ตอนที่ 1,153 ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้
ฉู่อวิ๋นซุนพ่นลมผ่านทางจมูกและกล่าวว่า “ดูก่อนเถอะ ท่านพูดอะไรออกมา? เกิดเจ้าเด็กนั่นถูกฆ่าตาย ใครจะรับผิดชอบ?”
เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหลินเป่ยเฉิน
อย่างไรเด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ประจำเมืองไป๋หยุน ฉู่อวิ๋นซุนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปกป้อง
พลัน ลู่กวนไห่จับแขนท่านเจ้าเมืองหนุ่มและกล่าวว่า “พวกเรายืนดูอยู่เฉย ๆ ก่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากัน”
ฉู่อวิ๋นซุนพยักหน้าทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เข้าใจแล้ว”
สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดพูดอะไรไม่ออก
นับเป็นบุรุษที่เชื่อฟังภรรยาอย่างยิ่ง
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ หากเราไม่เข้าไปช่วยหลินเป่ยเฉิน เขาอาจจะ…”
เสี่ยวหรานที่มีแววตาคาดหวังพลันเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาทันที เขาจ้องมองการต่อสู้ที่อยู่ห่างไกลออกไปพร้อมกับกล่าวว่า “…ตกอยู่ในอันตรายได้นะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินทำให้เสี่ยวหรานประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ในสายตาของเขา หลินเป่ยเฉินได้ถือเป็นชาวเมืองไป๋หยุนคนหนึ่งไปแล้ว
ดังนั้นเสี่ยวหรานจึงไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับหลินเป่ยเฉิน
แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะแสดงออกถึงการหาผลประโยชน์ส่วนตนขณะไล่ล่าสังหารเจี๋ยนอู่จี ซยงป่าและควงซวีจือก่อนหน้านี้ แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็สามารถกำจัดศัตรูได้อย่างราบคาบ…
แต่สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดกลับไม่คิดช่วยเหลือ
อันที่จริง ด้วยตำแหน่งฐานะของเสี่ยวหราน เขาไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นต่อหน้าสตรีนางนี้
แต่โชคดีที่ความเป็นกังวลของเสี่ยวหรานไม่เป็นความจริง
เพราะการต่อสู้ดำเนินไปได้ไม่นาน
ค่ายอาคมกระบี่ของหลินเป่ยเฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง ไม่ว่ามันโจมตีใส่ผู้ใด ก็ยากที่เป้าหมายจะสามารถต้านทานได้
ความพิเศษของค่ายอาคมกระบี่ก็คือ หากผู้ใดสามารถค้นพบค่ายอาคมที่สมบูรณ์แบบ ต่อให้ศัตรูมีพลังแข็งแกร่งกว่าตนเองหลายเท่า ก็ยังสามารถเอาชนะได้อย่างไม่มีปัญหา
และนั่นคือค่ายอาคมกระบี่ของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มลงมือด้วยความดุดันรุนแรง
ฆ่าเป็นฆ่า ไม่มีเมตตา
ทุกคนเห็นแต่ประกายกระบี่ลอยเต็มเพดานสุสานใต้ดิน
หลินเป่ยเฉินสวมใส่ชุดสีขาว ลอยตัวอยู่ในอากาศ ชายเสื้อคลุมปลิวไสว เส้นผมสีดำปลิวไสว ไม่ต่างจากเซียนกระบี่บนสวรรค์ลงมาเที่ยวชมโลกมนุษย์ เมื่อผนวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาและร่างกายที่มีสง่าราศี เด็กหนุ่มผู้นี้จึงมีเสน่ห์อย่างที่ผู้ใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“นี่แหละเซียนกระบี่ที่แท้จริง”
เม่ยฮัวโส่วเจ้าสำนักกระบี่สายฟ้าวายุอุทานออกมาด้วยความปลาบปลื้ม
“ไม่น่าเชื่อ เมืองเล็ก ๆ อย่างไป๋หยุนกลับมีเพชรเม็ดงามเช่นนี้อยู่ในมือ”
ฮั่วเฟยฮัวเจ้าสำนักคฤหาสน์กำยานอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ยากนักที่จะพบมังกรใหญ่อยู่ในบ่อปลาน้อยเช่นนี้
พญาเสือย่อมไม่สามารถพบเห็นได้ที่ชายป่า
นี่จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
ฮั่วเฟยฮัวถึงกับเริ่มวางแผนว่าจะให้หลินเป่ยเฉินแต่งงานกับศิษย์ในสำนักของตนเองดีหรือไม่ แม้ว่าสำนักคฤหาสน์กำยานจะไม่ยอมรับศิษย์ที่เป็นบุรุษ แต่ไม่มีข้อใดกำหนดว่าห้ามรับศิษย์เขยเข้าสู่สำนัก ดังนั้นหนทางที่หลินเป่ยเฉินจะเข้าสู่สำนักคฤหาสน์กำยานจึงยังคงมีทางเป็นไปได้
