บทที่ 399 เตรียมตัวเข้าทำงาน
การตรวจหัวใจโดยการเคาะ แท้จริงแล้วก็คือการตรวจส่วนต่างๆ ของหัวใจผ่านเสียงที่สะท้อนออกมา
มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไป๋เยี่ยจึงเริ่มปฏิบัติการกับหุ่นจำลองทันที
หัวข้อที่สองคือการล้างแผล
บนหุ่นจำลองมีรอยเย็บบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นบริเวณที่ไป๋เยี่ยจะต้องล้างแผล
หัวข้อนี้ค่อนข้างยาก เพราะว่าการล้างแผลมีหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเยื้อและการใช้ยาต่างๆ
แต่คิดว่าไป๋เยี่ยจะกลัวการล้างแผลเหรอ
วิธีการล้างแผลที่ไป๋เยี่ยคิดขึ้นได้ระหว่างที่เขาฝึกงานในแผนกทวารหนักได้กลายเป็นสมบัติของผู่เจ๋อไปแล้ว ซึ่งซ่งเจี๋ยก็คือผู้สืบทอดวิธีการนั้นต่อจากไป๋เยี่ยนั่นเอง
ซ่งเจี๋ยจึงรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นไป๋เยี่ยล้างแผล
หัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างไม่มีเหตุผลตั้งแต่ตอนที่เห็นไป๋เยี่ยเดินเข้ามาแล้ว ไหงเขาถึงต้องมาเจอคนคนนี้ด้วย
ซ่งเจี๋ยลอบมองไป๋เยี่ยอย่างประหม่า จากนั้นก็ไม่คิดเงยหน้าขึ้นมองอีกเลย!
ทำไมล่ะ
ก็เพราะในห้องมีกล้องวงจรปิดไงล่ะ!
ถ้าซ่งเจี๋ยเผลอทำตัวสนิทสนมล่ะก็ กรรมการคุมสอบที่คอยดูกล้องจะต้องคิดว่าเขากำลังทุจริตแน่ๆ และมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับไป๋เยี่ยได้
คนมีปัญหาจะเป็นไป๋เยี่ยหรือตัวเขาเองจะไปแตกต่างอะไรกัน
ซ่งเจี๋ยจึงตัดสินใจก้มหน้าไม่พูดไม่จา แสร้งว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา
ต้องให้คะแนนสูงๆ สิ!
เพราะว่าไป๋เยี่ยน่ะเก่งอยู่แล้ว!
ซ่งเจี๋ยไม่ต้องมองก็รู้แล้วว่าไป๋เยี่ยจะได้คะแนนเต็ม
ถ้าเป็นคนอื่นจับได้หัวข้อการล้างแผล ซ่งเจี๋ยก็คงจะวิเคราะห์อย่างละเอียด แต่ถ้าเป็นไป๋เยี่ยล่ะก็…
แค่ไป๋เยี่ยบอกว่าเคสไหนไม่ต้องล้างแผล เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว…
เพราะว่า…
ซ่งเจี๋ยก็เรียนรู้วิธีการล้างแผลมาจากไป๋เยี่ย เขาเหมือนเป็นลูกศิษย์ของไป๋เยี่ยไปครึ่งหนึ่งแล้ว! เขาจะมีสิทธิ์อะไรไปประเมินไป๋เยี่ย!
ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ดูการล้างแผลของไป๋เยี่ยแล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง!
บางครั้งเธอก็หันไปพยักหน้าให้กับซ่งเจี๋ยด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
เธอเอ่ยเสียงเบา “หัวหน้าซ่งคะ นักศึกษาคนนี้ทำได้ดีมากจริงๆ…”
ซ่งเจี๋ยค่อยๆ ตอบรับอีกฝ่าย “อืม ใช่! ไม่เลวเลย…”
ส่วนหัวข้อการสวมชุดผ่าตัดก็ไม่ได้ยากสำหรับไป๋เยี่ยเลย!
เขาผ่านการผ่าตัดทั้งใหญ่และเล็กมาหลายครั้ง ต้องสวมชุดผ่าตัดอยู่บ่อยๆ เขาจึงสวมชุดผ่าตัดได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบแล้ว ไป๋เยี่ยก็โค้งคำนับลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไปทันที
ทันทีที่ไป๋เยี่ยออกไป ซ่งเจี๋ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก…
กว่าจะไป
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น “หัวหน้าซ่ง เด็กคนนี้เก่งมากจริงๆ ฉันคิดว่าเขาจะต้องได้คะแนนสูงสุดแน่นอน”
ซ่งเจี๋ยพึมพำเบาๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “หัวหน้าหลิว คุณเองก็เป็นอาจารย์ที่ยูเนียน คุณไม่รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้บ้างเลยเหรอครับ”
หญิงสาวได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เธออ่านชื่อของไป๋เยี่ยพลางครุ่นคิดไปด้วย “คุ้นๆ แฮะ…”
ทันใดนั้นหญิงสาวก็ตบต้นขาของตนเองดัง ฉาด!
เธอหันไปมองซ่งเจี๋ยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม “คุณว่าไป๋เยี่ยคนนี้…ใช่คนเดียวกันกับคนนั้นหรือเปล่า”
ซ่งเจี๋ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพยักหน้าลง “ใช่แล้ว คุณก็เห็นนี่ว่าผมไม่กล้าเงยหน้าเลย”
“ผมเรียนรู้วิธีการล้างแผลทั้งหมดมาจากไป๋เยี่ย ผมจะไปมีสิทธิ์ประเมินเขาได้ยังไง…แถมตอนนี้ไป๋เยี่ยยังเป็นศาสตราจารย์ที่ยูเนียนและนักวิชาการฉางเจียงด้วย หัวหน้าหลิวก็น่าจะรู้นี่ครับ”
หญิงสาวยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก “ทำไมจะไม่รู้ล่ะคะ! เมื่อสองวันก่อนฉันเพิ่งจะไปยื่นโครงการวิจัยที่สถาบันของเขา ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกันแบบนี้!”
ซ่งเจี๋ยพึมพำ “คุณคิดว่าเขาจะได้คะแนนเท่าไหร่”
หญิงสาว “คุณคิดว่าไง”
ซ่งเจี๋ย “ได้เต็มเหรอ”
หญิงสาว “ก็ได้เต็มน่ะสิคะ!”
การทดสอบช่วงสุดท้ายจะแตกต่างจากช่วงที่สอง โดยจะเป็นคำถามเกี่ยวกับการทดลอง เช่น ครีเอตินีน[1]และยูเรียไนโตรเจน[2]มีความสำคัญอย่างไร วิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจว่ามีลักษณะอย่างไร หรือไม่ก็ให้อ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ปอด
ตอนนี้ไป๋เยี่ยไม่ได้กลัวว่าจะเจอคำถามยาก แต่กลัวว่ากรรมการคุมสอบจะเป็นคนรู้จักมากกว่า
น่าเสียดายที่ไป๋เยี่ยไม่รู้จักกรรมการคุมสอบทั้งสองคน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคนจะไม่รู้จักไป๋เยี่ย
ทันทีที่ไป๋เยี่ยเข้ามา กรรมการคุมสอบทั้งสองคนก็ส่งยิ้มให้ คนหนึ่งเป็นแพทย์อายุรศาสตร์โรคมะเร็งจากโรงพยาบาลกว่างอันเหมิน ส่วนอีกคนเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลตงจื๋อเหมิน พวกเขาฟังไป๋เยี่ยตอบคำถามจนเสร็จแล้วจึงเอ่ยปากถาม
“สวัสดีครับ คุณไป๋เยี่ย ผมมาจากแผนกอายุรศาสตร์โรคมะเร็งของโรงพยาบาลกว่างอันเหมิน ผมได้ยินมาว่าคุณซื้อเครื่องตรวจสอบสมดุลออร์ดมนมาจากเอสพีโอเอ็ม ทางเราเองก็กำลังวิจัยเรื่องนี้อยู่…เลยอยากจะร่วมมือกับสถาบันของคุณน่ะครับ…”
ไป๋เยี่ยรู้สึกละอายใจเล็กน้อยจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ที่นี่คือห้องสอบไม่ใช่เหรอครับ…ไหงเราถึงมาคุยเรื่องนี้กันล่ะ”
ชายคนนั้นได้ฟังก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากออกมาจากห้องสอบ ไป๋เยี่ยก็ถอนหายใจออกมา มาสอบครั้งนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ
ดูเหมือนว่ามันจะต่างจากที่คิดไว้มากเลย
หลังสอบเสร็จ ไป๋เยี่ยก็ไปกินข้าว ดูหนังและช้อปปิ้งกับหลีจื่อเหยียน
ขณะเดียวกัน เกาเย่ว์หยางและหลิวป๋อหลี่ก็กำลังนั่งดื่มชาด้วยกัน
เกาเย่ว์หยางส่งยิ้มให้หลิวป๋อหลี่ “เหล่าหลิว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไป๋เยี่ยก็จะกลายเป็นคนของยูเนียนนะ ฮ่าๆ”
หลิวป๋อหลี่เป็นคนสบายๆ มาโดยตลอด เป็นที่ปรึกษาที่ให้อิสระในการพัฒนาตนเองของลูกศิษย์
ทว่าไป๋เยี่ยนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ…
เกาเย่ว์หยางพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่รั้งเขาไว้ เดาได้เลยว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้จะไปเรียนเวชศาสตร์ฉุกเฉินกับคุณหวังชิ่งหยวน”
หลิวป๋อหลี่ตกใจจนแทบจะปล่อยถ้วยชาลง เขารีบถามขึ้นในทันที “เกิดอะไรขึ้น”
เกาเย่ว์หยางลอบยิ้ม จากนั้นก็เล่าเรื่องไป๋เยี่ยและการก่อตั้งสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินให้อีกฝ่ายฟัง
หลิวป๋อหลี่ฟังแล้วก็ไม่มีอารมณ์ดื่มชาอีกต่อไป เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินจากไป
เมื่อหลิวป๋อหลี่กลับมาที่บ้าน เขาก็สงบสติอารมณ์ไม่ได้ เอาแต่เดินวนไปมา ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาหัวหน้าแผนกโรคประสาทและสมอง ‘เจียวลี่หมิน‘ “พรุ่งนี้จัดตารางให้มีคนไปออกงานภาคสนามที่ชนบทสักสองคนที”
“พรุ่งนี้ผมจะไปบอกไป๋เยี่ยว่าแผนกเรากำลังขาดคน คุณไปจัดการมาซะ แล้วก็หลังจากที่ไป๋เยี่ยมาที่แผนกแล้วก็ปล่อยให้เขาดูแลผู้ป่วยซะ คุณก็เข้าไปช่วยเขาหน่อยแล้วกัน…”
[1] ครีเอตินีน (Creatinine) คือของเสียที่เกิดจากกล้ามเนื้อและถูกขับออกทางไต
[2] ยูเรียไนโตรเจน (Blood Urea Nitrogen; BUN) คือของเสียที่เกิดจากการสลายโปรตีน