ตอนที่ 1,172 เข้าทางประตูหลัง
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปแท็กซี่ตี๋น้อยทันที
และเขาก็ได้เห็นว่ามีตั๋วฟรีเพิ่มเข้ามาในระบบจริง ๆ
มันเป็นตั๋วใบพิเศษ
เมื่อกดดูรายละเอียดของตั๋วฟรี หลินเป่ยเฉินก็ได้พบกับความประหลาดใจหนึ่งอย่าง…
เมื่อใช้ตั๋วฟรีใบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะมีรถมารับถึงที่ หมดปัญหาเรื่องไม่มีรถในพื้นที่ให้บริการ
แต่ไม่ใช่การเดินทางไปทุกแห่งจะสามารถใช้ตั๋วใบนี้ได้
ตั๋วเดินทางฟรีของแอปแท็กซี่ตี๋น้อยมีการทำงานคล้าย ๆ กับคูปองส่วนลดสินค้าของเซเว่นอีเลฟเว่น คือสามารถใช้ได้กับเส้นทางที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น
และแน่นอนว่าเส้นทางที่หลินเป่ยเฉินต้องการลองใช้งานอย่างเส้นทางจาก ‘สำนักกระบี่อมตะ เมืองไป๋หยุน’ ไปสู่ ‘นครเจาฮุย’ หรือ ‘นครหลวง’ นั้น ต่างก็เป็นเส้นทางที่ไม่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น
หลินเป่ยเฉินลองนั่งป้อนชื่อเมืองทุกเมืองที่เขารู้จัก แต่ก็ไม่พบเส้นทางที่สามารถใช้ตั๋วฟรีใบนี้ได้เลย
“ใช้ไม่ได้แล้วจะแจกมาทำไมวะ? ต้องการยั่วโมโหกันหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินโมโหจนเกือบจะลบแอปแท็กซี่ตี๋น้อยออกจากโทรศัพท์
เด็กหนุ่มกดออกจากแอปแท็กซี่ตี๋น้อยและสลับไปเปิดแอปวีแชท ก่อนส่งข้อความถามไปว่า ‘จากนี้จะเอาอย่างไรต่อ? ข้ารอคอยประตูมิติของท่านอยู่นะเนี่ย’
‘ประตูมิติอย่างนั้นหรือ?’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งสติ๊กเกอร์รูปตัวการ์ตูนหัวเราะตอบกลับมา ก่อนจะพิมพ์ตัวอักษรอธิบายว่า ‘หยุดฝันเฟื่องได้แล้ว น้องชาย ครั้งนี้เจ้าแอบลักลอบเข้ามาที่ดินแดนทวยเทพนะ จะใช้ประตูมิติอย่างเป็นทางการได้อย่างไร…’
เอ้า ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้เล่า…
หลินเป่ยเฉินแทบจะสบถคำหยาบออกมา ‘ไหนท่านบอกว่าจัดการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วไง? เหตุไฉนการเดินทางครั้งนี้ ถึงเป็นการลักลอบเข้าเมืองไปได้’
‘เจ้าคิดว่ามันง่ายนักหรือที่จะพาคนจากโลกมนุษย์ขึ้นมาสู่ดินแดนทวยเทพน่ะ’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมา ‘ข้าจะแอบให้เจ้าเข้าทางประตูหลัง’
‘ประตูหลัง?’
หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัว ‘ช่างเถอะ ประตูหลังก็ประตูหลัง ท่านจะมารอรับข้าใช่ไหม?’
‘ต้องรับแน่นอนอยู่แล้ว’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาเร็วไว ‘แต่น้องชายต้องคอยดูให้ดีนะ หลังจากนี้อีกประมาณหนึ่งชั่วยาม จะมีหลุมดำปรากฏขึ้นเหนือที่อยู่ที่เจ้าส่งมา เมื่อพบเห็นหลุมดำหลุมนั้น เจ้าจงรีบมุดเข้ามาอย่าได้ลังเล สถานที่ปลายทางของหลุมดำนี้ก็คือดินแดนทวยเทพ เจ้าแค่ต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ในหลุมดำนี้เป็นเวลาประมาณสิบวันเท่านั้น’
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
หลุมดำ?
แถมยังต้องเดินทางเป็นเวลาสิบวันอีกด้วย?
แล้วเขาจะทนอยู่ในหลุมดำนั่นได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความไปร้องอุทธรณ์ แต่ดูเหมือนเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะไปเตรียมการอะไรบางอย่าง นางจึงไม่ได้ตอบข้อความของเขาอีก
เด็กหนุ่มจึงวางโทรศัพท์ลงและรวบรวมสมาธิ
ใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง
เขายังคงอยากเดินทางไปที่ดินแดนทวยเทพ
เขาเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับดินแดนทวยเทพมามากมาย
อย่างเช่น ในโลกมนุษย์ใบเก่า หลินเป่ยเฉินผูกพันกับการ์ตูนมังงะ แอนิเมชั่นจากต่างประเทศ รวมไปถึงภาพยนตร์แนวแอ็กชันแฟนตาซี ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกอยากไปเยือนดินแดนทวยเทพมาโดยตลอด
และการไปในครั้งนี้ ก็ไม่รู้เลยว่าอีกนานไหมกว่าจะได้กลับมา
ดังนั้น ก่อนออกเดินทาง หลินเป่ยเฉินก็สมควรจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน
หลินเป่ยเฉินเรียกเซียวปิง เฉียนเหมย เฉียนเจินและอากวงเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะบอกเล่าเหตุผลของตนเอง
“ครั้งนี้ข้าจะไปหาที่ซ่อนตัว ระยะเวลาอาจไม่แน่นอนว่าจะกลับมาเมื่อใด” หลินเป่ยเฉินว่า “พวกเจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองไป๋หยุนอีกต่อไปแล้ว”
เขาไม่ได้บอกว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปที่ดินแดนทวยเทพ
เพราะคงไม่มีคนปกติที่ไหนหลงเชื่อ
อย่าว่าแต่เขามีภาพลักษณ์เป็นบุคคลสมองเสื่อม คำพูดที่หลุดออกจากปากทุกคำ ล้วนถูกยึดถือเป็นคำพูดที่เลื่อนลอยอยู่ก่อนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น เฉียนเหมยก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ
“หืม? นายท่านจะไปไหน? แล้วจะให้พวกเราไปที่ไหนล่ะเจ้าคะ?”
เฉียนเหมยลูบปอยผมของตนเอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานน่าประทับใจ “เหตุไฉนนายท่านไม่พาพวกเราไปซ่อนตัวด้วยล่ะเจ้าคะ พวกเราสามารถปกป้องนายท่านได้ สามารถชงชาให้นายท่านดื่มและสามารถอุ่นเตียงให้กับนายท่าน…”
“ข้าจะไปหาที่ซ่อนตัว ไม่ได้ไปท่องเที่ยวพักผ่อน”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธเสียงแข็ง “พวกเจ้ากลับไปที่นครเจาฮุย ปกป้องฐานบัญชาการของเราให้ดี ก่อนที่ข้าจะกลับมา พวกเจ้าอย่าได้มีปัญหากับผู้ใด อย่าได้ก่อปัญหาสร้างความวุ่นวาย จงใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายและสงบสุข”
เมื่อบรรดาผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉินเห็นเขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคนก็เงียบกริบไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสริมว่า “อีกอย่าง หากพวกเจ้าตกอยู่ในอันตราย ได้โปรดหลบหนีไปให้เร็วที่สุด อย่าทำตัวกล้าหาญอย่างโง่เขลาเหมือนฮันปู้ฟู่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ต่อให้ข้าเป็นเทพบุตรหลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีกแล้ว”
เมื่อพูดถึงฮันปู้ฟู่ หลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้เลยว่าการค้นหาที่ผาดาวตกโดยกองทัพจี้กวงเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็นำข้าวของที่เตรียมเอาไว้ให้ผู้ติดตามของตนเองออกมา ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่สำหรับสุภาพสตรี สุราดาวแดง ไวน์รสเลิศ ขนมช็อกโกแลต ยาถอนพิษตรายินเคียวโกยตั๊กเพี่ยง รวมไปถึงอาหารเสริมสำหรับเพิ่มพลังเมื่อรับประทานอย่างผลกวนเจี๋ย เป็นต้น
ของบางชิ้นเขาเตรียมเอาไว้ให้เยว่หงเซียง
ของบางชิ้นเขาเตรียมเอาไว้ให้อากวง
ทุกคนได้รับการแจกจ่ายข้าวของอย่างครบถ้วน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พื้นที่เก็บของในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์จึงว่างขึ้นเยอะ เพียงพอที่จะเก็บกระบี่หนึ่งร้อยเล่มซึ่งขโมยมาจากสุสานกระบี่ที่อากวงเป็นผู้เก็บรักษาไว้ชั่วคราวในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองจะได้ใช้งานกระบี่เหล่านี้แน่นอน…
“ท่านพี่ขอรับ แล้วเว่ยเหอล่ะขอรับ?”
เซียวปิงถามออกมาอย่างกะทันหัน
“ปล่อยให้เขากลับบ้านไปดูแลลูกสาวเถอะ อีกอย่าง ขั้นเซียนปลายแถวเช่นนั้นช่วยอะไรพวกเราไม่ได้มากอยู่แล้ว” หลินเป่ยเฉินตอบ
ใบหน้าของเซียวปิงกระตุกเล็กน้อย
ขั้นเซียนปลายแถว…
เซียวปิงรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกหลอกด่าอย่างไรชอบกล
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายกระจายตัว
ส่วนเขายังคงนั่งอยู่ในห้อง รอคอยให้หลุมดำปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะ
“เหมือนเราจะลืมอะไรไปบางอย่างหรือเปล่านะ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือจับคาง รู้สึกเหมือนตนเองมองข้ามอะไรบางอย่างไปจริง ๆ
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
“อ้าว? มาแล้วเหรอ?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนของมวลอากาศเหนือศีรษะ และเมื่อเงยหน้ามองเพดานห้อง เขาก็พบเข้ากับวังน้ำวนสีดำที่ปรากฏขึ้นอย่างเงียบสงบ
มันเริ่มจากการเป็นวังน้ำวนขนาดเล็ก ๆ และขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับครึ่งตัวคน
ให้ตายเถอะ
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งหนึ่งจะมีอะไรรออยู่
“นี่คือประตูหลังที่ยัยเจ๊นั่นบอกมาใช่ไหมวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เพราะเขาสังหรณ์ว่าต้องมีสิ่งไม่ดีซ่อนอยู่หลังวังน้ำวนสีดำนี้แน่ ๆ
เด็กหนุ่มถ่ายรูปวังน้ำวนและส่งไปให้เทพีกระบี่หิมะไร้นามดูทางแอปวีแชท ถามว่า ‘นี่ใช่ประตูหลังของท่านหรือไม่?’
‘ใช่แล้ว เข้ามาได้เลย’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาอย่างเร็วไว ‘เร็ว ๆ ด้วย ประตูนี้เปิดได้ไม่นาน’
‘ต้องใช้เวลาเดินทางตั้งสิบวันเลยหรือ?’
หลินเป่ยเฉินถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
‘ถูกต้อง เพียงสิบวันก็ถือว่าเร็วมากแล้ว’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพยายามเร่งเร้าต่อไป “อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบมุดหัวเข้ามาซะทีเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์
เขาเงยหน้ามองไปที่หลุมดำบนเพดานห้อง หลับตาลง กัดฟัน กำลังจะกระโดดขึ้นไป
แต่ทันใดนั้น…
‘ติ๊ง!’
เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคยดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ ‘เรียนลูกค้าที่น่ารักของแท็กซี่ตี๋น้อย แอปพลิเคชันของเราตรวจพบเส้นทางการใช้ตั๋วฟรี ไม่ทราบว่าต้องการใช้งานเลยหรือไม่?’
เอ๋?
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักทันที
ตรวจพบเส้นทางการใช้ตั๋วฟรี?
หรือจะเป็นเส้นทางขึ้นสู่ดินแดนทวยเทพ?
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์ออกมาเปิดดูแอปแท็กซี่ตี๋น้อยอีกครั้ง
และเขาก็เห็นแอปพลิเคชันกำลังคำนวณเส้นทางโดยอัตโนมัติ
สถานที่ต้นทางคือ ‘ห้องนอนหมายเลข 3 สำนักกระบี่อมตะ เมืองไป๋หยุน จักรวรรดิเป่ยไห่ ถนนตะวันออก’ ส่วนจุดหมายปลายทางคือ ‘ตรอกขี้หมู เขตอาชญากรฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ดินแดนทวยเทพ’
‘การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาสิบชั่วยาม ราคาค่าโดยสารคิดเป็นศิลาบูชาสามพันก้อน แต่ท่านสามารถใช้ตั๋วโดยสารฟรีเพื่อเดินทางครั้งนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ทราบว่าต้องการใช้ตั๋วเดินทางฟรีหรือไม่?’
ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
ใช้สิ
ต้องใช้แน่นอนอยู่แล้ว
มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้ด้วยหรือ?
เมื่อเทียบกับประตูหลังของเทพีกระบี่หิมะไร้นามที่ดูไม่น่าไว้ใจแล้ว หลินเป่ยเฉินย่อมเชื่อถือโทรศัพท์มือถือของเขามากกว่า
อีกอย่างมันเป็นการเดินทางที่ใช้ตั๋วฟรี ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย ลองดูสักครั้งก็แล้วกัน
หลินเป่ยเฉินกดปุ่มตกลง
‘คนขับรถมาถึงแล้ว กรุณาเตรียมตัวขึ้นห้องโดยสาร…’
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้น ลำแสงสีเขียวเหลืองก็พุ่งทะลวงออกมาจากวังน้ำวนสีดำทมิฬบนเพดานห้องนอนของหลินเป่ยเฉิน
ลำแสงสีเขียวเหลืองนั้นปกคลุมไปทั่วร่างกายเด็กหนุ่ม
แล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น
‘ผู้โดยสารทั้งสองท่านกรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกเดินทางด้วยเจ้าค่ะ’
เสียงที่อ่อนหวานของเสี่ยวจี้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะดังก้องในหัวของหลินเป่ยเฉิน
เดี๋ยวก่อนนะ?
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักไปเล็กน้อย
ทำไมถึงมีผู้โดยสารสองคนล่ะ?
มีคนอื่นติดรถขึ้นมาด้วยหรืออย่างไร?