ตอนที่ 1,146 เฒ่าบัดซบ นี่คือกระบี่ของเจ้าใช่หรือไม่?
อานุภาพกระบี่ในมือของเจี๋ยนอู่จีมีความแข็งแกร่งมากเกินไป คล้ายกับว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถรับมือเขาได้อีก
ชายชราสะกิดปลายเท้า
ร่างกายพลิ้วไหว
ลมหายใจต่อมา เจี๋ยนอู่จีก็เข้าประชิดตัวเจิ้นหรู่หลงซึ่งยังไม่มีเวลาได้ลุกขึ้นด้วยซ้ำ คมกระบี่ก็ทิ่มแทงเข้ามา หมายจะปลิดชีวิตของเจิ้นหรู่หลงให้ดับดิ้น
บริเวณนั้นมีคนของสำนักกระบี่กังวานยืนอยู่ พวกเขาอยากจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่มันก็สายเกินไป
แต่จังหวะที่เจิ้นหรู่หลงกำลังจะต้องตายภายใต้คมกระบี่ของเจี๋ยนอู่จี เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันพลันเกิดขึ้น
ในมวลอากาศที่ว่างเปล่ากลับมีปลายกระบี่เล่มหนึ่งยื่นออกมาปัดป้องกระบี่ของผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่
เจี๋ยนอู่จีประหลาดใจไม่น้อย
มีคนสามารถรับมือการโจมตีของเขาได้ด้วยหรือ?
เมื่อชายชราเงยหน้ามอง ดวงตาก็ต้องหรี่ลง สีหน้าแสดงออกถึงความประหลาดใจมากขึ้น
ปรากฏว่าผู้ที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวางในครั้งนี้เป็นมือกระบี่หนุ่มยอดอัจฉริยะแห่งสำนักกระบี่สายฟ้าวายุเม่ยหลิน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าพลังยุทธ์ของเขาถูกทำลายไปหมดสิ้น
เม่ยหลินแขนขาดไปหนึ่งข้าง
ชายหนุ่มถือกระบี่วายุด้วยมือเดียวที่เหลืออยู่ แต่กลับสามารถปัดป้องการโจมตีของเจี๋ยนอู่จีได้อย่างสง่างาม
และสิ่งที่ทำให้เจี๋ยนอู่จีประหลาดใจก็คือพลังโจมตีที่ออกมาจากกระบี่วายุในมืออีกฝ่ายนั้น ไม่เหมือนกับพลังของคนแขนขาดเลยสักนิด
ว่ากันตามข่าวลือและข้อมูลที่เจี๋ยนอู่จีได้รับทราบมา ต่อให้เป็นเม่ยหลินที่มีแขนครบทั้งสองข้าง ก็ไม่อาจรับการโจมตีของเขาได้เช่นนี้
เม่ยหลินเป็นเพียงคนหนุ่มที่เก่งกาจผู้หนึ่ง
แล้วจะสามารถรับมือการโจมตีจากผู้อาวุโสระดับสูงได้อย่างไร?
แต่ชายหนุ่มแขนขาดผู้นี้…
ทันใดนั้น เจี๋ยนอู่จีจึงเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหูได้ยินเสียงสายลมกรรโชกแรง
วูบ!
กระบี่วายุเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เม่ยหลินถือกระบี่ด้วยมือเดียว พลังลมปราณไหลเวียนลงสู่คมกระบี่ ตัวเขาเองก็เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับเจ็ด เมื่อระเบิดพลังออกมาเต็มอัตรา ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีพลังเหนือล้ำมากกว่าก็ไม่อาจต้านทานกระบี่นี้ได้…
การโจมตีของชายหนุ่มแขนขาดสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนจำนวนมาก
เจี๋ยนอู่จีรีบสร้างม่านพลังขึ้นมากำบังร่างกายของตนเอง
จังหวะนั้น คมกระบี่ปะทะเข้ากับม่านพลัง จนเกิดเป็นแรงระเบิดแผ่กระจายไปรอบบริเวณ
สะเก็ดไฟสาดกระจาย มวลอากาศปั่นป่วน เงาร่างผู้คนยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“ช้าเกินไป ช้าเกินไป เจี๋ยนอู่จี กระบี่ของท่านช้าเกินไป”
เม่ยหลินควงกระบี่ด้วยมือเดียวเล่นงานม่านพลังรอบกายของชายชรา การโจมตีของเขาหนักหน่วงรุนแรงเท่าที่ผู้มีพลังขั้นเซียนคนหนึ่งจะสามารถใช้ออกมาได้
กระบี่วายุขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียว ไม่ทราบเลยว่าทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันไปกี่กระบวนท่าแล้ว
สิ่งที่ทุกคนพบเห็นก็คือเมื่อเจี๋ยนอู่จีกับเจิ้นหรู่หลงปะทะกระบี่กัน พวกเขาก็เห็นเพียงสะเก็ดไฟสาดกระจายในอากาศเท่านั้น
เคร้ง!