เจิ้นหรู่หลงหนึ่งในสามผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงกล่าวออกมาเสียงดังว่า “เด็กผู้นี้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก แม้ว่าจะไม่ได้สังกัดสำนักใหญ่ในแผ่นดิน แต่กลับมีความแข็งแกร่งเทียมฟ้า ด้วยระดับพลังของเขาสมควรถูกบรรจุอยู่ในทำเนียบยอดมือกระบี่ดาวรุ่งจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความหล่อเหลาและความมีสง่าราศี เรียกได้ว่าเขาเอาชนะเว่ยหมิงเฉินได้หลายช่วงตัว”
หลินเป่ยเฉินสังหารซยงป่า ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ ดังนั้นเจิ้นหรู่หลงจึงประเมินเด็กหนุ่มอย่างสูงส่งมากทีเดียว
สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดนามแม่นางหลินยังคงยืนมองอยู่ในความเงียบ ไม่พูดคำใดออกมา
“อ๊าก…”
ได้ยินเสียงร้องดังขึ้น
เป็นเจ้าสำนักกระบี่มายาถังหลิวฮัวส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาถูกทิ่มแทงด้วยกระบี่หลายร้อยเล่ม ก่อนที่ตัวคนจะระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด…
ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงที่เหลืออยู่สามคนได้เสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน
บัดนี้เหลือเพียงเว่ยตงเฉิงกับเสวี่ยนเม่ยที่ตกอยู่ในอันตราย
“เหตุไฉนสุนัขน้อยตัวนี้ถึงได้แข็งแกร่งนัก?”
เว่ยตงเฉิงทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธแค้น บนหน้าผากผุดพราวด้วยเม็ดเหงื่อ
ต้องทราบก่อนว่าผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงต่อให้แขนขาขาดก็สามารถงอกคืนกลับมาใหม่ ตราบใดที่ไม่ได้โจมตีโดนจุดสำคัญ ไม่ว่าอาการบาดเจ็บใดล้วนเยียวยารักษาได้ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะสำหรับพวกเขาที่ได้รับการแบ่งปันพลังธุลีดาวมาจากนายท่านเว่ยหมิงเฉิน หากเป็นอาการบาดเจ็บทั่วไป ต่อให้ร่างกายแตกสลายเป็นม่านหมอกเลือด ก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ได้เสมอ…
แต่ดูเหมือนกระบี่เงินไร้ชื่อในมือของหลินเป่ยเฉินจะมีอานุภาพต้านทานพลังธุลีดาว ทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระบี่เล่มนี้ ไม่สามารถคืนชีพหรือเยียวยาอาการบาดเจ็บได้เลย
ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เคยได้ยินอานุภาพความน่ากลัวจากกระบี่เงินของหลินเป่ยเฉินมาแล้ว แต่ตอนนั้น ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นเพียงข่าวลือไร้ข้อเท็จจริง
แต่ดูเหมือนบัดนี้…
นายท่านของพวกเขาจะประมาทมากเกินไป
ในขณะที่กำลังขบคิดด้วยความเคร่งเครียด หัวใจของเว่ยตงเฉิงกับเสวี่ยนเม่ยก็รู้สึกหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กระบี่เงินพุ่งเข้ามาแล้ว
“ข้า…”
ทันใดนั้น ในสมองของเว่ยตงเฉิงมองเห็นแต่ภาพอดีตของตนเอง
เด็กหนุ่มขี้อายผู้หนึ่งเข้าสู่สำนักกระบี่สนธยา เด็กหนุ่มผู้นั้นเติบโตขึ้นมาด้วยเส้นทางที่อำมหิต เมื่อก้าวเข้าสู่วัยฉกรรจ์ เขาก็สามารถขึ้นครองตำแหน่งเจ้าสำนักกระบี่สนธยาได้สำเร็จและมีผู้คนนับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก…
นั่นคือชีวิตของเว่ยตงเฉิง
ชีวิตของเขาสมควรถูกเรียกว่าตำนาน แต่บัดนี้ ตำนานกำลังดำเนินมาถึงจุดจบแล้ว
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
กระบี่หลายร้อยเล่มแทงทะลุร่างของเว่ยตงเฉิงอย่างรวดเร็ว ศีรษะของเขาขาดกระเด็น ตัวคนระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
โลหิตสาดกระจายในอากาศ
บัดนี้ ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวก็คือเจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาว เสวี่ยนเม่ย
ได้ยินเสียงกระบี่บินเข้ามา
มวลกระบี่สาดซัดเข้ามาไม่ต่างจากสายฝน
“เคี๊ยก ๆๆๆๆ…”
เจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ ดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากเป็นประกายด้วยความเศร้าโศก
ในชีวิตของมือกระบี่ทุกคนย่อมทราบดีว่าสักวันหนึ่งตนเองก็ต้องถึงแก่ความตาย หากโชคดีก็ตายด้วยความชรา หากโชคร้ายก็ตายภายใต้คมกระบี่ของผู้อื่น นี่คือสัจธรรมที่ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีได้ เสวี่ยนเม่ยเองก็ทราบ แต่เมื่อความตายมาเยือน มันก็เป็นสิ่งที่ยากต่อการยอมรับอยู่ดี
วูบ!
