ตอนที่ 1,140 ผู้อาวุโสฉีปรากฏตัว
สีหน้าของผู้อาวุโสชนชั้นผู้นำสำนักใหญ่ทั้งสี่จึงผ่อนคลายลงทันที
เมื่อสักครู่ พวกเขาหลงคิดตื่นตระหนกว่าหากสตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดนั้นได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตขึ้นมา พวกเขาก็จะพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย…
แต่เมื่อชายชราผู้สวมใส่ชุดกระสอบป่านเก่าขาดสภาพคล้ายยาจกพเนจรผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น หัวใจของเจี๋ยนอู่จี ซยงป่า เจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวนามว่าเสวี่ยนเม่ย และถังหลิวฮัวก็กระตุกวูบ
ผู้อาวุโสฉี
ในที่สุด ชายชราผู้ควบคุมงานประลองกระบี่ก็ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงแล้ว
การลงมือของเขาเพียงครั้งเดียวกลับสามารถสลายการโจมตีของชนชั้นผู้นำสี่สำนักใหญ่ได้อย่างง่ายดาย นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของผู้อาวุโสฉีได้อย่างชัดเจน
“คารวะผู้อาวุโสฉี”
“คารวะผู้อาวุโสฉี”
ชนชั้นผู้นำสี่สำนักใหญ่พร้อมใจกันประสานมือทำความเคารพ
สำหรับชายชราซอมซ่อผู้นี้ พวกเขาเพียงเคยได้ยินตำนานเล่าขานจากลมปากผู้คน บัดนี้เมื่อได้มีวาสนาพบเห็นการแสดงฝีมือด้วยตาของตนเอง สีหน้าของทุกคนจึงปรากฏความเคารพเลื่อมใส
“ได้โปรดยุติแต่เพียงเท่านี้เถอะ”
ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชายชรายืนอยู่กลางอากาศ พลังลมปราณแทบไม่แผ่ออกมาจากร่างกายสักนิด ที่หัวไหล่ของเขาสะพายไม้เท้าไม้ไผ่ด้ามหนึ่ง ข้างเอวเหน็บด้วยขวดน้ำเต้าบรรจุสุราอีกหนึ่งขวด ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงตกลงมาปรกหน้าปรกตา ทำให้ผู้คนมองเห็นสีหน้าของชายชราไม่ชัดเจน
“กราบเรียนผู้อาวุโสฉี เมืองไป๋หยุนสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ พวกเรามีหลักฐานหนาแน่น ข้าน้อยรอคอย…”
เจี๋ยนอู่จีผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่สีหน้าแปรเปลี่ยนไป พยายามจะอธิบายอะไรบางอย่าง
แต่กล่าวยังไม่ทันจบ
ฟู่!
ม่านโลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากหัวไหล่ซ้ายของเจี๋ยนอู่จี
“โอ๊ย…”
เจี๋ยนอู่จีสะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นกดบาดแผลบนหัวไหล่เพื่อห้ามเลือดโดยไม่รู้ตัว
นี่เขาบาดเจ็บหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ถูกโจมตีตอนไหนกัน?
เจี๋ยนอู่จีโดนโจมตีโดยไม่รู้ตัว
เขาเห็นเพียงหมากล้อมสีขาวเม็ดหนึ่งกำลังลอยวนเวียนอยู่เหนือศีรษะห่างออกไปไม่กี่วา และหมากล้อมเม็ดนั้นก็มีโลหิตไหลหยดลงมาจากกลางอากาศ
เป็นโลหิตของเจี๋ยนอู่จีเอง
หรือว่าเมื่อสักครู่ เขาจะถูกหมากล้อมเม็ดนี้โจมตี?
เจี๋ยนอู่จีรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ
“นี่คือคำเตือน”
ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีเหตุผลอันใด แต่การประลองกระบี่ต้องดำเนินต่อไปตามเดิม รอให้การประลองกระบี่จบลงเสียก่อน พวกเจ้าค่อยมาจัดการปัญหาของตัวเองก็ยังไม่สาย”
ผู้อาวุโสฉีอยู่ฝ่ายเดียวกับสตรีที่สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาด
เขามีหน้าที่ทำให้แน่ใจว่าการประลองกระบี่จะดำเนินไปอย่างราบรื่น
“แต่ว่า…”
เว่ยตงเฉิงผู้นำสำนักกระบี่ทรงกลดพยายามไม่เปิดเผยถึงความไม่พอใจของตนเองขณะกล่าวว่า “ผู้อาวุโสฉีขอรับ ข้าน้อยหาได้มีเจตนาลบหลู่ท่าน แต่เมืองไป๋หยุนสมคบคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ ต่อให้จัดการประลองกระบี่ต่อไป พวกเขาก็จะใช้กลโกงข้อนี้เอาชนะได้ในที่สุด ตำแหน่งเซียนกระบี่จะต้องตกเป็นของพวกเขา ผู้อื่น…”
กล่าวยังไม่ทันจบประโยค
ฟู่!
