ตอนที่ 779 จุดเปลี่ยน
โจวเจ๋อมองข้ามคำถามนี้ของทนายอันโดยตรง เพียงแค่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยล้า เอ่ยว่า “เก็บของๆ ควรพักผ่อนก็พักผ่อน ควรเฝ้ายามก็เฝ้ายาม อ้อใช่ เหล่าจาง ตอนที่คุณไม่มีคดีความต้องทำก็มาเฝ้าที่นี่ด้วย จะได้ทำผลงานบ้าง”
เมื่อก่อนเหล่าจางไม่มีความสามารถในการจับผี หลังจากที่มีเซี่ยจื้อสิงร่างแล้ว ปัญหานี้จึงหมดไป ดังนั้นเถ้าแก่โจวจึงไม่ลังเลที่จะจับชายฉกรรจ์คนนี้มาทำงาน ทำอย่างไรได้ สาวน้อยโลลิต้องกลับบ้าน ยมทูตที่เหลืออีกสามคนก็อยู่เมืองอื่น เถ้าแก่โจวก็ไม่ค่อยชอบผลงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ขายุงก็ยังมีเนื้อ ไม่อยากทิ้งจริงๆ จึงได้แต่ลากเหล่าจางเข้ามาเสริม
เหล่าจางไม่ปฏิเสธ พยักหน้าพูดว่า “ครับ วันหลังตอนที่ผมเลิกงานไม่มีคดีทำก็จะมา” ไม่ว่าอย่างไรไม่ว่านั่งสมาธิตรงไหนก็นั่งสมาธิเหมือนกัน และไม่แน่หากมาที่นี่อาจจะได้นอนหลับบ้าง เขาไม่กล้านอนห้องเถ้าแก่ แต่ขอนอนกับทนายอันได้อยู่บ้าง แค่เอาผ้าไปปูนอนเท่านั้นเอง
หลังจากสั่งงานแล้ว โจวเจ๋อจึงไปอาบน้ำ จากนั้นเปลี่ยนเป็นชุดนอน เดินขึ้นไปข้างบน อิงอิงปูผ้าปูเตียงใหม่ สักพักโจวเจ๋อจึงนอนลงไป อิงอิงห่มผ้าให้โจวเจ๋อ จากนั้นมุดเข้าไปอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ ราตรีสวัสดิ์เจ้าค่ะ”
“ราตรีสวัสดิ์”
…
ตอนที่ตื่นขึ้นมา เป็นเวลาเก้าโมงของวันถัดมา โจวเจ๋อลุกนั่ง อิงอิงที่อยู่ข้างๆ รีบหยิบเสื้อผ้าที่โจวเจ๋อต้องใส่วันนี้ออกมาทันที อันที่จริงการทำงานบ้านเป็นงานที่เหนื่อยมาก ผู้ชายหลายคนมักจะคิดว่าผู้หญิงอยู่บ้านทำงานบ้านเลี้ยงลูกเป็นเรื่องสบายและมีความสุข นั่นเป็นเพราะผู้ชายที่มีความคิดเหล่านี้ไม่เคยทำงานบ้านด้วยตัวเองมาก่อน
อิงอิงอยู่ที่ร้านหนังสือไม่ต้องทำกับข้าว และไม่ต้องดูแลคนอื่น เธอดูแลโจวเจ๋อคนเดียวเท่านั้น แต่เวลาส่วนใหญ่กลับโดนยึดไปเกือบทั้งวันแล้ว และทุกครั้งที่โจวเจ๋อนอนหลับเธอยังต้องนอนบนเตียงเป็นเพื่อนด้วย
บางครั้งเธอพอจะเจียดเวลามาเล่นเกมหรือฝึกทำอาหารได้นิดหน่อย ซึ่งถือว่าเยี่ยมมากแล้ว เพราะถ้าพูดอย่างเคร่งครัดจริงจัง เถ้าแก่ของเธอ เขาเป็นคนที่รักอนามัยขั้นสุดยอด
เมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว อิงอิงจึงยื่นน้ำเย็นหนึ่งแก้วให้โจวเจ๋อ เพราะเธอรู้ว่าเดี๋ยวเถ้าแก่จะออกไปข้างนอกแล้ว ถ้าหากชงกาแฟราคาแพงเพื่อฆ่าเวลาตอนนี้ถือว่าขาดทุนเกินไป เถ้าแก่เองจะเสียใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ชงกาแฟ
ตอนเช้าในฤดูหนาวจัด น้ำเย็นหนึ่งแก้วลงท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ เย็นสดชื่นจริงๆ คนทั่วไปทนไม่ไหวและเพลิดเพลินไปกับมันไม่ได้
“อรุณสวัสดิ์ วันแห่งความสุขกำลังเริ่มต้นอีกแล้ว” ทนายอันเดินลงมาจากบันได ใส่ชุดลำลอง เมื่อจับคู่กับแขนว่างๆ ข้างหนึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนคนพิการที่ยิ้มสู้ชีวิตโดยไม่ยี่หระต่อสิ่งใด จากนั้นติดลำโพงเล็กๆ พร้อมไมค์ ก็สามารถไปหาเงินใต้สะพานลอยได้แล้ว
ทุกคนกินข้าวต้มหนึ่งชามเล็กคู่กับผักดอง จากนั้นโจวเจ๋อจึงเข้าไปนั่งในรถ ทนายอันนั่งตรงเบาะข้างคนขับรถอย่างรู้หน้าที่ตัวเองดี อิงอิงถือกล่องอุปกรณ์ขนาดเล็กเข้ามาวางที่เบาะหลังรถ “เถ้าแก่ วางอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“โอ้วววว” ทนายอันบิดขี้เกียจ ขี้เกียจมากอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป โจวเจ๋อจึงขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล เมื่อวานตกลงกันดีแล้ว วันนี้ต้องทำให้ได้ ทนายอันถูกเขาเรียกมาด้วย เพื่อช่วยหวังเคอรักษาโรคทางจิตของเด็กผู้หญิง
ทว่าตอนที่โจวเจ๋อพาทนายอันมาถึงประตูห้องคนไข้ กลับพบกับเตียงที่ว่างเปล่า โจวเจ๋อรีบไปที่เคาน์เตอร์บริการ ถามพยาบาลคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น “ไม่ทราบว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ถูกส่งมาที่ห้องคนไข้พิเศษเมื่อวานไปไหนแล้วครับ”
“อ้อ สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปเมื่อครู่ค่ะ”
“ทำไมครับ” โจวเจ๋อแปลกใจอยู่บ้าง
“แท้งลูกค่ะ”
…
อุปกรณ์วางอยู่ข้างเท้า โจวเจ๋อนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวในโถงทางเดิน มองอารมณ์บนสีหน้าไม่ออก ทนายอันนั่งข้างๆเขา เคี้ยวหมากฝรั่งจ๊วบๆ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถเข็นเปลนอนคันหนึ่งถูกเข็นเข้ามา เด็กสาวนอนอยู่ข้างบน ถูกหมอและพยาบาลเข็นเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกัน
เด็กสาวยังคงสลบอยู่ โจวเจ๋อก็ไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปดู ประตูลิฟต์ทางโน้นเปิดออก หวังเคอถือกระติกเก็บอุณหภูมิเดินเข้ามาทางนี้ “ฉันได้รับโทรศัพท์ระหว่างทาง บอกว่าเธอมีปัญหานิดหน่อย” หวังเคอเดินพร้อมกับถามไปพลาง
“อืม แท้งลูก เอาเด็กออกแล้ว” โจวเจ๋อตอบ
หวังเคอเม้มปาก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ก้มหน้ามองกล่องใส่อุปกรณ์ที่อยู่ข้างเท้าของโจวเจ๋อ
“จริงๆ แล้วฉันน่าจะดีใจถึงจะถูก เธอแท้งเอง จะได้ประหยัดเวลาของฉัน ในใจจะได้ไม่รู้สึกผิดอะไร” โจวเจ๋อพูดหัวเราะเยาะตัวเอง
“อาเจ๋อ ปล่อยวางเถอะ”
“ใช่ว่าฉันไม่ปล่อยวาง” โจวเจ๋อส่ายหน้า สองมือคลึงใบหน้าของตัวเอง “แต่รู้สึกหมดแรงมาก”
“จริงๆ แล้ว ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ก็ไม่ค่อยมีแรงกันเท่าไรนัก”
“อาจจะใช่” โจวเจ๋อยักไหล่ พูดกับหวังเคอ “ขอให้เพื่อนของฉันเข้าไปดูพร้อมกับนายด้วยนะ”
เพื่อนของโจวเจ๋อ หวังเคอไม่คิดว่าจะเป็นคนธรรมดา ไม่ว่าอย่างไร ลูกสาวของเขาเอง จริงๆ แล้วก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งของโจวเจ๋อ
“สวัสดีครับ ผมชื่อหวังเคอ”
“สวัสดีครับ อันปู้ฉี่”
“เชิญครับ”
“เชิญครับ”
หวังเคอกับทนายอันเข้าไปในห้องคนไข้แล้ว โจวเจ๋อไม่ได้เข้าไป ลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างตรงทางเดิน ดันหน้าต่างออก เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาบ้าง
ด้านนอกแสงแดดกำลังดี การนอนอาบแดดในฤดูหนาวจัดเป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่สบายที่สุดบนโลกนี้ โจวเจ๋อยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง สัมผัสความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบฝ่ามือของตัวเอง สักพักหนึ่ง โจวเจ๋อจึงพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันทำตัวดัดจริตอะไรแบบนี้”
เวลาสองชั่วโมงผ่านไป โจวเจ๋อกับทนายอันลงไปที่ลานจอดรถพร้อมกัน ตั้งแต่ต้นนจบ โจวเจ๋อไม่ได้ก้าวเข้าไปในห้องคนไข้เลย เมื่อนั่งรถ รัดเข็มขัดนิรภัย ทนายอันจึงถามโจวเจ๋อว่า “ทำไมคุณไม่ถามผมว่าผลการรักษาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ถ้าหากไม่ดี คุณคงไม่เก็บเอาไว้”
‘พรืด’ ทนายอันหัวเราะพลางพยักหน้า “พอได้ ผมทำให้เธอเสียความทรงจำ ปิดผนึกความทรงจำช่วงนั้นออกไป ต่อไป หากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอจะสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้ต่อไป”
“ไม่มีอะไรผิดพลาด?”
“อุบัติเหตุไง อย่างเช่น หลังจากสิบห้าปียี่สิบปีให้หลัง ผนึกเริ่มคลายออก เธอได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง อาจจะจำขึ้นมาได้ หรือไม่ผมก็ตายกะทันหัน”
“อืม”
“จริงๆ แล้ว เพื่อนคุณคนนั้นไม่ค่อยชอบวิธีของผมเท่าไร ไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไรต้องทำตามระบบระเบียบทุกอย่าง”
“แต่สุดท้ายเขาก็เห็นด้วย” ทนายอันงอนิ้ว ถอนหายใจ เอ่ยว่า “ของที่พังแล้ว จะปิดหรือเติมแต่งอย่างไร สุดท้ายมันก็พังอยู่ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อมให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม”
“อืม”
“เถ้าแก่ อันที่จริง ผมสงสัยมาตลอด คุณสนใจเด็กสาวคนนั้นมากใช่ไหม”
“ไม่ถึงขั้นนั้น”
“อย่างนั้นทำเพื่อความถูกต้องและความเห็นใจที่เอ่อล้นออกมาใช่ไหม”
“ก็ไม่ใช่”
“อย่างนั้นทำไปเพื่ออะไร”
“อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของชีวิตที่ถูกบีบให้ตาย เหลือเพียงกองขนไก่ ทำให้ผมเกิดความรู้สึกร่วมไปด้วย”
“พูดอย่างมีศิลปะมาก อ้อใช่ เถ้าแก่ ในเมื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว เที่ยวบินตอนเย็นของวันพรุ่งนี้ ไม่มีปัญหาใช่ไหม” ก่อนหน้านี้จองตั๋วเครื่องบินไปหรงเฉิงแล้ว
“ไม่มีปัญหา”
“โอเค”
โจวเจ๋อขับรถออกจากโรงพยาบาล ขึ้นไปบนทางยกระดับสายวงแหวน
“เถ้าแก่ ผมเจอปัญหาหนึ่ง ผมคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าควรเล่าให้คุณฟังไหม คุณช่วยผมคิดหน่อย”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เหนื่อยนิดหน่อย”
“เฮ้อ…ได้”
ดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุข้างหน้า รถเบียดเสียดกันอยู่ที่นี่มากมาย จึงต้องค่อยๆ คลานไปเหมือนเต่า
โจวเจ๋อรำคาญเล็กน้อย ปกติยังดีหน่อย แต่เวลาที่รถติดแบบนี้ สำหรับคนขับรถแล้ว เป็นเรื่องที่ทรมานอย่างหนึ่งเดี๋ยวเหยียบเบรก เดี๋ยวเหยียบคันเร่ง เหยียบจนคุณปวดเมื่อยเท้าไปหมด
“เถ้าแก่ จริงๆ แล้ว ชีวิตก็ต้องการพลังที่มีชีวิตชีวาบ้าง” ทนายอันไม่รู้ว่ามาอารมณ์ไหน “อันที่จริง ตอนที่ผมกำลังรักษาเด็กสาวคนนั้น ในความทรงจำของเธอ มีช่วงเวลาที่อบอุ่นมากช่วงหนึ่ง นั่นก็คือตอนที่คุณอยู่ในห้องเก็บของแล้วอุ้มเธอขึ้นมา ฮิๆ จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นผมยืนอยู่ในความทรงจำของเธอ ยังรู้สึกว่าเถ้าแก่หล่อมาก ทำท่ารังเกียจอย่างชัดเจน แต่ก็ยังเดินเข้ามา แสดงความหงุดหงิดให้เห็นกันชัดๆ แท้จริงแล้ว แฝงมาดของประธานจอมเผด็จการอยู่นิดหน่อย ถ้าหากคุณไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ พูดคุยเป็นเพื่อนเธอ ไม่แน่เธออาจจะหายเร็วกว่านี้ ประหยัดเวลาของหวังเคอไปไม่น้อย”
“ผมจะไม่ไปเยี่ยมเธออีก”
“ก็จริง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากมีความรัก” ทนายอันพยักหน้า
“บนโลกนี้ คนที่ลำบากมีเยอะมาก พอเห็นเยอะเข้า ก็เริ่มเย็นชาอย่างช้าๆ บวกกับเดิมทีผมก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว”
“อืม สามารถเข้าใจได้ จริงๆ แล้วเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถูกใจก็ช่วยเหลือ หากมาทำร้ายตัวเอง สามารถจัดการได้ก็จัดการ ส่วนความวุ่นวายข้างนอก หากสามารถก้มหัวแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ทำไป รู้แล้วก็หัวเราะ แบบนี้ก็ดี อ้อใช่ เถ้าแก่ผมได้ยินหมอพูดในห้องคนไข้ว่า เด็กที่แท้งเป็นฝาแฝด”
โจวเจ๋อขึงตามองทนายอันด้วยความไม่พอใจ
“คุณไม่ชอบที่ตอนนี้ผมอารมณ์ตกต่ำไม่พอใช่ไหม”
“อารมณ์ตกต่ำ ก็ต้องหาที่ระบายถึงจะดี”
เวลานี้ ข้างหน้ามีรถคันหนึ่งพยายามจะแซง โจวเจ๋อไม่ได้เหยียบเบรก แล้ววิ่งไปข้างหน้าต่อ ‘ปึ้ง!’ ชนเข้าแล้ว ตัวรถสั่นสะเทือน
ผู้ชายสามคนลงมาจากรถอาวดี้ที่อยู่ข้างหน้าทันที หนึ่งในนั้นถอดเสื้อกันหนาวออก ใส่เสื้อแขนสั้นอยู่ข้างในสามารถมองเห็นรอยสักได้อย่างชัดเจน
“ตาบอดหรือไง อะไรของแก ขับรถไม่เป็นก็กลับเข้าท้องแม่ของแกไป โง่ชะมัด!”
“จริงๆ เลย ขับรถเป็นหรือเปล่า!”
“ขับรถประสาอะไร ไอ้เด็กเวร!”
คนทั่วไปเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ส่วนใหญ่มักตกใจนั่งในรถไม่กล้าลงไป หรือไม่ก็ลงไปขอโทษ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของตัวเอง
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเงียบๆ ขณะเดียวกันก็พูดกับทนายอันว่า “ประโยคที่คุณพูดเมื่อกี้มีเหตุผลมาก เวลาที่อารมณ์ไม่ดี ต้องหาที่ระบายสักหน่อย”
“ฮิๆ ใช่ไหม เถ้าแก่ ดังนั้นบางครั้ง ผมรู้สึกจริงๆ ว่า สวรรค์ปล่อยให้นักเลงพวกนี้มีตัวตน เพราะเก็บไว้ให้พวกเราใช้งานได้ตลอดเวลา พวกเขาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”
ทนายอันหัวเราะพลางปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วพูดต่อ “อ้อใช่ เถ้าแก่ อยากให้ผมลงไปแสร้งทำเป็นถูกพวกเขาทำให้ตกใจก่อนไหม แล้วก็ถูกด่า หรือไม่ก็ต่อยผมสักสองสามที อ้อนวอนพวกเขาสักสองสามครั้ง ปูทางให้ก่อนแล้วคุณค่อยปรากฏตัว”
……………………………………………………………………….