กระบี่เงินพุ่งทะลวงหัวใจของเสวี่ยนเม่ยอย่างไร้ความปรานี
หัวใจของผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 8 ถูกแทงทะลวงได้ง่ายดายราวกับหัวใจของมือกระบี่ชนชั้นธรรมดาผู้หนึ่ง
“เคี๊ยก ๆๆๆ แล้วนายท่านจะมาแก้แค้นให้แก่พวกเรา”
เมื่อถูกพายุกระบี่ทิ่มทะลวงร่างกายหลังจากนั้น เสวี่ยนเม่ยก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความคลุ้มคลั่งและกัดฟันกล่าวว่า “เด็กน้อย เจ้าเตรียมตัวรอรับความตายได้เลย”
พรึ่บ!
กระบี่หลายร้อยเล่มพุ่งทะลวงร่างกายของเสวี่ยนเม่ยพร้อม ๆ กัน
ส่งผลให้ตัวคนระเบิดกระจายกลายเป็นละอองโลหิต
ในขณะที่กระบี่หลายร้อยเล่มบินฉวัดเฉวียนอยู่ในอากาศ กระบี่เงินเล่มใหญ่ของหลินเป่ยเฉินก็ช้อนรับถุงเก็บสมบัติที่ตกลงมาได้อย่างทันท่วงที
เป็นอันจบสิ้นการต่อสู้
นับตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงซึ่งเป็นผู้นำสามสำนักใหญ่กลับต้านทานค่ายอาคมกระบี่ของหลินเป่ยเฉินได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปด้วยซ้ำ
ภารกิจที่พวกเขาได้รับมอบหมายล้มเหลวไม่เป็นท่า
และหากจะนับผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้อีกสามคนอย่างเจี๋ยนอู่จี ซยงป่าและควงซวีจือ นั่นก็หมายความว่าหลินเป่ยเฉินสามารถสังหารผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงได้ถึงหกคนในเวลาเพียงก้านธูปเดียวเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะค่ายอาคมกระบี่ของเขา
การสังหารเป็นไปด้วยความรุนแรงและอำมหิต
น่ากลัวมากเกินไป
ยอดฝีมือขั้นเซียนระดับสูงทั้งหกคนที่เสียชีวิตไปนั้น แต่ละคนล้วนเป็นระดับเจ้าสำนักใหญ่แห่งแผ่นดินตงเต้า
มิหนำซ้ำ แต่ละคนยังมีอายุขัยยืนยาว ขอบเขตพลังก้าวขึ้นมาอยู่ในขั้นที่มือกระบี่ทั่วดินแดนเฝ้าใฝ่ฝันที่จะบรรลุถึง
แต่พวกเขากลับต้องมาเสียชีวิตราวกับสุนัขข้างถนน นี่เรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
มันสมควรถูกเรียกว่าการไล่ล่าสังหารแต่เพียงฝ่ายเดียวของหลินเป่ยเฉิน
เพราะเมื่อการต่อสู้จบลง หลินเป่ยเฉินเพียงผมเพ้ายุ่งเหยิงมากกว่าเดิมเล็กน้อย แต่บนร่างกายกลับไม่มีบาดแผลเลยสักรอยเดียว
“นี่มัน… ไม่มีขั้นเซียนผู้ใดสามารถต่อสู้กับเขาได้เลยหรือ?”
ไม่ทราบเลยว่าเป็นผู้ใดกล่าวประโยคนี้ออกมา แต่คนผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือยิ่ง
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ผู้คนกลับมาได้สติอีกครั้ง หนังศีรษะของพวกเขาชายิบ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก
ไม่มียอดฝีมือขั้นเซียนผู้ใดสามารถต้านทานหลินเป่ยเฉินได้
คนบางคนต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตฝึกวิทยายุทธ์ ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตพลังขั้นนี้ได้ด้วยซ้ำ
อย่าว่าแต่หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง
เหตุไฉนเขาจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?