บทที่ 1374 ความแค้นภายในตระกูลจั่วชิว
บทที่ 1374 ความแค้นภายในตระกูลจั่วชิว
เสียงที่แหบแห้งเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอยู่ลึก ๆ นั้นดังก้องไปทั่วห้องโถงที่ว่างเปล่า
จั่วชิวฮงและจั่วชิวเซิงไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ๆ
แต่พวกเขาก็ทราบดีว่า จั่วชิวไท่อู่จะต้องมีศักดิ์ฐานะที่ไม่ธรรมดาภายในตระกูลจั่วชิวอย่างแน่นอน เนื่องจากมีเพียงตระกูลจั่วชิวอยู่ในใจ และไม่มีความสนใจที่จะข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในตระกูล
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่ได้ต่อต้านจั่วชิวเฟิง แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะสนับสนุนจั่วชิวเฟิงเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมีไว้เพื่อรักษาการดำรงอยู่ของตระกูลจั่วชิวเท่านั้น
นั่นหมายความว่า หากเกิดวิกฤตภายในตระกูลจั่วชิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูล เขาจะไม่เฉยเมยและนิ่งดูดายอย่างแน่นอน
“คงเอ๋อร์ทำตัวเอง และการตายของหลิงหงก็สมควรแล้ว!” ทันใดนั้น จั่วชิวไท่อู่ก็แค่นเสียงเย็น ใบหน้าเหี่ยวย่นปกคลุมไปด้วยความเฉยเมย “อันที่จริง ข้ารู้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่อาเสวี่ยถูกล้มล้าง และสูญเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลไปอย่างเจ็บปวด หายนะครั้งนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเพียงนี้”
จั่วชิวฮงและจั่วชิวเซิงมองหน้ากัน แต่พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ตั้งแต่สมัยโบราณผู้แพ้มักจะเป็นฝ่ายผิดเสมอ เมื่อหลายปีก่อน ในฐานะสตรี จั่วชิวเสวี่ย จะมีความสามารถในการเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อย่างไร?
“ข้ารู้ว่าเจ้าสองคนต่างคิดอะไรอยู่ พวกเจ้าคงคิดว่าอาเสวี่ยควรจะตายไปตั้งแต่หลายปีก่อนใช่หรือไม่?” ทันใดนั้น จั่วชิวไท่อู่ได้เหลือบมองทั้งสองอย่างเย็นชา ทำให้หัวใจของทั้งคู่สั่นสะท้านและไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป
จั่วชิวฮงหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อกล่าวให้จบประโยค “ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่ เรื่องนั้นได้ผ่านไปเนิ่นนานมากแล้ว ตอนนี้ตระกูลจั่วชิวของเราตกต่ำจนกลายเป็นตัวตลกไปทั่วสามภพ และสถานการณ์ภายในก็อันตรายอย่างยิ่ง หากภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ข้า… ข้าเกรงว่า…”
เขากล่าวยังไม่ทันจบ แต่จั่วชิวไท่อู่ก็เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ ใบหน้าเหี่ยวย่นของจั่วชิวไท่อู่ก็ดูแก่ชรามากขึ้นทันที ทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมทันใด “เจ้าทั้งคู่ออกไปได้แล้ว ส่วนเรื่องนี้… ข้าจะเป็นคนจัดการกับมันเพื่อตระกูลจั่วชิวเอง”
เพื่อตระกูลจั่วชิว ไม่ใช่เพื่อจั่วชิวเฟิงหรือจั่วชิวหวงหลิน!
ความหมายเบื้องหลังสิ่งนี้ชัดเจน จั่วชิวไท่อู่ได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับความขัดแย้งภายในตระกูลจั่วชิว แต่ไม่ใช่เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำของจั่วชิวเฟิง และไม่ใช่เพื่อล้างแค้นให้กับจั่วชิวหวงหลิน แต่เพื่อความอยู่รอดของตระกูลจั่วชิว!
