไป๋จิ่นจื้อเบาๆ “ตอนนี้ต้าโจวเหนือกว่าตงอี๋ในทุกเรื่อง ไป๋อวี๋เซิงอยู่ในตงอี๋ เขาจำเป็นต้องมีขุนนางคนสำคัญในราชสำนักตงอี๋คอยเป็นพวกเพื่อขัดขวางขุนนางฝ่ายฮองเฮา เช่นนี้อวี๋เซิงจึงจะสามารถทำสิ่งที่เขาอยากทำได้”
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปนอกค่ายทหารพลางกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “แน่นอนว่าพวกเราต้องมีคนของเราอยู่ในที่ลับด้วย พวกเราไม่รู้ว่าสายลับคนใดของต้าเหลียงจงรักภักดีต่อต้าโจวอยู่ คนใดทรยศต้าโจวหลังจากต้าเหลียงดับสูญ แทนที่จะเสียเวลาตรวจสอบพวกเขาทีละคนไม่สู้พาสายลับจำนวนหนึ่งกลับไปต้าโจว จากนั้นผลักคนที่ยินดีอยู่ในตงอี๋ต่อไปอยู่ในที่แจ้งและจัดคนของเรากลุ่มใหม่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับดีกว่า”
ไป๋จิ่นจื้อเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกระจ่างแจ้งในทันที “ดังนั้นพี่หญิงใหญ่จึงให้พี่ชิงจู๋นำรายชื่อไปมอบให้อวี๋เซิงให้งานพวกเขาใช่หรือไม่เจ้าคะ หากพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราพวกเขาย่อมทำทุกอย่างตามคำสั่งของอวี๋เซิง ต่อให้พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกันกับเราก็คงไม่กล้าสร้างปัญหาให้อวี๋เซิงอยู่ดี หากกล้าสร้างปัญหาขึ้นอวี๋เซิงต้องจับได้แน่ ถึงเวลานั้นค่อยจัดการกับพวกเขาก็ยังไม่สาย อีกเหตุผลก็เพราะพี่หญิงใหญ่อยากรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับหานเฉิงอ๋องจริงๆ”
จู่ๆ ไป๋จิ่นจื้อก็นึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้ “ผู้อื่นไม่มีทางรู้ว่าไป๋อวี๋เซิงสวมรอยเป็นจักรพรรดิตงอี๋ หากหนึ่งในสายลับของต้าโจวสารภาพเรื่องนี้กับไป๋อวี๋เซิงคงน่าสนุกไม่น้อยนะเจ้าคะ ทว่า หากเขาไปบอกกับฮองเฮาคงไม่ดีแน่ พวกเราควรให้คนจับตาดูพวกเขาไว้นะเจ้าคะพี่หญิงใหญ่”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเอื้อมมือไปช่วยจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้น้องสาว “หากลองใช้สมองคิดเจ้าก็คิดได้ทุกอย่างนี่! เมื่อก่อนวู่วามเกินไป ตอนนี้พวกพี่ชายกลับมาแล้วเจ้ายิ่งขี้เกียจใช้สมองเข้าไปใหญ่!”
“มีพี่หญิงใหญ่กับพวกพี่ชายอยู่ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้สมองเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อยิ้มกว้างออกมา “ทว่า หากข้าอยู่คนเดียวข้าจะใช้สมองอย่างเต็มที่แน่นอนเจ้าค่ะ คราวที่แล้วซุนเหวินเหยาคิดหลอกใช้ข้ายังไม่สำเร็จ แถมยังโดนข้าเล่นงานกลับอีกเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นพี่หญิงใหญ่เดินไปด้านหน้าไป๋จิ่นจื้อจึงรีบวิ่งตามไปทันที “พี่หญิงใหญ่จะให้ผู้ใดอยู่ในที่ลับเจ้าคะ”
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนคิดว่าเฉินชิ่งเซิงเหมาะสมที่สุด ทว่า เมื่อคิดได้ว่าต้องพรากเฉินชิ่งเซิงมาจากชุนเถาไป๋ชิงเหยียนก็สงสารชุนเถาขึ้นมาทันที หากหาคนไม่ได้จริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจะให้เสิ่นชิงจู๋และเซียวรั่วไห่อยู่ที่ตงอี๋ต่อ ถือเป็นการสร้างโอกาสให้คนทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกันด้วย
เมื่อไป๋ชิงเหยียนจัดการเรื่องในวังหลวงเสร็จจึงไปเยี่ยมอาการของหลิ่วหรูซื่อทันที หลิ่วหรู่ซื่อผอมจนใบหน้าแทบเหลือแต่กระดูก ไม่เหลือเค้าโครงความสง่างามก่อนออกเดินทางมาจากต้าโจวเลยแม้แต่น้อย มองแค่ใบหน้าจะรู้สึกว่าเขาแก่ลงกว่าเดิมเป็นสิบปี ทว่า ดวงตาของเขาเปล่งประกายมาก
หลิ่วหรูซื่อเล่าให้ไป๋ชิงเหยียนฟังว่าองค์ชายสองของตงอี๋อยากได้หยกจักจั่นเพื่อย้อนเวลาจนเสียสติไปแล้ว
“ตอนที่แคว้นเทียนเฟิ่งทำสัญญาพันธมิตรกับต้าโจวกระหม่อมพอทราบมาบ้างว่าเทียนเฟิ่งศรัทธาในเทพเจ้ามาก ดังนั้นพวกเขาย่อมเชื่อเรื่องการย้อนเวลาของหยกจักจั่นเป็นธรรมดา กระหม่อมได้ยินว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมอบหยกจักจั่นของตัวเองให้องค์ชายสองเพราะองค์ชายสองขออย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาไม่มีเวลาเปลี่ยนหยกจักจั่นปลอมให้องค์ชายสองแน่พ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกนิดพลางกล่าวต่อ “ตอนจักรพรรดิเทียนเฟิ่งเดินทางกลับเทียนเฟิ่งเขาไม่ได้ขอหยกจักจั่นคืนจากองค์ชายสอง ผู้อื่นไม่ทราบ ทว่า กระหม่อมทราบดีว่าจักรพรรดิเทียนเฟิ่งยอมแลกทุกอย่างเพื่อหยกจักจั่นของพระภัสดาของต้าโจวตอนที่อยู่ต้าโจวจริงๆ ที่เขามอบหยกจักจั่นให้องค์ชายสองคงเป็นเพราะอยากทดสอบว่าต้าโจวจะมอบหยกจักจั่นตัวจริงมาให้ตงอี๋เพื่อรักษาความมั่นคงกับตงอี๋ระหว่างเดิมพันแคว้นกับต้าเยี่ยนหรือไม่ ตอนเขาจากไปเขาไม่มีทางทิ้งหยกจักจั่นจริงไว้ที่นี่แน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าสงสัยว่ามีสายลับของเทียนเฟิ่งอยู่ในวังหลวงอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นเป่าไอร้อนในถ้วยชาเบาๆ
“พ่ะย่ะค่ะ…” หลิ่วหรูซื่อพยักหน้า “หากสายลับของเทียนเฟิ่งที่อยู่ในวังหลวงร่วมมือกับต้าเยี่ยน สถานการณ์ของตงอี๋อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทควรเตรียมป้องกันไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อเห็นพี่หญิงใหญ่ยกถ้วยชาขึ้นนางจึงยกตามบ้าง นางชอบความรู้สึกที่นางรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่รู้เป็นที่สุด หลิ่วหรูซื่อผู้นี้ยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิของตงอี๋คือคนของต้าโจว…