ตอนที่ 1,151 น้องชาย ปล่อยข้าไปเถอะนะ…
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
หมู่มวลกระบี่ที่บินอยู่ในอากาศค่อย ๆ ลอยกลับมาอยู่รอบกายของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
ถุงเก็บสมบัติที่หล่นลงมาจากร่างผู้เสียชีวิตก็หายลับไปแล้วเช่นกัน
เช่นเดียวกับกระบี่ยักษ์ของซยงป่า
สิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจก็คือวัตถุสิ่งของจากผู้คนระดับเจ้าสำนักนั้น ย่อมไม่ใช่สิ่งของธรรมดา
ครั้งนี้หลินเป่ยเฉินได้กำไรมหาศาล!
เด็กหนุ่มมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เขาดีใจที่ตนเองเลือกฝึกวิชาการสร้างค่ายอาคมกระบี่จากสำนักกระบี่มนตรา
ค่ายอาคมกระบี่เหล่านี้คล้ายเกิดมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เมื่อรวมเข้ากับพลังปราณธาตุทองคำแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยการควบคุมด้วยพลังจิตอีกเลย…
กระบี่บินได้ในอากาศยังคงทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินราวกับบุตรชายที่เชื่อฟังบิดา ศัตรูทุกคนที่อยู่ในสายตาของหลินเป่ยเฉินต่างก็ถูกมวลกระบี่เหล่านี้ทิ่มแทงอย่างบ้าคลั่ง…
วูบ! วูบ! วูบ!
“ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป?”
หลินเป่ยเฉินเริ่มค้นหาเหยื่อ
สายตาของเขาสอดส่องมองหาผู้มีพลังขั้นเซียนที่ยังหลงเหลืออยู่บนสะพานหิน ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มก็นึกสงสัยใจว่าวันนี้เขาจะสามารถเก็บสมบัติได้เท่าไหร่กันนะ…
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงร้องอุทาน
เมื่อหันไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นเสียงของลู่กวนไห่ที่กำลังต่อสู้อยู่กับควงซวีจือผู้นำจากหุบเขาผีเสื้อพิษ ขณะนี้ มือขวาของลู่กวนไห่ที่กำลังถือกระบี่ปรากฏจุดสีดำลุกลามอย่างรวดเร็วบริเวณใต้ผิวหนัง…
เป็นสัญญาณบอกว่านางถูกพิษเล่นงานเข้าเสียแล้ว
ลักษณะของพิษที่ปรากฏขึ้นคุ้นตาหลินเป่ยเฉินอย่างยิ่ง
นี่คือพิษผีเสื้อราตรีจากหุบเขาผีเสื้อพิษ
นับเป็นหนึ่งในยาพิษชื่อดังที่สุดของแผ่นดินตงเต้า
แย่แล้ว
อาจารย์อาเล็กถูกยาพิษ
อาจารย์อาเล็ก…
หืม?
จริงด้วยสินะ
ที่นี่วุ่นวายขนาดนี้ ทำไมอาจารย์ติงถึงไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที?
ความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจของหลินเป่ยเฉิน
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องช่วยชีวิตลู่กวนไห่ให้ได้ก่อนต่างหาก
“อาจารย์อาลู่ขอรับ อดทนไว้ ผู้เยาว์มาแล้ว”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งออกไปข้างหน้า
ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสตรีผู้เย็นชาคนนี้กับอาจารย์ติงของเขาจะเป็นอย่างไร แต่หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยให้ศิษย์น้องเล็กของอาจารย์เขาเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด
อีกอย่าง อาจารย์ติงเป็นบุคคลที่เขาเคารพรักมากที่สุด
หลินเป่ยเฉินควบคุมกระบี่หลายร้อยเล่มออกไปโจมตีใส่ผู้นำหุบเขาผีเสื้อพิษควงซวีจือ
“อิอิ น้องชาย เจ้าเองก็อยากร่วมวงสนุกด้วยเช่นกันหรือ?”
ควงซวีจือหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม
นางเป็นผู้นำหุบเขาที่มีหน้าตางดงามมากที่สุด ปีกสีดำบนแผ่นหลังเมื่อกระพือพัดก็สามารถทำให้ควงซวีจือเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปลดปล่อยเสน่ห์อันเย้ายวนใจออกมาอีกด้วย
ควงซวีจือย่อมไม่เห็นเด็กหนุ่มผู้นี้อยู่ในสายตา
เพราะว่าเจี๋ยนอู่จีกับซยงป่าถึงแก่ความตายรวดเร็วจนควงซวีจือไม่ทันสังเกต
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้าค่ายอาคมกระบี่ของหลินเป่ยเฉิน ควงซวีจือจึงกระทำผิดพลาดเช่นเดียวกับเจี๋ยนอู่จีที่มองหลินเป่ยเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่ง นอกจากมีวาจาฉะฉานกับหน้าตาหล่อเหลาแล้ว อื่นใดล้วนไม่เป็นอันตรายทั้งสิ้น
ไม่มีเหตุผลอันใดให้ควงซวีจือต้องหวาดกลัว
เนื่องจากค่ายอาคมกระบี่นั้นถูกจัดให้เป็นวิชายุทธ์ระดับต่ำสุดในแผ่นดินตงเต้า แม้ค่ายอาคมกระบี่บางชนิดจะมีระดับพลังโจมตีที่รุนแรง แต่น้อยครั้งที่พวกมันจะอยู่ในสายตาของผู้คน
เพราะการจะสร้างค่ายอาคมกระบี่ขึ้นมาได้นั้น จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาฝึกฝนมากเกินไป
และการจะใช้ค่ายอาคมให้ได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้ก็จำเป็นต้องมีระดับพลังลมปราณและระดับพลังจิตที่แข็งแกร่ง
แต่ความขัดแย้งอยู่ตรงนี้เอง
ในเมื่อผู้ใช้งานมีระดับพลังลมปราณและระดับพลังจิตที่แข็งแกร่ง แล้วเหตุไฉนพวกเขาต้องเอาเวลามาฝึกฝนการสร้างค่ายอาคมกระบี่ด้วย?
สู้เอาเวลาเหล่านั้นไปฝึกฝนวิชากระบี่โดยตรงไม่ดีกว่าหรือ?
อีกทั้งทุกคนย่อมมีเวลาและพลังจำกัด
เหตุไฉนจึงต้องนำเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทให้กับค่ายอาคมกระบี่ที่ยากต่อการใช้งานด้วยเล่า?
แต่หลินเป่ยเฉินกลับทำสิ่งที่ต่างออกไป
ด้วยความสามารถของพลังปราณธาตุทองคำ เด็กหนุ่มจึงสามารถควบคุมค่ายอาคมกระบี่ได้ตั้งแต่เริ่มฝึกครั้งแรก
และก่อนหน้านี้ ต้องไม่ลืมว่าหลินเป่ยเฉินเคยฝึกควบคุมเหรียญเงินเหรียญทองมาแล้วหลายครั้ง
ความยอดเยี่ยมของหลินเป่ยเฉินก็คือเขาสามารถควบคุมกระบี่ได้โดยไม่ต้องใช้ค่ายอาคม และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดการสับสน กว่าจะมาสนใจกระบี่ที่อยู่ในค่ายอาคมของเขาจริง ๆ ความตายก็คืบคลานมาถึงข้างกายแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง หลินเป่ยเฉินจึงเลือกโจมตีด้วยกระบี่สองร้อยเล่มที่เขาควบคุมผ่านพลังปราณธาตุทองคำ และใช้กระบี่ในค่ายอาคมที่แท้จริงเพียงเจ็ดสิบสองเล่มเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อหมู่มวลกระบี่ปิดล้อมควงซวีจือรอบทิศทาง นางถึงได้เข้าใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ
กระบี่เจ็ดสิบสองเล่ม ส่องแสงกะพริบไม่ต่างจากดาวเจ็ดสิบสองดวง เมื่อรู้ตัวอีกที พวกมันก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าควงซวีจือแล้ว
โดยเฉพาะนี่เป็นการต่อสู้ในพื้นที่เล็ก ๆ ค่ายอาคมกระบี่ที่ครอบคลุมเข้ามาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกดดันหนักหน่วงรุนแรง และไม่มีที่ให้ควงซวีจือได้หลบหนีอีก
ผู้นำจากหุบเขาผีเสื้อพิษร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นางพยายามหลบหลีกกระบี่ทั้งเจ็ดสิบสองเล่มที่พุ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน แต่ไม่ว่าหลบหนีอย่างไรก็หลบหนีไม่พ้น กระบี่ทั้งเจ็ดสิบสองเล่มจึงได้โอบล้อมโจมตีนางจากทุกทิศทาง
“ฮ่า ๆๆ ตราบใดที่เจ้าเข้ามาอยู่ในค่ายอาคมกระบี่แห่งนี้แล้ว เจ้าก็ไม่มีทางฝ่าออกไปได้เด็ดขาด อย่าได้เหนื่อยแรงอีกต่อไปเลย”
หลินเป่ยเฉินควบคุมค่ายอาคมพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็โยนยาขับพิษตรายินเคียวโกยตั๊กเพี่ยงให้แก่ลู่กวนไห่
อาจารย์อาเล็กผู้เย็นชาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนยกมือขึ้นรับเม็ดยานั้นไว้ ดวงตาทอประกายสงสัย
หลินเป่ยเฉินไม่อธิบายอะไร
เขายังคงควบคุมค่ายอาคมโจมตีควงซวีจือต่อไป
ผู้นำหุบเขาผีเสื้อพิษผู้นี้นับว่ามีความงามเฉิดฉายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนใดในร่างกายของนาง ก็สามารถกระตุ้นเร้าความลุ่มหลงของบุรุษหนุ่มได้ทั้งสิ้น
แต่น่าเสียดายที่หลินเป่ยเฉินมีภูมิต้านทานความงามสตรีเป็นอย่างดี ดังนั้นความงามของควงซวีจือจึงทำอะไรเขาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ควงซวีจือยังคงพยายามส่งยิ้มหว่านเสน่ห์ให้แก่หลินเป่ยเฉินด้วยความไม่ยอมแพ้ “น้องชาย ปล่อยข้าไปเถอะนะ… ไม่งั้นข้าจะฆ่าล้างตระกูลของเจ้า”
ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินกระตุกด้วยความโกรธแค้นขึ้นมาทันที
“เจ้าคิดว่ากำลังพูดกับผู้ใด?”
หลินเป่ยเฉินเกลียดคนที่ข่มขู่เขาเป็นที่สุด แต่ในขณะนี้ คำว่า ‘ข้าจะฆ่าล้างตระกูลของเจ้า’ กลับไม่ได้ฟังดูรุนแรงอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามที่มันหลุดออกมาจากปากของสตรีโฉมงามเช่นนี้
พลังโจมตีปะทุออกมาจากค่ายอาคมกระบี่ราวกับกระแสน้ำหลั่งไหล
ลำแสงสีเงินพุ่งออกไปข้างหน้า
ย่อมต้องเป็นกระบี่เงินของหลินเป่ยเฉิน
เห็นได้ชัดว่านี่คือรูปแบบการโจมตีของค่ายอาคมกระบี่
“เฮือก…”
ควงซวีจือเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ก่อนก้มมองรูโลหิตบนหน้าอกของตนเอง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
นางค่อย ๆ เงยหน้ามองหลินเป่ยเฉินและกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น “พวกเราหาได้มีความแค้นต่อกันไม่… เหตุไฉนเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!”
“เพราะว่าเจ้ากำลังจะทำร้ายอาจารย์อาลู่ของข้า”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“บัดซบ…”
เดิมที ควงซวีจือไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มผู้นี้อยู่ในสายตา แต่ขณะนี้ นางก็ทำได้เพียงสบถคำหยาบออกมา
ทันใดนั้น…
วูบ!
โลหิตไหลทะลักออกมาจากปากของควงซวีจือ ร่างของนางร่วงลงสู่บ่อลาวาด้านล่างเสมือนนกปีกหัก…
ความตายกำลังจะมาเยือน
ในช่วงขณะสุดท้ายของชีวิต ควงซวีจือก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าโฉมงามผู้สร้างชื่อเสียงโด่งดังในแผ่นดินตงเต้ามาหลายปีอย่างนาง สุดท้ายกลับต้องมาตกตายด้วยคมกระบี่ของเด็กหนุ่มผู้นี้
อีกทั้งหลินเป่ยเฉินยังลงมืออย่างไร้ความปรานี
หมู่มวลกระบี่ของเขาพุ่งเข้าไปตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ทิ่มทะลวงร่างกายของควงซวีจือจนแหลกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
กระบี่เงินเล่มใหญ่ของหลินเป่ยเฉินช้อนรับสิ่งของที่ตกลงมาจากร่างกายควงซวีจือ ก่อนที่มันจะรีบบินกลับมาหาหลินเป่ยเฉินอย่างด่วนจี๋
การล่าสมบัติของเด็กหนุ่มดำเนินต่อไป
เขาเก็บของที่ได้มาอย่างรวดเร็ว
หลายสิ่งหลายอย่างดูทรงแล้วเขาไม่น่าจะรับมือได้ง่าย ๆ แต่หลินเป่ยเฉินมีแอป Xianyu สิ่งที่เขาไม่สามารถใช้งานได้ จึงไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป