ตอนที่ 1,200 ต่อจากนี้ เราจะทำอย่างไรกันดี?
“ข้าสะดุดหกล้มน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ “เจ้าอย่ามาสนใจเรื่องไร้สาระเช่นนี้เลย รีบใช้มันสมองที่แสนชาญฉลาดของเจ้าคิดหาวิธีช่วยเหลือเจ้าเด็กนั่นก่อนดีกว่า หากเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้า รับรองว่าพวกเราแย่แน่”
“เรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ใช้มือกดหัวไหล่ของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงและแหวกคอเสื้อของนางออกดู
ผิวที่ขาวราวกับหิมะเกิดรอยแผลขึ้นแล้ว
รอยแผลเริ่มต้นตรงกระดูกไหปลาร้าด้านขวามือกินลึกลงถึงกระดูกเป็นทางยาวจากไหล่ขวาไปจรดช่วงต้นแขน โลหิตไหลหยดออกมาจากบาดแผลเป็นประกายสว่างไสวไม่ต่างไปจากเม็ดไข่มุกสุกสกาว
แต่โลหิตเหล่านั้นถูกเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงควบคุมด้วยพลังเวทมนตร์ พวกมันจึงไม่ได้ไหลซึมทะลุออกมานอกเสื้อผ้า…
“รากชงโหลวที่รับประทานเข้าไปทำให้เจ้าเลื่อนขั้นพลังได้แล้ว ไม่สมควรที่เจ้าจะสะดุดหกล้มและเกิดรอยแผลเช่นนี้? บอกมาเสียดี ๆ ว่าเจ้าไปทำอะไรมา?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่สำรวจดูบาดแผลอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น นางยิ่งมีสีหน้าตกตะลึงมากขึ้น “บาดแผลของเจ้ามีพลังต้องคำสาปอยู่ด้วย.. .อย่าบอกนะว่าเจ้าไปที่วิหารต้องห้าม?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบดึงเสื้อขึ้นมาปิดหัวไหล่ของตนเอง ก่อนกระซิบตอบว่า “ข้าไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ เพื่อปลดผนึกตำแหน่งเซียนกระบี่ของเจ้าเด็กนั่น ข้าจำเป็นต้องเข้าไปขโมยตะเกียงไฟเทวะมาจากวิหารต้องห้าม”
“นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ทั้งตกตะลึงทั้งเดือดดาล
นางมองหน้าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงด้วยความเหลือเชื่อ “วิหารต้องห้ามไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้ มีเพียงท่านขุนนางนักรบทั้งห้าแห่งเผ่าเทพพงไพรเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปที่นั่น ลำพังค่ายอาคมของพวกเขาอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าเจ้าได้แล้ว เจ้าอยากตายหรือไง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อเด็กคนนั้นแล้ว เจ้าทำอะไรลงไปบ้าง?”
“แต่ข้าก็ทำไปแล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพยายามโต้เถียงกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “การกระทำครั้งนี้ ข้าย่อมหวังผลตอบแทน นี่คือบุญคุณครั้งสำคัญที่ทำให้เจ้าเด็กนั่นติดค้างข้า”
“เจ้านี่มันชอบล้อเล่นกับชีวิตของตนเองจริง ๆ”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่พูดอะไรไม่ออก ก่อนถามว่า “แล้วเจ้าเรียกร้องเอาอะไรจากเขา?”
“ศิลาเทวะยี่สิบก้อน”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“ให้ตายสิ เจ้าเด็กนั่นรวยมากจริง ๆ”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “ศิลาเทวะยี่สิบก้อนเท่ากับคะแนนศรัทธาสองแสนแต้มเลยนะ… เมื่อเขาสามารถจ่ายให้เจ้าได้เช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเจ้าเด็กคนนี้คงมีปูมหลังไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้ เพราะไม่น่าจะมีมนุษย์คนใดครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาลถึงเพียงนี้… เอาเถอะ อย่าลืมแบ่งมาให้ข้าด้วยก็แล้วกัน”
“นึกแล้วเชียว แม่ค้าอย่างเจ้าช่างถนัดนักเรื่องการขูดเลือดขูดเนื้อผู้อื่น”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจัดการโอนคะแนนศรัทธาหนึ่งแสนแต้มผ่านทางโทรศัพท์มือถือไปให้แก่เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่
วูบ!
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ก้มมองกำไลแก้วที่สวมอยู่กับข้อมือของตนเองและยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“เพียงเท่านี้เราก็สามารถจ่ายหนี้เงินกู้นอกระบบที่เอามาซื้อเสื้อผ้าได้แล้ว”
นางพูดอย่างมีความสุข “ซ้ำพวกเรายังเหลือเงินไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ ได้อีกด้วย… จริงด้วยสิ หากเจ้าต้องการสุรา ข้าก็สามารถมอบสุราลมทะเลให้เจ้าได้แล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าวว่า “ตราบใดที่ได้มาโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”
“ข้าเองก็เช่นกัน”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะวางมือลงบนหัวไหล่ข้างที่บาดเจ็บของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอีกครั้ง “เจ้าอดทนหน่อยนะ”
ใบหน้าที่สวยงามสมบูรณ์แบบของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย นางกัดฟัน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก สะท้อนประกายกับผิวพรรณขาวผ่องของนางระยิบระยับ
เนิ่นนานหลังจากนั้น เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งเสียงครางในลำคอ แล้วจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ใบหน้าของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงขาวซีดมากแล้ว
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ก็มีเหงื่อออกท่วมตัวเช่นกัน นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนกล่าวว่า “ทำเอาข้าแทบหมดพลังทีเดียว เจ้าช่างโชคดี หากก่อนหน้านี้ไม่ได้รับประทานรากชงโหลว เจ้าก็เป็นเพียงเทพเจ้าระดับ 4 ดาวเท่านั้น และข้าก็คงไม่สามารถใช้วิชาดวงใจสมุทรรักษาเจ้าได้เช่นนี้”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงฝืนยิ้มขณะชำเลืองมองบาดแผลของตนเอง
บัดนี้ บาดแผลของนางปกคลุมด้วยม่านพลังสีฟ้าคราม ซึ่งม่านพลังนั้นกำลังเริ่มต้นเยียวยาบาดแผลอย่างช้า ๆ
“เรื่องแค่นี้เอง เจ้าจะขอบใจทำไม”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “บอกตามตรง ที่ข้าช่วยเหลือเจ้าก็เพราะเห็นแก่คะแนนศรัทธาหนึ่งแสนแต้มนั่นต่างหาก ถึงข้าจะใช้วิชาดวงใจสมุทรช่วยรักษาเจ้าก็จริง แต่เจ้าก็ยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บด้วยตนเองอยู่ดี”
“นอกจากนี้ เจ้าบุกเข้าไปในวิหารต้องห้าม ซึ่งเป็นอาณาเขตในการดูแลของใต้เท้าเหลียน หนึ่งในห้าขุนนางเทวะของเผ่าเทพพงไพร เจ้าบาดเจ็บกลับออกมาเช่นนี้ คงต้องทิ้งร่องรอยเบาะแสเอาไว้แน่ นางเป็นเทพเจ้านักสะกดรอย ในช่วงเวลาระหว่างนี้ เจ้าต้องระมัดระวังตัวหน่อยแล้วกัน มิฉะนั้นเจ้าอาจจะถูกพวกนางเจอตัวเข้าได้”
“น้องสาวไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนั้นข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยและกล่าวต่อ “ในดินแดนเทพเจ้าแห่งนี้ นอกจากเจ้าแล้ว ยังจะมีผู้ใดระมัดระวังตัวมากกว่าข้าอีกหรือ?”
“ต่อจากนี้ เราจะทำอย่างไรกันดี?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่กลับไปรวบผมสีฟ้าของนางอีกครั้ง “แม่นางหมิงคงไม่อยู่เฉยแน่ เว้นแต่เจ้าเด็กนั่นจะกลับไปร้องขอความเมตตากับนางแต่โดยดี… ที่นี่มันแดนเถื่อน หากไม่แน่จริง เขาอยู่ไม่ได้หรอก”
“ค่อย ๆ คิดหาวิธีไปก็แล้วกัน หากไม่ได้ผล เราคงต้องเข้าหาทางเจียงรั่วไป๋”
“กุหลาบเทวะเจียงรั่วไป๋เนี่ยนะ?”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ “ถ้าเจ้าเด็กนั่นสามารถเข้าหาเจียงรั่วไป๋ได้สำเร็จ ทุกอย่างก็คงง่ายขึ้นแล้ว นางมาจากตระกูลเทพเจ้าชั้นสูง ข้าได้ยินมาว่านางมีสิทธิ์ส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันถึงสี่คน แต่ว่า…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่กลับหยุดชะงักเล็กน้อยด้วยความลังเลใจ “เจียงรั่วไป๋หาใช่คนสวยไร้สมองไม่ บุรุษหนุ่มรูปงามนางพบเจอมาจนชินตา อีกทั้งนางยังมีจิตใจเจ้าเล่ห์แสนกล ดีไม่ดีเจ้าเด็กนั่นอาจจะตกอยู่ในอันตรายมากกว่าตอนที่อยู่ในเงื้อมมือของแม่นางหมิงเสียอีก”
“พรืด”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหัวเราะร่วน “ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น เจ้าคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ สตรีเช่นเจียงรั่วไป๋ แม้แต่เทพเจ้าด้วยกันยังหลีกลี้หนีห่าง ไม่มีผู้ใดอยากยุ่งเกี่ยวกับนาง… เรามาคิดหาวิธีอื่นกันดีกว่า ให้เจ้าไปเป็นสตรีในบัญชาของแม่นางหมิงดีหรือไม่?”
“ฝันไปเถอะ”
เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ชักสีหน้าด้วยความขุ่นเคืองใจ