เสียงกระบี่ปะทะกันครั้งสุดท้าย
เงาร่างของคนทั้งสองแยกออกจากกัน
เม่ยหลินหมุนตัวลดกระบี่ลงและค่อย ๆ เหลียวหน้ามองกลับหลัง
เจี๋ยนอู่จีก็หมุนตัวชำเลืองมองไปยังมือกระบี่อัจฉริยะแห่งสำนักกระบี่สายฟ้าวายุเช่นกัน ดวงตาของชายชราทอแววตื่นตระหนก เนื่องจากหน้าอกของตนเองมีรูกระบี่เพิ่มขึ้นมาสามรู และโลหิตก็กำลังไหลซึมออกมาจากรูกระบี่เหล่านั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ…
เจี๋ยนอู่จีได้รับบาดเจ็บ
ด้วยการโจมตีของเม่ยหลินนี่คือเรื่องตลกอันใดกัน?
ไม่มีทางเป็นไปได้
ดวงตาของเจี๋ยนอู่จีเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร วันนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นใด หากปล่อยให้มือกระบี่หนุ่มผู้นี้อยู่รอดปลอดภัย จะมีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าเม่ยหลินจะไม่กลายเป็นภัยคุกคามในอนาคต?
ชายชราล้วงหยิบตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ออกมาโดยไม่ลังเล
ใช่แล้ว
ตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องรางรับมอบอำนาจ แต่ยังเป็นอาวุธอีกด้วย
มันบรรจุพลังของวิหารเทพพงไพรเอาไว้มากมาย
ตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของเจี๋ยนอู่จีพลันลอยตัวขึ้นไปในอากาศและเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเม่ยหลิน
บุรุษหนุ่มแขนขาดมีสีหน้าเคร่งเครียด รีบโคจรพลังลมปราณต้านทานอย่างเร็วไว
เขายกกระบี่วายุขึ้นคาบไว้ที่ริมฝีปาก หลังจากนั้นจึงได้ชักกระบี่สายฟ้าพิโรธออกมา แม้ว่าการใช้งานกระบี่เล่มนี้ครั้งที่แล้วจะทำให้ตนเองต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม
ทันทีที่กระบี่สายฟ้าพิโรธถูกชักออกจากฝัก บ่อลาวาที่อยู่ด้านล่างก็เกิดการระเบิดตัวตูมตาม
เมื่อตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่กลายร่างเป็นกระบี่พุ่งเข้ามา เม่ยหลินก็ยกกระบี่สายฟ้าพิโรธขึ้นปัดป้อง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น…
เปรี้ยง!
คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายไปรอบทิศทาง
เม่ยหลินมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป ร่างของเขากระตุกไหว ริมฝีปากสั่นระริก ก่อนที่โลหิตสายหนึ่งจะไหลทะลักออกมาจากปาก โลหิตเหล่านั้นสาดกระจายลงบ่อลาวาระเหยหายไปกลายเป็นหมอกควันไปในพริบตา…
“นี่มันพลังเทพเจ้า”
เม่ยหลินซวนเซถอยหลัง พลังลมปราณในร่างกายแทบสลายสิ้น ร่างกายเข้าสู่สภาวะสูญเสียการควบคุม…
วูบ!