ม่านโลหิตก็พุ่งกระจายออกมาจากหัวไหล่ของเว่ยตงเฉิง
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสฉีเริ่มบอกชัดถึงความรำคาญใจ
เม็ดหมากล้อมสองตัวสีดำกับสีขาวบินวนเวียนอยู่รอบกายราวกับข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ มันไม่มีลักษณะแตกต่างไปจากเม็ดหมากล้อมทั่วไป แต่กลับสร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
เจี๋ยนอู่จี เว่ยตงเฉิง ซยงป่า เสวี่ยนเม่ยและถังหลิวฮัวต่างก็หันมองสบตากัน
บรรยากาศปกคลุมอยู่ในความเงียบ
“กราบเรียนผู้อาวุโส ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยคงต้องขอล่วงเกิน”
เจี๋ยนอู่จีรวบรวมพลังลมปราณ เปลวไฟสีเทาพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่ได้ปลดปล่อยพลังของตนเองออกมาเต็มอัตราแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ชนชั้นผู้นำสำนักใหญ่ทั้งสี่ต่างก็โคจรพลังลมปราณของตนเองออกมาเต็มอัตราเช่นกัน
ซยงป่า เว่ยตงเฉิง เสวี่ยนเม่ยและถังหลิวฮัว สี่คนนี้ล้วนเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูง เมื่อระเบิดพลังลมปราณออกมาเต็มอัตรา สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบต่างก็รู้สึกติดขัดหายใจไม่สะดวก
พวกเขาผนึกกำลังร่วมมือกัน
ไม่มีผู้ใดจะสามารถขัดขวางได้
ผู้มีพลังขั้นเซียนทั้งห้าจู่โจมเป้าหมายอย่างพร้อมเพียง
แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าตนเองจะชนะ
หลังจากลงมือจู่โจมออกไปแล้ว
“น่ารำคาญเสียจริง”
ผู้อาวุโสฉีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ควับ!
ไม้เท้าไม้ไผ่ที่สะพายอยู่บนหัวไหล่ได้มาปรากฏอยู่ที่มือของเขาแล้ว
“พรึ่บ!”
ไม้เท้าไม้ไผ่ของผู้อาวุโสฉีฟาดฟันเข้าใส่กระบี่ในมือของเจี๋ยนอู่จี กระบี่สีเทาในมือเขาระเบิดกระจาย เช่นเดียวกับมือขวาที่กลายเป็นม่านหมอกเลือด รวมไปถึงแขนขวาทั้งข้างที่แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย…
พลังลมปราณสลายหายไป
เช่นเดียวกับตัวคนที่ระเบิดกระจาย
ทันใดนั้น…
วูบ! วูบ!
เม็ดหมากล้อมสีขาวดำทั้งสองเม็ดได้เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปอีกครั้ง
ตู้ม! ตู้ม!
เกิดการระเบิดขึ้นสองครั้งต่อเนื่องกัน
กระบี่ในมือของถังหลิวฮัวเจ้าสำนักกระบี่มายากับกระบี่ในมือของเว่ยตงเฉิงจากสำนักกระบี่ทรงกลดพลันระเบิดกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และในเวลาเดียวกันนั้น ม่านหมอกเลือดสองกลุ่มใหญ่ก็ระเบิดตัวในอากาศ!
พวกเขาก็ถึงแก่ความตายตกตามกันไป
ขณะนั้น เจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวและเจ้าสำนักกระบี่สนธยา ซึ่งมีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับสูงเช่นกัน ก็เข้าไปประชิดตัวผู้อาวุโสฉีสำเร็จแล้ว
ชายชรายังคงตวัดไม้เท้าไม้ไผ่ของตนเองต่อไป
นอกจากนั้น ขวดน้ำเต้าที่ข้างเอวยังพุ่งเป็นลำแสง กระแทกเข้าใส่กระบี่กระดูกยักษ์ ส่งผลให้มวลกระบี่กระดูกของเจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวสลายหายไปกลายเป็นเพียงหมอกควันเลือนราง
และขวดน้ำเต้ายังกระแทกเข้าใส่เจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับหกจนร่างกายแหลกสลายตามไปอีกด้วย
ลมหายใจต่อมา ผู้อาวุโสฉีหมุนวนมือซ้ายในอากาศ
ฉับพลันนั้น กระบี่ในมือของเจ้าสำนักกระบี่สนธยาก็แหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ก่อนที่ตัวคนจะระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด…
ชนชั้นนำของห้าสำนักใหญ่ร่างระเบิดกระจายถึงแก่ความตายในไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
“สวรรค์ทรงโปรด”
ลั่วเซวียนผู้ยืนอยู่ห่างไกลลอบอุทานออกมาด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
บรรดาผู้คนจากหลากหลายสำนักใหญ่รู้สึกดวงตาของตนเองมืดมัว พวกเขาล้วนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองเพิ่งพบเห็น
กลุ่มผู้นำจากห้าสำนักใหญ่หาใช่สุนัขข้างถนน แต่ชายชราผู้สวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดผู้นี้ กลับสามารถสังหารทุกคนได้ในพริบตาเดียว
ในโลกนี้มีบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?
หรือว่าเขาจะเป็นเทพเจ้า?
ผู้อาวุโสฉีคลายฝ่ามือออก แล้วเม็ดหมากล้อมสีขาวดำทั้งสองตัวนั้นก็ลอยกลับมาประจำการอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับไม้เท้าไม้ไผ่ที่กลับมาสะพายอยู่บนหัวไหล่ และขวดน้ำเต้าบรรจุสุราที่กลับมาเหน็บอยู่ข้างเอว “เพียงเท่านี้ก็คงพอแล้วกระมัง…”
แต่ในพริบตานั้นเอง บังเกิดแสงสว่างวูบวาบ
และร่างของผู้นำระดับเจ้าสำนักทั้งห้าที่แตกกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด ก็ย้อนกลับคืนสู่รูปร่างมนุษย์ กลับมาเป็นเจี๋ยนอู่จี ซยงป่า เว่ยตงเฉิง ฉ่วนเม่ยและถังหลิวฮัวอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโส!”
ลั่วเซวียนร้องอุทานออกมาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
นางเคยรับทราบมาแล้วว่าสำหรับผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูง ต่อให้แขนขาดขาขาด ก็สามารถงอกแขนขากลับขึ้นมาใหม่ได้
แต่ลั่วเซวียนคิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายที่ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดไปเช่นนี้จะสามารถรวมร่างกลับขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ขณะนี้ ดูเหมือนลู่กวนไห่จะได้เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
สีหน้าของนางประหลาดพิกล เจือปนด้วยความหวาดกลัวและความโกรธแค้นที่ไม่อาจควบคุม
“ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”
ผู้อาวุโสฉีระเบิดเสียงคำราม
เม็ดหมากล้อมขาวดำสองตัวนั้นพุ่งเป็นลำแสงออกไปอีกครั้ง
เป้าหมายในการเล่นงานยังคงเป็นพวกของเจี๋ยนอู่จีทั้งห้าคนเช่นเดิม
แต่การลงมือคราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เม็ดหมากล้อมทั้งสองตัวแฝงพลังคุกคามกดดันหนักหน่วงมากขึ้น
เคร้ง! เคร้ง!
พลังสีทองสาดกระจายในอากาศ
พวกของเจี๋ยนอู่จีทั้งห้าพลันมีม่านพลังสีทองคำกางออกมาขวางกั้นไว้
ก่อนที่ชายหนุ่มผมขาวชุดดำผู้หนึ่งจะปรากฏกายออกมา บนหน้าผากของเขาปรากฏอักขระสีม่วงเข้มขึ้นเต็มพรืด
ชายหนุ่มผู้นี้มีผิวขาวราวกับหยก หน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลัก คิ้วดำเข้ม ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า บนศีรษะสวมใส่ด้วยมงกุฎสีทองคำ ไม่ว่ามองจากมุมใดก็เต็มไปด้วยสง่าราศีราวเทพบุตรที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์
ไม่ว่าผู้ใดเมื่อได้พบเห็นชายหนุ่มผู้นี้ ต่างก็รู้สึกอยากจะคุกเข่ากราบไหว้บูชาโดยไม่มีเหตุผล
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดที่นิ่งเงียบมาตลอดเวลาพอเห็นการปรากฏตัวของบุรุษหนุ่มผมขาว นางก็อดอุทานออกมาไม่ได้
“เว่ยหมิงเฉิน ตลอดเวลาเจ้าเอาแต่มุดหัวหดหาง ในที่สุดก็กล้าเสนอหน้าออกมาแล้ว ฮ่า ๆๆ…”
เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นและคลุ้มคลั่งดังออกมาจากส่วนลึกของจวนท่านเจ้าเมือง ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าท่านเจ้าเมืองหนุ่มอย่างฉู่อวิ๋นซุนมีเส้นผมกลายเป็นสีแดงโลหิตตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้เขากำลังพุ่งทะยานออกมาจากคฤหาสน์ ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวหนึ่ง