ตอนที่ 1,122 เยลลี่
“อาจารย์อาอิ๋นขอรับ ท่านก็ไปฝึกพร้อมกับคนอื่น ๆ ด้วยสิ”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ข้าคิดค้นเคล็ดวิชาลับนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง มันจะช่วยให้ท่านสามารถเลื่อนระดับพลังได้เร็วมาก หากอาจารย์อาอิ๋นปฏิบัติตามได้ถูกวิธี ท่านก็อาจจะเลื่อนขึ้นสู่ขั้นเซียนได้เลยนะขอรับ”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
อิ๋นซานยิ้มแย้มอย่างหมองเศร้า พลางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ “ข้ารู้ดีว่าตนเองมีขีดสุดอยู่ที่ระดับใด อาจารย์ใหญ่เคยบอกกับข้าว่าข้านั้นจะต้องติดอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับหกไปชั่วชีวิต… เฮ้อ ระดับหกก็คือระดับหกเถอะ ว่ากันตามสถานการณ์ของเมืองไป๋หยุนในขณะนี้ เรื่องขั้นพลังของข้าหาใช่เรื่องที่เจ้าควรจะกังวลไม่ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องขึ้นประลองแล้ว โปรดทำจิตใจให้สงบดีกว่า…”
“คำพูดของท่านอาจารย์ใหญ่ไม่ถูกต้อง”
หลินเป่ยเฉินว่า “โบราณมีคำกล่าวว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อตั้งใจฝึกฝนในทุกวัน จะอย่างไรก็ต้องเกิดการพัฒนา”
หัวคิ้วของอิ๋นซานเลิกขึ้นสูงเล็กน้อย
ทำไมนางถึงไม่เคยได้ยินคำโบราณเหล่านี้มาก่อนเลยนะ?
จากนั้นจึงได้ยินหลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “การกอบกู้เมืองไป๋หยุน เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน หากเอาแต่เชื่อฟังคำพูดของอาจารย์ใหญ่ สำนักกระบี่อมตะไม่ถึงคราวล่มสลายแล้วหรือ? อาจารย์อาอิ๋นขอรับ ศิษย์หลานผู้นี้คิดแนะนำท่าน อย่าได้เชื่อถือคำพูดของผู้อื่นมากเกินไป…”
อิ๋นซานพลันหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“มาเถอะ อย่าได้ปฏิเสธเลยขอรับ ข้าจะพาท่านไปร่วมออกกำลังกายพร้อมกับทุกคน”
หลินเป่ยเฉินไม่สนใจอีกแล้วว่าอาจารย์อาสาวแสนสวยของเขาจะปฏิเสธหรือไม่ เด็กหนุ่มจึงถือวิสาสะจับมือที่นุ่มนิ่มของอิ๋นซานและฉุดลากนางไปยังลานด้านหน้าตึก
เอ๊ะ?
อิ๋นซานงงงวย ใบหน้าร้อนผ่าว
ยังไม่ทันจะได้มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ นางก็ถูกฉุดดึงราวกับหุ่นกระบอกมาปรากฏตัวอยู่ที่ลานด้านหน้าตึกเรียบร้อยแล้ว
“ฝากด้วยนะ”
หลินเป่ยเฉินเหวี่ยงตัวอาจารย์อาอิ๋นซานให้ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เฉียนเหมยกับเฉียนเจิน
เพี้ยะ!
อากวงสะบัดสายแส้ข่มขู่
อย่าหยุดออกกำลังกาย
เคลื่อนไหวกันต่อไป
ทุกคนยังคงเต้นแอโรบิกไม่หยุดยั้ง
หลินเป่ยเฉินลอบถอนตัวออกมาและนำอาหารเสริมทั้งหมดนั้นไปผสมในอาหารกลางวันให้ลูกศิษย์สำนักกระบี่อมตะรับประทาน
เด็กหนุ่มรอคอยผลลัพธ์
หากผงเพิ่มอะดรีนาลีนเหล่านี้ใช้ได้ผล เขาก็ยังไม่ต้องใช้ผลกวนเจี๋ยในตอนนี้
เหตุผลสำคัญก็คือหลินเป่ยเฉินไม่สามารถหาผลกวนเจี๋ยมาเพิ่มเติมได้อีก สำหรับสถานการณ์ของเขาในปัจจุบัน เท่ากับมีแต่รายจ่าย หาได้มีรายได้ไม่
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา
กำหนดการประลองกระบี่รอบที่สามก็มาถึงแล้ว
การจับสลากเสร็จสิ้น
ปรากฏว่าเหยียนหรู่อี้มีโชคดีเทียมฟ้า
สำนักคฤหาสน์กำยานจับได้แผ่นป้ายที่ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศโดยไม่ต้องแข่งขัน
ดังนั้น พวกของหลินเป่ยเฉินจึงมานั่งบนอัฒจันทร์เพื่อรอชมการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านระหว่างตัวแทนจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุกับตัวแทนจากเมืองไป๋หยุน
แต่เช้าวันนี้เอง ก่อนถึงกำหนดการประลองเพียงไม่กี่อึดใจ ข่าวที่น่าตกตะลึงก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองไป๋หยุน
สำนักกระบี่สายฟ้าวายุประกาศขอถอนตัวจากการประลอง
“ไม่มีทาง ทำไมถึงมาถอนตัวเอาเกือบรอบสุดท้าย?”
“ถอนตัวเนี่ยนะ?”
“สำนักกระบี่สายฟ้าวายุคิดว่าตนเองจะสู้ตัวแทนจากเมืองไป๋หยุนไม่ได้หรืออย่างไร?”
“ไม่น่าใช่ ถึงลู่กวนไห่จากเมืองไป๋หยุนจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะโค่นตัวแทนจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุได้แน่ ๆ”
“เห็นว่าเป็นเพราะเม่ยหลินผู้แข็งแกร่งจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดออกมาในรอบที่แล้ว ส่งผลให้ในขณะนี้ อาการบาดเจ็บของเขาจึงสาหัสมากยิ่งขึ้น และเขาก็สูญเสียพลังต่อสู้ไปทั้งหมด ทำให้จำเป็นต้องถอนตัวไปในที่สุด”
“เป็นเช่นนี้เองหรือนี่?”
เสียงพูดคุยดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง
ในเมืองของมือกระบี่ ข่าวที่ปรากฏออกมาย่อมไม่ใช่ข่าวโคมลอย ในไม่ช้า เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้สำนักกระบี่สายฟ้าวายุต้องประกาศถอนตัวก็ได้รับการเปิดเผยออกมา
เหตุผลนั้นก็คือเม่ยหลินใช้เวลายี่สิบกว่าปีของตนทุ่มเทฝึกการใช้กระบี่สายฟ้ามาตลอดชีวิต และกระบี่สายฟ้าของเขาก็ไม่เคยถูกชักออกจากฝักมาก่อน เมื่อชักมันออกมาจากฝักแล้ว ใต้หล้าล้วนเกิดการสั่นสะเทือน
แต่การต่อสู้กับสำนักมหากระบี่ก็ทำให้เม่ยหลินสูญเสียพลังไปไม่น้อย
และเพื่อใช้งานกระบี่สายฟ้าในวันนั้น เม่ยหลินจึงต้องแลกมาด้วยพลังยุทธ์ทั้งหมดของตน ส่งผลให้ในขณะนี้ ชายหนุ่มไม่สามารถหยิบจับอาวุธต่อสู้ได้อีกแล้ว
“เป็นความจริงด้วยสินะ”
เมื่อได้รับทราบข่าวนี้ แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็อดตกตะลึงไม่ได้
ดังนั้น การต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านในรอบรองชนะเลิศจึงไม่เกิดขึ้น
ส่วนกำหนดการประลองรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นบนยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิงในอีกสามวันต่อจากนี้ และผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายก็จะได้ครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุน
แต่หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
งานประลองกระบี่ในครั้งนี้เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันมากเกินไป
หากเป็นคนดูที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม ก็คงต้องประท้วงเรียกร้องขอคืนเงินแน่นอน
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าในที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจะกลายเป็นสองสำนักที่ได้รับการจับตามองน้อยที่สุดอย่างสำนักคฤหาสน์กำยานและกลุ่มตัวแทนจากเมืองไป๋หยุน
นี่คือความรู้สึกที่ออกจะแปลกประหลาดไม่น้อย
เปรียบเปรยให้เห็นภาพชัดเจน ก็คงไม่ต่างจากทีมฟุตบอลทีมชาติจีนและทีมชาติเวียดนาม ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันชิงแชมป์ฟุตบอลโลกนั่นเอง
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
เพราะสมาธิของเขาในตอนนี้ กำลังทุ่มเทอยู่ที่ภารกิจการออกกำลังกายของแอป Keep ต่างหาก
ตราบใดที่สามารถทำภารกิจเสร็จทันกำหนดเวลา เขาก็จะได้เลื่อนขอบเขตขึ้นไปสู่ขั้นเซียนระดับสี่ และนั่นก็จะทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถใช้กระบี่เงินของเขาต่อกรกับขั้นเซียนระดับหกและระดับเจ็ดได้อย่างไม่มีปัญหา
ฮ่า ๆๆ
เมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอในรอบชิงชนะเลิศเป็นใคร หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า ความคืบหน้าของภารกิจออกกำลังกายกลับไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่
ระยะเวลาในการทำภารกิจเหลืออีกสามวันเท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนนี้ก็คือ…
ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายที่ต้องการห้าคนนั้น ยังไม่มีปรากฏขึ้นมาเลยสักคน
ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนต้นที่ต้องการสิบคน ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วสี่คน
ขั้นปรมาจารย์ตอนปลายที่ต้องการสามสิบคน ก็ปรากฏขึ้นมาแล้วสิบห้าคน
แน่นอนว่าสำหรับลูกศิษย์ที่มีขั้นพลังอ่อนแอที่สุดนั้น ยังห่างไกลจากการเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายอย่างน่าเป็นห่วง
ให้ตายเถอะ…
นี่เท่ากับหลินเป่ยเฉินเพิ่งทำภารกิจได้สำเร็จเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น…
แม้ว่าศิษย์สำนักกระบี่อมตะทุกคน รวมไปถึงสองผู้อาวุโสคนสำคัญอย่างสือจงเซิ่งกับอิ๋นซานจะตกตะลึงกับประสิทธิภาพของการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง และในขณะนี้ พวกเขาก็คุ้นเคยกับการเต้นแอโรบิก เล่นโยคะ วิดพื้นออกกำลังด้วยท่าทางมาตรฐานทั้งหมดแล้ว ความแข็งแกร่งโดยรวมของศิษย์สำนักกระบี่อมตะจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด…
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉินนี่ยังถือว่าเชื่องช้ามากเกินไปอยู่ดี
“ดูเหมือนคงต้องใช้ยาแรงมากกว่านี้แล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับของตนเอง
เขาตัดสินใจนำแผนการฟื้นฟูเผ่าจันทราขาวมาใช้กับสำนักกระบี่อมตะ
เด็กหนุ่มใช้เวลาครึ่งวันกับการกดสั่งสินค้าและจ่ายศิลาบูชาไปอีก 1,800 ก้อน หลังจากนั้นเขาก็ได้รับพัสดุเป็นสารสกัดชูกำลังชนิดผงชงน้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์เวย์โปรตีน เห็ดหลินจือสกัดชนิดผง น้ำมันตับปลาชนิดเม็ด และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน…
“เฮ้อ รอบนี้เหมือนจะขาดทุนเลยเว้ยเฮ้ย”
หลินเป่ยเฉินอยากจะร้องไห้ขณะผสมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้งหมดในอัตราส่วนที่เหมาะสมลงไปในไหน้ำดื่ม สุดท้ายน้ำดื่มก็ออกมามีสีสันแปลกตาเหลือเกิน…
แย่แล้วสิ
น้ำดื่มเริ่มจับตัวเป็นก้อนเหนียวหนืด
นี่เรียกว่าน้ำดื่มไม่ได้อีกแล้ว
ถ้าอย่างนั้นจะทำเป็นอะไรดีนะ?
สงสัยคงต้องทำเป็น…
เอ่อ คงต้องทำเป็นเยลลี่แล้วละ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ต่อให้ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่อมตะจะเชื่อใจในตัวหลินเป่ยเฉินขนาดไหน แต่จะให้นำสิ่งของหน้าตาประหลาดแบบนี้เข้าปาก เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
หลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่
“มาแล้วจ้า วุ้นวิเศษมาแล้ว ข้าอุตส่าห์ลงมือกวนด้วยตัวเองเลยนะเนี่ย”