สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 233 พลิกผัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 233 พลิกผัน

“ไม่ถึงครึ่งวัน คนในเมืองหลวงเกินครึ่งก็รู้ว่าคุณหนูโค่วอยู่กับพวกเราที่นี่” เซียวเหลิ่งสือแววตาดุร้ายจ้องมองซินโย่ว “คุณหนูโค่วร้ายกาจจริง”

แต่ไรมาข่าวลือแพร่ออกไปรวดเร็ว ทว่ามิได้เร็วถึงเพียงนี้ เพราะข่าวลือย่อมแตกต่าง พวกผู้ดีมีเงินจะไม่สนใจเรื่องชาวบ้านทั่วไป บ้านใดไก่หายไปหนึ่ง บ้านใจพี่น้องทะเลาะกัน และชาวบ้านทั่วไปก็จะไม่ให้ความสนใจกับเรื่องในราชสำนัก

การวางขาย ‘บันทึกตะวันตก’ ได้ทำลายสถานการณ์เดิมที่ควรเป็นนี้

‘บันทึกตะวันตก’ สองเล่มแรก สี่อาจารย์ศิษย์เดินทางไปแดนตะวันตกเพื่ออัญเชิญพระคัมภีร์ ตามมาด้วยเรื่องราวต่างๆ ภูตผีปีศาจ สาวงามเทพเซียน เรื่องราวชวนติดตามเหนือจินตนาการของผู้คน

คนในเมืองหลวงต่างติดตามบันทึกตะวันตกกันมาก พอเล่มสามออกวางขายก็กรูกันมาซื้อ ยามนี้ทันทีที่เกิดเรื่องใด ย่อมแพร่กระจายออกไปด้วยความเร็วน่าตกใจ

นับประสาอันใดกับการนี่ผู้นี้ก็คือคุณหนูโค่วที่บริจาคห้าหมื่นตำลึงช่วยเขตภัยพิบัติติ้งเป่ย!

“เจ้าคิดว่าใช้ประชาเรือนหมื่นกดดัน จะบีบให้ข้าปล่อยเจ้าไปหรือ” เซียวเหลิ่งสือยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห

พระประสงค์ของฮ่องเต้ชัดเจนมาก ให้เขามาคุมสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือชั่วคราวก็เพื่อเรื่องนี้ หากเขาไม่อาจทำได้สำเร็จก่อนเฮ่อชิงเซียวกลับมา เสียหน้าหมองหม่นกลับสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือได้ก็นับว่าดีแล้ว แต่การไม่เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ อนาคตก็คงไร้ความหวังแล้ว

“ข้าน้อยมิกล้า” ซินโย่วกล่าวออกมาสี่พยางค์ หน้าผากก็หลั่งเหงื่อเยียบเย็น

เจ็บ

แส้นั้นฟาดลงบนตัวนาง หนามแหลมคมไม่ได้ทะลุผิวหนังนาง แต่ขูดผิวเนื้อนาง ความเจ็บปวดซึมลึกถึงกระดูก

นี่ก็คือรสชาติของการลงทัณฑ์ทรมานแท้จริง

ใบหน้าของคนตรงหน้าบอกนางว่า นี่แค่เริ่มต้น หากอยู่ในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ไม่ต้องอ้างอิงกฎหมายใด

“คุณหนูโค่วเคยได้ยินแปรงอาบหรือไม่” เซียวเหลิ่งสือก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง กลิ่นคาวโลหิตอ่อนๆ ทำให้แววตาเขาตื่นเต้น

เขารู้นานแล้วว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมกับที่นี่ ไม่ใช่เจ้าแซ่เฮ่อที่งามเสียยิ่งกว่าสตรีผู้นั้น

“แปรงอาบน่ะ ก็แค่ถอดเสื้อผ้าออกหมด ราดน้ำเดือดลงบนร่าง แล้วค่อยใช้แปรงเหล็กแปรงอีกที…อ้อ ยังมีน้ำมันเดือด น้ำมันเดือดนี่น่าสนใจ…” เซียวเหลิ่งสือเล่าถึงการลงทัณฑ์ทรมาน แววตาก็ส่องประกาย แลบลิ้นเลียมุมปาก

ซินโย่วมองออกว่านี่คือคนวิปริตที่เห็นการทรมานผู้อื่นเป็นความสุขสันต์

“แน่นอน ทัณฑ์ทรมานพวกนี้จะไม่นำมาใช้กับคุณหนูโค่ว” พอข่มขู่ให้หวาดกลัวแล้ว เซียวเหลิ่งสือก็เผยรอยยิ้มที่มิได้อ่อนโยน “ผู้ใดให้คุณหนูโค่วเป็นผู้มีชื่อเสียงดังในเมืองหลวง”

ซินโย่วย่อมฟังวาจาประสงค์ข่มขู่นี้ออก

ไม่ใช้การลงทัณฑ์ทรมาน แต่วิธีการทั่วไปย่อมนำมาใช้ เช่น ทัณฑ์แส้ที่นางเพิ่งได้ลิ้มรสมาเมื่อครู่

นางโดนแส้ฟาดไปสองที เพราะรองนายกองพันเหยียนลูกน้องใต้เท้าเฮ่อบุกเข้ามาจึงได้หยุดลง จากนั้นก็เห็นรองนายกองพันเหยียนถูกนำตัวไป

เซียวเหลิ่งสือลูบคางไปมา “คุณหนูโค่วงามดังบุปผาหยก ข้ารู้สึกว่าไม่ควรทำให้มีบาดแผลเช่นนี้ พวกเราเปลี่ยนวิธีเล่นใหม่ดีกว่า”

เซียวเหลิ่งสือส่งสายตาให้ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่ง

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้นั้นออกไปแล้วก็กลับมาพร้อมถังไม้ใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ถังใบนั้นลึกมาก ในนั้นมีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง

แววตาสงสัยของซินโย่วพลันเข้าใจทันที

เซียวเหลิ่งสือหัวเราะ “ดูท่าคุณหนูโค่วรู้แล้วว่าถังน้ำนี้นำมาใช้ทำอันใด ตอนนี้คุณหนูโค่วมีอันใดเอ่ยหรือไม่”

ซินโย่วส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้ามิใช่ไม่พูด แต่ไม่รู้จริงๆ”

“เป็นไปไม่ได้!” เซียวเหลิ่งสือแค่นเยาะ “นักเขียนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงคนหนึ่ง ผู้อื่นไม่รู้ก็แล้วไป แต่เจ้าของร้านหนังสือที่ร่วมงานกับเขาจะไม่รู้อันใดเลยหรือ เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ”

“หากใต้เท้าเซียวไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญา” ซินโย่วหลุบตาลง ปิดบังไฟโทสะในแววตาส่วนลึก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูโค่วก็ค่อยๆ ลิ้มรสไปก็แล้วกัน”

ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้นั้นสบสายตาของเซียวเหลิ่งสือแล้ว ก็ก้าวเข้ามาคลายเชือกรัดซินโย่วผลักนางลงไปในถังไม้

“คุณหนูโค่วคิดดีแล้วจริงหรือ”

สิ่งที่ตอบเซียวเหลิ่งสือก็คือความนิ่งเงียบ

มือหนึ่งคว้าบ่าซินโย่ว อีกมือหนึ่งกดศีรษะนางลงไปในน้ำเต็มแรง

มวยผมเปียกน้ำ มวลน้ำแทรกซึมไปทุกส่วนทุกอณู ยามกลั้นลมหายใจไม่ไหว สภาวะขาดอากาศหายใจเข้าห่อหุ้มทั่วร่าง

ทรมาน ความทรมานที่ไร้หนทางหลบหนีถล่มทับถม

ในห้วงเวลานั้น สมองคล้ายเห็นเพียงความว่างเปล่า

เซียวเหลิ่งสือเห็นว่าพอสมควรแล้ว ก็โบกมือให้ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน

แรงที่กดเหนือศีรษะหายไป ซินโย่วผุดลุกขึ้นยืน หอบหายใจหนักหน่วง

น้ำไหลลงจากผม หน้าผาก ข้างแก้ม ปลายจมูก ไหลรดลงมาพร้อมกัน ใบหน้าที่ถูกกดน้ำซีดขาวไร้สีเลือด

เซียวเหลิ่งสือยืนตรงหน้าสาวน้อยที่ใช้คำว่าน่าอนาถมาบรรยายได้ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่ว รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

ซินโย่วยกมือปาดน้ำบนใบหน้า นิ้วมือสั่นเทาอย่างไม่อาจระงับ

ที่นางสั่นมิใช่เพราะหวาดกลัว แต่เป็นปฏิกิริยาทางกายที่ทรมานยากระงับ

นางยังคงดำรงท่าทีเยียบเย็นสงบนิ่ง ยั่วยุให้เขายิ่งโมโห

เซียวเหลิ่งสือพยักหน้าทีหนึ่ง ศีรษะซินโย่วก็ถูกจับกดน้ำทีหนึ่ง

ความรู้สึกขาดอากาศที่คุ้นเคยเข้าโจมตีอีกครั้ง ในสมองพลันมีหมอกขาวแผ่กำจาย สติไร้แรงกำลังควบคุมสิ้นเชิง

ในห้วงความคิดนางมีเพียงเสียงหนึ่ง ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว

ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว…

แรงที่กดเหนือศีรษะจางหายไป ซินโย่วดิ้นรนโผล่พ้นน้ำ หอบหายใจเต็มแรง

เห็นสายตาเยียบเย็นโหดเหี้ยมของชายตรงหน้าที่คล้ายดังมองมดปลวก ในใจนางก็แน่ใจ เสียงที่เอ่ยว่า ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว…

เหตุผล แผนการ การคาดการณ์ ไม่อาจขัดขืนต่ออำนาจเบ็ดเสร็จและความโหดเหี้ยม

นางเลือกแก้แค้น ก้าวเข้าสู่เมืองหลวง ก็ไม่ควรเพ้อฝันว่าเสร็จงานแล้วจะจากไปอย่างลอยนวลได้

นี่คือสิ่งที่นางควรต้องชดใช้

นางผิดไปแล้ว นางคิดต้องการแก้แค้นไปพร้อมกับต้องการอิสรภาพ

ในเมื่อกำลังหาท่านซงหลิง เช่นนั้นนางก็จะให้ท่านซงหลิงปรากฏตัวต่อหน้าฮ่องเต้ของพวกเขาในตอนนี้ เป็นการดำรงอยู่ที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินอย่างเปิดเผยได้

“ความอดทนของคุณหนูโค่วเหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ” เซียวเหลิ่งสือประหลาดใจมากจริงๆ

แม้เขาไม่เคยลิ้มรสความรู้ใกล้ตายยามถูกคนจับกดน้ำ แต่เคยเห็นมาก่อน แม้เป็นผู้ชาย โดนกระทำเช่นนี้สองครั้งก็จะยอมเปิดปาก

นางเป็นเพียงหญิงสาว เหตุใดยังทนรับไหว

เซียวเหลิ่งสือรู้สึกชื่นชมคุณหนูคนหนึ่งขึ้นมาอย่างหาได้ยากยิ่ง

แน่นอนว่าความชื่นชมนี้ไม่อาจเทียบกับความต้องการจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งยิ่งใหญ่ของเขาได้ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

“ข้าชักอยากรู้แล้วว่าคุณหนูโค่วจะอดทนได้ถึงเมื่อใด”

เซียวเหลิ่งสือกำลังจะดำเนินการต่อ ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา กระซิบข้างหูเขาเบาๆ

เซียวเหลิ่งสือสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กวาดตามองซินโย่วทีหนึ่ง

แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงผสมกับโทสะ

ลูกน้องรายงานจบ เซียวเหลิ่งสือมองซินโย่วอีกทีหนึ่งก่อนจะรีบก้าวออกไป

ไม่มีคำสั่งเขา การลงทัณฑ์จากนี้ย่อมหยุดลง

ซินโย่วมองไปยังประตูห้องลงทัณฑ์ หวนนึกถึงสายตาของเซียวเหลิ่งสือและได้ยินรายงาน ก็เริ่มครุ่นคิด

นางฝึกยุทธ์แต่เล็ก หูตาย่อมไวกว่าคนทั่วไป เสียงคนผู้นั้นแม้เบา แต่คำพูดส่วนใหญ่ก็ได้ยินกระจ่าง

ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเข้ามารายงานว่า ซุนกงกงจากในวังมา ต้องการถามเรื่องคุณหนูโค่ว

ดูท่าแล้ว การที่นางหยิบยืมการขาย ‘บันทึกตะวันตก’ มากระจายข่าวว่านางถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวไป มีคนนำเรื่องนี้ไปรายงานคนผู้นั้นแล้ว

ความจริงความเร็วนี้เร็วกว่าที่นางคาดไว้ เพียงแต่ใต้เท้าเซียวที่มาดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือชั่วคราวท่านนี้ลงมือเร็วยิ่งกว่า

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท