ตอนที่ 1,199 มหันตภัยและความหวัง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเปลือยกายล่าสัตว์อสูร
แต่หลินเป่ยเฉินกำลังจะเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดเกราะที่นักบวชสาวเซียงเหยียนมอบให้มาต่างหาก
ปรากฏว่านางใส่ใจเขาเป็นอย่างยิ่ง
ชุดเกราะที่นักบวชสาวเซียงเหยียนเตรียมมาให้หลินเป่ยเฉินนั้นมีครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะชั้นใน ชุดเกราะชั้นนอก หมวกเหล็ก สนับแขน สนับขา อีกทั้งมันยังเป็นชุดเกราะที่พอดีตัวกับร่างกายของหลินเป่ยเฉินเหมือนจับวัดสัดส่วนมาก่อน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วและสะดวกสบาย
เมื่อสวมใส่ชุดเกราะเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็สะพายกระบี่ทั้งสี่เล่มไว้บนแผ่นหลัง ห้อยถุงบรรจุผงยาพิษไว้ที่ข้างเอว เขาสวมหมวกเหล็ก เพียงเท่านี้ หลินเป่ยเฉินก็กลายเป็นนักรบชุดเกราะทมิฬเต็มตัว
“เดี๋ยวเจอกันคราวหน้า คงต้องบอกนางให้รู้ซะหน่อยว่าเราชอบสีขาวมากกว่าสีดำ”
หลินเป่ยเฉินพึงพอใจในภาพลักษณ์ใหม่ของตนเองไม่น้อย
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้นในหัว
การอัปเดตระบบเสร็จสิ้นแล้ว
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาดูหน้าจอหลัก
‘ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านได้รับสิทธิ์เลือกแอปพลิเคชันแบบสุ่มจากแอปสโตร์ ต้องการเลือกแอปพลิเคชันใหม่เลยหรือไม่?’
หน้าต่างข้อความเด้งเตือนขึ้นมา
การคัดเลือกแอปพลิเคชันแบบสุ่มห่างหายไปนานมาก
หลินเป่ยเฉินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เขาเลือกให้โทรศัพท์สุ่มแอปพลิเคชันใหม่โดยไม่ลังเล
บนหน้าจอโทรศัพท์ กรงล้อเสี่ยงโชคปรากฏขึ้น
กรงล้อที่กำลังหมุนวนค่อย ๆ หยุดลงอย่างเชื่องช้า
“ติ๊ง!”
‘ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านเปิดได้แอปพลิเคชัน ‘ความรู้คู่ปัญญา’ ต้องการดาวน์โหลดเลยหรือไม่?’
หน้าต่างข้อความเด้งเตือนอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับตนเอง
ปรากฏว่าเป็นแอปพลิเคชันนี้เองสินะ
เขาเคยใช้แอปนี้ในชาติภพที่แล้ว
มันเป็นแอปพลิเคชันที่เมื่อนำกล้องของโทรศัพท์มือถือไปถ่ายสิ่งใด ตัวแอปก็จะสแกนข้อมูลออกมาเป็นรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของต้นไม้ สัตว์ ดอกไม้ นก ปลาหรือแมลงได้อย่างแม่นยำยิ่ง
เท่าที่จำได้ มันเป็นแอปพลิเคชันที่มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่มาก
คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เขาจะเปิดได้แอปพลิเคชันนี้
เพียงแต่หลินเป่ยเฉินไม่ทราบว่าแอปความรู้คู่ปัญญาเมื่อมาอยู่ในโทรศัพท์มือถือของยมทูต มันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด?
หลินเป่ยเฉินเสียเวลาคิดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจดาวน์โหลดอยู่ดี
“ติ๊ง!”
‘ขนาดไฟล์ของแอปพลิเคชั่นนี้คือ 5 GB…’
หน้าต่างข้อความเด้งเตือนบนหน้าจอ
มีขนาดไฟล์ไม่ใหญ่อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย
เพียงไม่กี่ลมหายใจ การดาวน์โหลดและการติดตั้งก็เสร็จสิ้น
หลินเป่ยเฉินรีบเปิดการใช้งานแอปความรู้คู่ปัญญาและส่องกล้องไปทางกำแพงหินสีดำทมิฬที่อยู่โดยรอบทันที
‘ติ๊ด! การตรวจสอบข้อมูลล้มเหลว’
นั่นคือข้อความแจ้งเตือน
หลินเป่ยเฉินทำสีหน้าเบื่อหน่าย
กฎของโทรศัพท์เครื่องนี้ก็คือยิ่งแอปพลิเคชันมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำประโยชน์ได้น้อยมากเท่านั้น
เขาไม่ได้ผิดหวัง หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือและเริ่มต้นเดินตรงไปทางอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เพียงเดินเข้าไปได้ไม่กี่ร้อยวา มวลอากาศรอบตัวก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
หลินเป่ยเฉินลอบสบถอยู่ในใจ
ทันใดนั้น…
ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนบ่อโลหิตก็ปรากฏขึ้นในความมืดมิดจากส่วนลึกของอุโมงค์
ดวงตาสีแดงก่ำนั้นทยอยปรากฏขึ้นมาหนึ่งคู่ สองคู่ สามคู่และเพิ่มเป็นหลายสิบคู่
เขากำลังเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
เขาชักกระบี่ที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังออกมา
แล้วการต่อสู้ก็อุบัติขึ้น
…
“ตะเกียงไฟเทวะขาดหายไปหนึ่งดวง”
บนยอดหอคอยแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเยี่ยเฉิง
เทพธิดาโฉมงามผู้สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำขลิบทองซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ลอยฟ้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า “มีคนขโมยตะเกียงดวงนั้นไปจากวิหารต้องห้าม… ไม่ทราบว่าสี่องครักษ์อยู่ที่ใด?”
วูบ! วููบ! วูบ! วููบ!
ลำแสงสี่สายทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้า
ลำแสงเหล่านั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นนักรบเทวะในชุดเกราะทมิฬสี่คน
“คารวะใต้เท้าเหลียน”
กลุ่มนักรบองครักษ์ผู้มีมวลพลังแข็งกล้าพากันคุกเข่าลงข้างเดียวและประสานมือคำนับเทพธิดาโฉมงามบนบัลลังก์ลอยฟ้า
“ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่หัวขโมยจะรอดพ้นเงื้อมมือของข้าไปได้… นางได้รับบาดเจ็บขณะหลบหนี พวกเจ้ารีบไปหาตัวเทพธิดาหัวขโมยนางนั้นให้พบโดยเร็ว”
เทพธิดาโฉมงามยกมือดีดนิ้ว
ทันใดนั้น หยดโลหิตลอยตัวออกไปแตกกระจายเป็นสี่ส่วน และหยดโลหิตก็ลอยไปหยุดอยู่เบื้องหน้านักรบองครักษ์ทั้งสี่ หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย พวกมันก็ฝังตัวเข้าไปในหว่างคิ้วของนักรบทั้งสี่นั้นและกลายเป็นตราสัญลักษณ์รูปทรงเปลวไฟอยู่กลางหน้าผากของพวกเขา
“นี่คือโลหิตที่หัวขโมยทิ้งเอาไว้ในค่ายอาคมของวิหารต้องห้าม ข้าประทับพวกมันไว้ในร่างกายของพวกเจ้าแล้ว เมื่อพวกเจ้าเข้าใกล้ตัวนางในรัศมีห้าสิบวา หยดโลหิตนี้ก็จะช่วยพวกเจ้าระบุตัวตนนางได้ทันที… เมื่อพบเจอตัวแล้ว ให้รีบฆ่าทิ้งซะ”
เทพธิดาบนบัลลังก์ลอยฟ้าออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“น้อมรับบัญชาใต้เท้าเหลียน”
แล้วนักรบองครักษ์ทั้งสี่ก็พุ่งตัวเป็นลำแสงหายวับขึ้นไปในท้องฟ้า
“แม้ตะเกียงจะถูกขโมย แต่เปลวไฟถูกจุดได้สำเร็จ นี่หมายความว่ามีเทพเจ้าคนใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
เทพธิดาโฉมงามพูดออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกได้ว่าผู้ที่ขโมยตะเกียงไฟเทวะไปจากวิหารต้องห้าม ต้องไม่ใช่คนเดียวกับเทพเจ้าหน้าใหม่ผู้นี้ เยี่ยเมิ่ง เจ้าไปนำตัวเทพเจ้าหน้าใหม่มาพบข้าหน่อยสิ”
“รับทราบเจ้าค่ะ ใต้เท้า”
เด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีดำผู้ยืนอยู่ทางด้านหลังก้มศีรษะรับคำสั่ง
แต่นางยังไม่ได้เดินออกไป
“เจ้าคงอยากถามสินะว่า เพราะเหตุใด ข้าถึงสั่งฆ่าหัวขโมยตะเกียง แต่กลับไม่ฆ่าเทพเจ้าหน้าใหม่ผู้นั้น?”
เทพธิดาโฉมงามถาม
“ใต้เท้าอ่านใจเยี่ยเมิ่งได้ทะลุปรุโปร่งยิ่ง”
เด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีดำแลบลิ้นออกมาอย่างล้อเลียน
นางเป็นเด็กสาวตาเล็ก ใบหน้าราบเรียบธรรมดา จมูกไม่โด่ง แก้มป่อง ริมฝีปากหนา คิ้วบาง ผิวขาว ไม่สมควรมีความงามอันน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อนำองค์ประกอบทั้งหมดนี้รวมกัน ยังก่อเกิดเป็นความงามที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง
โดยเฉพาะเมื่อนางแลบลิ้นออกมาหรือยามที่นางส่งเสียงหัวเราะคิกคัก นั่นยิ่งเสริมสร้างมนต์เสน่ห์ให้แก่ตัวเด็กสาวผู้นี้มากขึ้น
เด็กสาวผู้นี้สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำขลิบทอง เห็นได้ชัดว่าสถานะตำแหน่งของนางอยู่สูงกว่านักรบองครักษ์ทั้งสี่คนนั้น
อย่างน้อยน้ำเสียงของนางยามที่พูดกับเทพธิดาโฉมงามผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ลอยฟ้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
“เพราะข้าเกิดลางสังหรณ์ว่าหัวขโมยตะเกียงไฟผู้นี้จะนำมหัตภัยมาสู่พวกเรา ส่วนเทพเจ้าหน้าใหม่ผู้นี้กลับนำความหวังมาสู่พวกเราน่ะสิ”
เทพธิดาสาวสวยนามใต้เท้าเหลียนกล่าว
“ลางสังหรณ์นี้ทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก”
เด็กสาวชุดดำพลันมีดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความสงสัย
…
“ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่สยายผมสีฟ้ายาวสลวยพร้อมกับกล่าวด้วยความขุ่นเคืองใจ “เจ้าเด็กนั่นไม่ยอมเชื่อฟังเจ้า แม่นางหมิงขึ้นชื่อเรื่องการผูกจิตคิดพยาบาท รับรองได้เลยว่านางต้องแก้แค้นแน่”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบว่า “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เรามาคิดหาทางอื่นกันดีกว่า บัดนี้ ข้าลองมาคิดทบทวนดูแล้ว แผนการก่อนหน้านี้ของพวกเรามันไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ อีกอย่าง เขาเป็นคน ไม่ใช่สินค้าที่จะส่งมอบให้ผู้ใดได้ง่าย ๆ หากครั้งนี้เขาสามารถทนได้ ครั้งต่อไป อาจจะเป็นข้าที่ทนไม่ได้เสียเอง”
“หา? นี่เจ้าสมองเสื่อมไปแล้วหรือ?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่อุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดเป็นห่วงเป็นใยเจ้าเด็กนั่น?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อพวกเราจะร่วมมือกัน ก็สมควรต้องคิดถึงความรู้สึกของกันและกันเสียบ้าง มิเช่นนั้น ความขุ่นข้องหมองใจเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะนำไปสู่ความล้มเหลวในท้ายที่สุด ครั้งนี้ ถือเสียว่าพวกเราคำนวณพลาดกันไปหน่อย…”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่เบิกตาโตเหมือนเพิ่งเคยพบเห็นเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นครั้งแรก นางจ้องมองอยู่อย่างนั้นหลายลมหายใจ ก่อนถามออกมาว่า “ข้าไม่อยากจะเชื่อเหตุผลของเจ้าเลยจริง ๆ …แต่ช่างเถอะ ก่อนอื่น เจ้าช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าเจ้าหายไปทำอะไรมา เหตุไฉนถึงได้บาดเจ็บกลับมาเช่นนี้?”