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่ก็ควงกระบี่สีเทาในมือพุ่งเข้ามาโจมตี หมายเล่นงานให้เม่ยหลินสิ้นชีพอยู่ตรงนั้น
นี่คือกระบี่สังหาร
เพราะว่าข้างกายของเม่ยหลินไม่มีผู้ใดจะสามารถหยุดยั้งกระบี่นี้ได้อีก
นี่คือวิกฤตการณ์ที่แท้จริงสำหรับบุรุษหนุ่มแขนขาด
เพราะว่าเจี๋ยนอู่จีไม่ลังเลที่จะหยิบยืมพลังจากตราศิลาศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้ฆ่าเขา
เว้นแต่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเท่านั้น
แต่โลกนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือไม่?
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง
แต่ปาฏิหาริย์มีจริงหรือไม่?
ปาฏิหาริย์ย่อมมีจริง
ไม่ทราบเลยว่าเป็นเจี๋ยนอู่จีโชคร้ายมากเกินไปหรือเป็นเม่ยหลินโชคดีมากเกินไป ในจังหวะที่ปลายกระบี่ของชายชรากำลังจะทิ่มทะลวงเข้าไปกลางหว่างคิ้วของเม่ยหลิน ทันใดนั้น วังน้ำวนสีขาวดำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ก่อนที่พวกมันจะขยายตัวเปิดออกเป็นประตูมิติอย่างไร้ซึ่งสัญญาณเตือน
กระบี่ในมือของเจี๋ยนอู่จีก็ถูกดูดเข้าไปในประตูมิตินั้น
กระบี่ติดค้างอยู่ในประตูมิติ
และแทบจะเป็นในเวลาเดียวกันนั้นเอง ได้เกิดเสียงคำรามดังออกมาจากในประตูมิติสีขาวดำ
ตามมาด้วยถ้อยคำด่าทอว่า
“เป็นสุนัขตัวใดเปิดประตูมิติมาเล่นงานข้า?”
เสียงนี้บอกถึงความโกรธแค้นอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโสฉี?”
ทันทีที่ประตูมิติสีขาวดำนี้ปรากฏขึ้น เจี๋ยนอู่จีก็เบิกตาโตด้วยความตื่นกลัว รีบตีลังกาถอยกายออกมา
แต่เมื่อตั้งสติได้ ชายชราถึงได้ทราบว่านี่ย่อมไม่ใช่ผู้อาวุโสฉี
เพราะนั่นไม่ใช่เสียงของผู้อาวุโสฉี
เจี๋ยนอู่จีโคจรพลังลมปราณ พยายามเรียกกระบี่ของตนเองให้ลอยกลับออกมาจากประตูมิติ
แต่คล้ายกับว่าประตูมิติมีมวลพลังต้านทานบางอย่าง ทำให้เจี๋ยนอู่จีไม่สามารถควบคุมกระบี่ของตนเองได้อีก
เกิดอะไรขึ้น?
เจี๋ยนอู่จีเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาในชุดสีขาวคนหนึ่งก็ก้าวเดินออกมาจากประตูมิติ ในมือของเขาถือกระบี่ของเจี๋ยนอู่จีพร้อมกับสบถเสียงดังว่า “นี่เป็นฝีมือของตัวสารเลวผู้ใด? ที่คาดศีรษะมูลค่าศิลาบูชาหนึ่งหมื่นก้อนของข้าขาดไปแล้ว ผู้ใดจะเป็นคนรับผิดชอบ… ฮะ?”
เด็กหนุ่มโวยวายมาได้ครึ่งทางกลับต้องหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง
เพราะสถานที่นี้ค่อนข้างคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี
ราวกับว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน?
ยิ่งสัมผัสอุณหภูมิร้อนอบอ้าวในอากาศ ความทรงจำต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมา
ว่าแต่มีคนมาต่อสู้กันที่นี่ได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว
เขาก้มหน้ามองกระบี่โบราณที่ถืออยู่ในมือ มันกำลังสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็เงยหน้ามองไปที่เจี๋ยนอู่จีซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและกระชากเสียงถามว่า “เฒ่าบัดซบ นี่คือกระบี่ของเจ้าใช่หรือไม่?”