ตอนที่ 1,184 สองเทพธิดา
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเทพธิดาผมฟ้าชุดฟ้าผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ
ในแอปเจิ้นอ้ายหว่าง เว้นแต่เพียงใบหน้าของธิดาอู๋ไห่จือตี้ เขาก็เห็นเรือนร่างของนางมาแทบหมดแล้ว เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงรู้สึกคุ้นเคยกับหน้าอกอวบอิ่ม สะโพกผายกลมกลึง ช่วงแขนอันขาวผ่อง แต่หลินเป่ยเฉินกลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นรูปกายเหล่านี้จากมาที่ไหน บางทีเทพธิดาผู้นี้…
ช่างเถอะ สตรีที่ไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
ด้วยความที่เทพธิดาชุดฟ้าผู้นี้มีหน้าตาสวยงามและมีท่าทางสง่าผ่าเผย เพียงมองดูวูบเดียว หลินเป่ยเฉินก็รู้แล้วว่านางคงเป็นคุณหนูมาจากตระกูลใหญ่มากแน่ ๆ
เขาหันไปจ้องมองเทพีกระบี่หิมะไร้นามและถามว่า “ผู้นี้คือ…”
“อ้อ นี่คือเทพธิดาที่ข้าเคยบอกว่าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักไงล่ะ นางมีนามว่าเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ เป็นผู้ประกอบการค้าอาหารทะเลรายใหญ่ของดินแดนทวยเทพ ธุรกิจค้าอาหารทะเลในดินแดนแห่งนี้เป็นของนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น… และนางจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้แก่พวกเรา”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบแนะนำตัวอย่างคล่องแคล่ว
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รีบเปลี่ยนสีหน้าของตนเองโดยเร็ว
“ที่แท้ก็เป็นท่านเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่นี่เอง ข้าน้อยหลินเป่ยเฉินเป็นที่รู้จักในนามเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาที่สุดในดินแดนทวยเทพ นับเป็นโชคดีสำหรับข้าน้อยเหลือเกินที่ได้พบเจอท่าน” เขายื่นมือออกไปจับมือกับเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่อย่างนุ่มนวล
แต่สีหน้าของเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่กลับเย็นชา นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาห่างเหิน ก่อนที่จะเชิดหน้าขึ้น และชักมือของนางกลับไปจากมือของเขา ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “นับว่าเจ้ามีหน้าตาดีใช้ได้… สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คน เหมาะสมต่อการลงทุนยิ่งนัก”
บัดซบ
น้ำเสียงเช่นนี้ คำพูดคำจาเช่นนี้ กิริยาท่าทางเช่นนี้…
สมแล้วที่เป็นพวกคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย
นางย่อมไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
แต่นั่นหมายความว่านางย่อมพึ่งพาได้มากกว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ผู้นี้เป็นคนที่หลินเป่ยเฉินต้องเกาะขาไว้ให้แน่น ๆ
เขาจะปล่อยให้นางหลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด
หลินเป่ยเฉินคว้ามือของเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ขึ้นมาจูบหลังมือของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนกล่าวว่า “ความงามสง่าของท่าน สมควรแล้วที่ได้เป็นเทพธิดาผู้มีหน้าตางดงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินเทพเจ้า”
ดวงตาของเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่เป็นประกายหวานเยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มแทบจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่นางสามารถห้ามตนเองเอาไว้ได้ทันเวลา
วันนี้ เทพธิดาสาวชุดฟ้าได้รับการกำชับจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามว่านางต้องสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แสนเย็นชาและไม่มีทางที่จะหลงเสน่ห์หลินเป่ยเฉินเด็ดขาด
“นี่ ๆๆ สายตาของเจ้าเป็นอะไรไป ข้าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ยังจะมีผู้ใดสวยล้ำมากไปกว่าข้าอีกหรือ?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับเดินออกมาข้างหน้าและเปิดเผยชื่อจริงของตนเอง
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองกลับไปยังเทพีฝึกหัดผู้มัดผมทวินเทล
ก็ได้
ใช่
เทพีกระบี่หิมะไร้นามหรือเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนั้นมีความงามไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ
บุคลิกลักษณะของนางไม่ต่างจากตัวอักษรที่เคยคุยกันผ่านแอปวีแชทสักนิด
นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่านางไม่ใช่ตัวปลอม
“แต่ในสายตาของข้า ในดินแดนนี้ ไม่มีผู้ใดจะงดงามมากไปกว่าเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่อีกแล้ว” หลินเป่ยเฉินยังคงยืนกรานคำเดิมอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ
“เจ้า…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงโกรธแค้นจนควันแทบออกหู
แต่นางก็ต้องอดทนอดกลั้นต่อไป
เพราะมีเงินอีกจำนวนมากที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงต้องหลอกลวงจากหลินเป่ยเฉิน เพื่อไปใช้หนี้เงินกู้นอกระบบที่ตนเองหยิบยืมมา
“พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมกับกล่าวว่า “ที่นี่มีกลิ่นเหม็นมากเกินไป… เสี่ยวเจี๋ยนเซวี่ย เจ้านี่เป็นอะไรนะ ทำไมถึงต้องเลือกสถานที่เหม็นหึ่งเช่นนี้ด้วย? ครั้งหน้าเลือกสถานที่ให้มันดี ๆ หน่อยสิ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพูดอะไรไม่ออก
นางรู้สึกคล้ายกับตนเองเป็นบุคคลที่ไม่มีใครต้องการขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ชักจะหน้าด้านไร้ยางอายมากเกินไปแล้ว
หรือว่านางจะกลายเป็นเครื่องมือให้ทั้งสองคนนี้หลอกใช้โดยไม่รู้ตัวนะ?
ช่างร้ายกาจกันจริง ๆ
…
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป
ทั้งสามคนก็เดินออกมาจากตรอกขี้หมูเข้าสู่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งบนถนนซื่อเฟิง
“แผนการทั้งหมดมีดังต่อไปนี้…”
“นับจากนี้อีกเก้าวัน สภาเทพเจ้าจะจัดการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่เพื่อบรรจุเข้าสู่สภาเทพเจ้าในรอบหนึ่งร้อยปี และการแข่งขันครั้งนี้ ทุกคนที่อาศัยอยู่บนดินแดนทวยเทพสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีข้อยกเว้น…”
“สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายได้สำเร็จ หากผ่านการพิจารณาก็จะได้รับการบรรจุเข้าสู่การเป็นเทพเจ้าระดับสามัญ นอกจากนี้ ยังได้รับมอบพลังเวทมนตร์ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ศิลาเทวะจำนวนมาก และได้รับการเลื่อนสถานะขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด…”
“สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้าย เมื่อผ่านการทดสอบแล้ว เจ้าก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้าระดับ 2 และสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาลับระดับสูง…”
“สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบสามคนสุดท้าย ก็จะได้กลายเป็นสมาชิกของสภาเทพเจ้า”
“ส่วนผู้ที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศอันดับ 1 ก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสในสภาเทพเจ้า มีฐานะสูงส่งมากกว่าเทพเจ้าทั่วไป”
“และภายใต้การสนับสนุนจากข้ากับเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ เราจะส่งเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ สำหรับฝีมือของเจ้านั้น เจ้าจะต้องผ่านเข้าสู่รอบสามคนสุดท้ายได้อย่างแน่นอน”
“เจ้าเป็นคนเดียวที่มีแต่ได้กับได้เท่านั้น”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
การแข่งขันชิงตำแหน่งเทพเจ้า?
ฟังดูก็คล้ายการแข่งขันชิงตำแหน่งเซียนกระบี่เหมือนกัน
และในเมื่อนี่คือการแข่งขันที่จัดขึ้นบนดินแดนทวยเทพ ของรางวัลสำหรับผู้ชนะคงไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน
แต่คำถามสำคัญก็คือ…
“ท่านไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าข้าจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบสามคนสุดท้ายได้สำเร็จ?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหรือในชื่อเดิมก็คือเทพีกระบี่หิมะไร้นามด้วยความไม่อยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าสมองของนางคงไม่ปกติ และบัดนี้ เด็กหนุ่มก็คิดว่าตนเองเข้าใจถูกต้องแล้ว
“ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงขยิบตาให้เขา
“ขอบคุณเป็นอย่างสูง”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างประชดประชัน
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ก็พยักหน้ากล่าวออกมาเช่นกันว่า “ข้าเองก็เชื่อมั่นในตัวเจ้า”
หลินเป่ยเฉินพลันยิ้มกว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “แน่นอนขอรับ สำหรับพวกเราที่เป็นบุรุษหนุ่มและสตรีผู้มีรูปโฉมงดงามที่สุด การมั่นใจในตนเองคือสิ่งสำคัญ ในเมื่อพี่สาวพูดเช่นนี้ ข้าน้อยก็จะขอลองดูสักตั้ง”
อย่างไรแค่ลองเข้าร่วมแข่งขันก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
ต่อให้ไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย อย่างน้อยก็ต้องได้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือกลับมาบ้าง
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าเด็กคนนี้ชักจะทำตัวสองมาตรฐานเกินไปแล้ว
“อ้อ จริงด้วยสิขอรับ ท่านพี่ไหอู่ ไม่ทราบว่าบ่ายวันนี้ท่านพอจะมีเวลาหรือไม่?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบกล่าวแทรกขึ้นมาว่า “พวกเราไม่มีเวลาแล้ว เจ้ายังต้องไปพบกับแม่นางหมิงอีกไม่ใช่หรือ เกิดชักช้าเสียเวลา ข้าขี้เกียจช่วยเจ้าแก้ตัวแล้วนะ”
ว่าไงนะ?
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่หยุดชะงักเล็กน้อย
วันนี้นางมีกำหนดต้องไปเข้าพบกับแม่นางหมิงด้วยหรือ ทำไมนางถึงไม่รู้เลยล่ะ?
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่จะโต้แย้งออกไป
“ใช่แล้ว ข้าต้องรีบไปเข้าพบแม่นางหมิงก่อน”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนชำเลืองมองมาที่หลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “น้องชายเองก็ทำตัวดี ๆ เข้าล่ะ ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นยอดอัจฉริยะอย่างที่เสี่ยวเจี๋ยนเซวี่ยพูดเอาไว้ และเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินออกไป
เพราะฉะนั้น โต๊ะน้ำชาในขณะนี้จึงเหลือเพียงหลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสองคน
“ย๊ากกก…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพลันพุ่งเข้ามาขยุ้มคอเสื้อของเด็กหนุ่ม กัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น “เจ้าเศษสวะ ได้ของใหม่ก็ลืมของเก่าเสียแล้วหรือ? ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”
“หยุดก่อนขอรับ”
หลินเป่ยเฉินใช้สองมือของตนเองผลักเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถอยออกไปเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า “ท่านเองก็ทำการแสดงอยู่ไม่ใช่หรือ? ข้ารู้นะว่าท่านต้องการหลอกลวงให้เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ออกเงินสนับสนุนให้กับพวกเรา”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยกมือกอดอก ตอบว่า “นับว่าเจ้ายังมีมันสมองฉลาดปราดเปรื่อง ถูกต้องแล้ว รู้หรือไม่ว่าเพื่อส่งเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ข้าต้องจ่ายอะไรไปบ้าง… เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ”
“ว่าแต่ทำไมท่านถึงมั่นใจในตัวข้าขนาดนั้น?”
หลินเป่ยเฉินว่า “เกิดข้าถูกคู่ต่อสู้ฆ่าตายตั้งแต่รอบแรกขึ้นมา พวกท่านจะทำอย่างไร?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องกังวล ข้าจัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าจะต้องเป็นม้ามืดในการแข่งขันครั้งนี้แน่นอน อย่าลืมสิว่าเจ้ามีวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณอยู่ในมือ อีกทั้งเจ้ายังมีตำแหน่งเป็นเซียนกระบี่จากโลกมนุษย์ นั่นหมายความว่าทักษะการต่อสู้ของเจ้าย่อมไม่ธรรมดา นี่ ขนาดในโลกมนุษย์เจ้ายังชนะการแข่งขันมาได้เลย แล้วทำไมการแข่งขันบนดินแดนทวยเทพ เจ้าจะชนะบ้างไม่ได้ล่ะ? หากเจ้าทำได้สำเร็จ เจ้าก็จะได้เป็นทั้งเทพได้เป็นทั้งเซียนเลยนะ ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องเรียกเจ้าว่าเทพเซียนหลินเป่ยเฉินแล้ว”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
เทพเซียนอย่างนั้นหรือ?
ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ?
เอ๊ะ… แต่เดี๋ยวก่อน
การได้ตำแหน่งเซียนกระบี่จากโลกมนุษย์และได้ตำแหน่งเทพเจ้าบนดินแดนทวยเทพ มันจะมีอะไรแตกต่างกันหรือไม่?
มันจะเหมือนกับคนที่เรียนปริญญาตรีจบสองใบหรือเปล่า?
เมื่อหลินเป่ยเฉินสงบจิตใจลง เขาก็ได้แต่ถามตนเองเช่นนั้น