จั่วชิวฮงและจั่วชิวเซิงย่อมเข้าใจสิ่งนี้โดยธรรมชาติ ทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะโค้งคำนับและจากไปทันทีหลังจากกล่าวลา
…
หลังจากออกจากห้องโถง จั่วชิวฮงกล่าวขึ้นทันทีว่า “เจ้าคิดว่าท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่จะตัดสินใจอย่างไร”
จั่วชิวเซิงตกตะลึง จากนั้นประกายแสงอันเหี้ยมโหดก็ฉายวาบอยู่ในแววตา “แน่นอนว่า ต้องฆ่าไอ้สารเลวนั่นเพื่อคลี่คลายปัญหาให้กับตระกูลจั่วชิว และปิดปากทุกคนในโลกนี้!”
“ฆ่าเฉินซีหรือ… ” จั่วชิวฮงพึมพำแล้วเขาก็กล่าวทันที “แต่นี่คือสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ด้วยความสามารถของสำนัก ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่จะทำได้หรือ?”
จั่วชิวเซิงเผยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับเต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่วางแผนที่จะเสียสละตนเอง?”
จั่วชิวฮงตกตะลึง “มันคงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง”
จั่วชิวเซิงส่ายศีรษะ “แต่ข้าสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ตราบใดที่ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่ได้ตัดสินใจแล้ว ไอ้สารเลวนั่นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “รอก่อนเถอะ ภายในสองสามวันนี้ เมื่อข่าวการตายของเฉินซีแพร่กระจายไปทั่วภพเซียน ถึงเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นเขาเทพพยากรณ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวาหรือสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แม้พวกเขาจะทวงความเป็นธรรมให้เฉินซี แต่พวกเขาก็จะมาล้างแค้นกับท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ตระกูลจั่วชิวของเราล้วนไม่เกี่ยวข้อง”
หัวใจของจั่วชิวฮงเต้นแรง ด้วยสถานะและการบ่มเพาะในปัจจุบัน เขายังคงอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เพราะผลลัพธ์ที่จั่วชิวไท่อู่ต้องเผชิญนั้น ร้ายแรงเหนือจินตนาการ!
“การกระทำของบรรพจารย์อาวุโสหวงหลิน ไม่เลือดเย็นไปหน่อยหรือ…? จั่วชิวฮงอดไม่ได้ที่จะกล่าว
“เลือดเย็น? ฮึ่ม! ถ้าเขาไม่สอดมือในสมรภูมินอกพิภพในวันนั้น ไอ้สารเลวนั่นคงถูกพวกเราสังหารไปนานแล้ว เรื่องคงไม่บานปลายถึงเพียงนี้” จั่วชิวเซิงตะคอกอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเฉยเมย “มาเถอะ อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ”
พวกเขาสองคนต่างสนทนาผ่านกระแสปราณและจากไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตั้งใจที่จะรายงานเรื่องนี้กลับไปยังตระกูลจั่วชิว
…
“หลิงเซียว ตอนนี้เฉินซีอยู่ที่ใด?” ในห้องโถงที่ว่างเปล่า จั่วชิวไท่อู่เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยถาม
สิ้นเสียง บริวารเต๋าก็เข้ามาอย่างเร่งรีบและโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่เฉินซีกำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่ภายในห้องกระบี่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าที่จะเปิดขึ้นในอีกสามเดือนนับจากนี้ขอรับ”
จั่วชิวไท่อู่พยักหน้าแล้วถอนหายใจ “ให้เขามาหาข้า หลังจากกลับมาจากแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า”
บริวารเต๋าที่ชื่อว่าหลิงเซียวรีบพยักหน้ารับ “ขอรับ”
…
คุกเนตรเซียน
สายน้ำใสไหลเอื่อย เมฆขาวลอยล่องบนท้องฟ้า ในลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบด้วยต้นไผ่สีเขียวหยก มีกระท่อมตั้งอยู่ริมลำธาร จั่วชิวเสวี่ยยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะหินที่วางอยู่หน้ากระท่อม
ทว่า วันนี้นางไม่ได้เย็บรองเท้า แต่ดื่มชาร้อนแทน นางเหม่อมองภูเขาและลำธารเงียบ ๆ พร้อมกับสีหน้าที่ดูสับสนเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“อาเสวี่ย” ทันใดนั้น เสียงทุ้มหนักก็ดังมาจากระยะไกล
พร้อมกับเสียงนี้ ร่างที่สูงส่งและสง่างามของจั่วชิวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานเล็ก ๆ
ดูเหมือนจั่วชิวเสวี่ยจะไม่แปลกใจแม้แต่น้อย นางกล่าวอย่างเฉยเมยโดยไม่คิดจะหันมามองผู้มาใหม่ “ตั้งแต่คงเอ๋อร์มาที่นี่ในวันนั้น ข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าก็มาเช่นกัน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
“โอ้?” จั่วชิวเฟิงเลิกคิ้วขึ้น และนั่งตรงข้ามกับจั่วชิวเสวี่ย พลางมองดูรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของนาง ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็ปกคลุมหน้าผากของเขา
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า “คงเอ๋อร์ประสบคราวเคราะห์แล้ว” น้ำเสียงของเขาสงบ แต่ความเศร้าโศกไม่สามารถปกปิดได้
ครั้งนี้จั่วชิวเสวี่ยเป็นฝ่ายตกตะลึง แต่ไร้ความโศกเศร้าและยิ้มบาง ๆ “เจ้าจะบอกว่าลูกชายของข้าเป็นคนฆ่าเขา?”
จั่วชิวเฟิงสูดหายใจลึก จากนั้นสีหน้าก็กลับคืนสู่ท่าทางไม่แยแส ก่อนจะพยักหน้า “เจ้ากล่าวถูกแล้ว”
“นั่นคือการลงโทษ” จั่วชิวเสวี่ยถือถ้วยชาร้อนในมือ แล้วจ้องมองไปยังท้องฟ้าอันห่างไกล “ครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน เขาไม่ยอมยั้งมือแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่อาจฆ่าซีเอ๋อร์ได้ ตอนนี้เขากลับเสียชีวิตด้วยน้ำมือของซีเอ๋อร์… ก็สมควรแล้ว”
น้ำเสียงของนางเย็นชา ไม่แยแสและนิ่งสงบ
“แต่เจ้าคืออาของคงเอ๋อร์! ทั้งที่เจ้าเอ็นดูเขามาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ทำไม…” จั่วชิวเฟิงระงับความโกรธในใจและถามนางเสียงเย็น “เป็นเพราะเฉินหลิงจวิน? หรืออาจเป็นเพราะไอ้สารเลวนั่นที่ไม่ควรเกิดมาในโลกนี้?”
จู่ ๆ จั่วชิวเสวี่ยก็หันกลับมาด้วยสีหน้าที่สงบ นางจ้องตาจั่วชิวเฟิงเงียบ ๆ ก่อนจะเริ่มหัวเราะ “เมื่อก่อน เจ้าจะไม่มีวันโกรธเคืองขนาดนี้ เป็นเพราะเจ้ารู้สึกว่าสถานการณ์ของตระกูลจั่วชิวนั้นยากที่จะรับมือแล้วใช่หรือไม่?”
จั่วชิวเฟิงตกตะลึง จากนั้นจึงสลัดความรู้สึกซับซ้อนที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจทิ้งทันที ทำให้จิตใจกลับมาเยือกเย็นและปลอดโปร่ง เพราะรู้ดีว่าน้องสาวผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นคนที่มีสติปัญญาปราดเปรื่องเป็นพิเศษ
ขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ร่องรอยของความผันผวนในอารมณ์จะทำให้นางสามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงยิ่งต้องระมัดระวัง
เขาเงียบไปนานก่อนจะกล่าวว่า “ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ก็มีแค่เรื่องเดียว ตราบใดที่เจ้ายินยอมที่จะปล่อยให้เรื่องในอดีตผ่านไป ตระกูลจั่วชิวก็จะยอมรับเฉินซีกลับเข้าตระกูล และยอมรับเขาในฐานะคนของตระกูลจั่วชิว ซึ่งถ้าเขาเต็มใจ ก็สามารถเปลี่ยนแซ่เป็นจั่วชิว…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็เงียบไปอีกครั้งและกลั่นกรองคำพูด ก่อนจะกล่าว “และเขาสามารถเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำคนตระกูลคนต่อไป!”
จั่วชิวเสวี่ยตกตะลึง “นี่คือการตัดสินใจของจั่วชิวหวงหลิน?”
สีหน้าของจั่วชิวเฟิงหมองลง “นี่คือความตั้งใจของทั้งตระกูลจั่วชิว!”
ได้ยินดังนั้น จั่วชิวเสวี่ยก็หัวเราะหยัน “เจ้ายังคงหน้าซื่อใจคดไม่เปลี่ยน”
กล่าวจบ นางก็จ้องจั่วชิวเฟิงเขม็ง จากนั้นนางก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าความสามารถของซีเอ๋อร์ในตอนนี้ กำลังจะคุกคามตระกูลจั่วชิวมากสินะ มิฉะนั้นจั่วชิวหวงหลินจะเสนอเงื่อนไขนี้ได้อย่างไร?”
ไม่ว่าจะควบคุมอารมณ์อย่างไร แต่ความเย็นชาและความเศร้าหมองก็เข้าปกคลุมหน้าผากของจั่วชิวเฟิงอย่างอดไม่ได้ “อาเสวี่ย เจ้าอย่าทำให้ข้าโกรธจะดีกว่า”
จั่วชิวเสวี่ยคล้ายไม่ได้ยิน นางยิ้มอย่างสดใสยิ่งกว่าเดิม “เจ้าควรรู้ไว้ว่า ความแค้นระหว่างเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับเฉินหลิงจวิน ด้วยนิสัยของเจ้า เจ้าไม่มีทางสนใจอยู่แล้วว่าข้าจะแต่งงานกับใคร”
จั่วชิวเฟิงขมวดคิ้วแน่น “ข้าแค่ถามว่าเจ้าเห็นด้วยหรือไม่ และบรรพจารย์อาวุโสหวงหลินได้ส่งคนไปที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพื่อขอให้ท่านบรรพจารย์อาวุโสไท่อู่ตัดสินใจต่อเรื่องนี้ เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าคงไม่สามารถพบกับลูกชายของเจ้าได้อีก!”
เมื่อเอ่ยชื่อของจั่วชิวไท่อู่ ดวงตาของจั่วชิวเสวี่ยพลันหรี่ลง และตกอยู่ในภวังค์ทันที
“อาเสวี่ย ความแค้นในอดีตได้ผ่านไปแล้ว จะยึดติดกับมันต่อไปทำไมเล่า? หรือเจ้าสามารถทนดูตระกูลจั่วชิวของเราตกอยู่ในวิกฤต?” จั่วชิวเฟิงรีบรุกขณะที่เหล็กยังร้อน เมื่อเห็นจั่วชิวเสวี่ยเงียบไป
“แต่ซีเอ๋อร์ฆ่าลูกชายของเจ้า” จั่วชิวเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ
มุมปากของจั่วชิวเฟิงกระตุกอย่างรุนแรง และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เพื่อประโยชน์ของตระกูลจั่วชิว เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้หาได้สำคัญไม่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จั่วชิวเสวี่ยโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ออกไป เจ้าสามารถลืมเรื่องเมื่อหลายปีก่อนได้ แต่ข้าไม่ มิฉะนั้นข้าจั่วชิวเสวี่ยจะทำให้ท่านพ่อผิดหวังอย่างแท้จริง!”
ท่านพ่อ!
เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของจั่วชิวเฟิงเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองทันที และมันเหมือนกับถูกสัมผัสเกล็ดย้อน ทำให้จิตสังหารอันโหดเหี้ยมได้พุ่งออกมาจากส่วนลึกในหัวใจ
“ทำไมหรือ? หลังจากอดทนมาหลายปี ในที่สุดเจ้าก็ยับยั้งตัวเองไม่ได้แล้วหรือ?” จั่วชิวเสวี่ยเหลือบมองด้วยหางตา ขณะที่สีหน้าสงบไม่แปรเปลี่ยน “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ไอ้เฒ่าจั่วชิวหวงหลินคงบอกไม่ให้เจ้าลงมือกับข้ากระมัง?”
ทันใดนั้น จั่วชิวเฟิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้นสุดขีด “เจ้าคิดว่าข้าจะฟังเขาหรือ?”
จั่วชิวเสวี่ยกล่าวช้า ๆ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าหรอก มิฉะนั้นตระกูลจั่วชิวอาจจะล่มสลายด้วยน้ำมือของเจ้า”
ความเย็นชาปะทุออกมาจากส่วนลึกของดวงตาจั่วชิวเฟิง ไม่ว่าจะอยากสับสตรีตรงหน้าเป็นชิ้น ๆ เพียงใด แต่ในตอนนี้เขาทำได้แค่หักห้ามใจตนเอง และจากไปพร้อมกับความโกรธ
“อาเสวี่ย ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่รับไว้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจ!”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังก้องไปทั่วฟ้าดิน และร่างของจั่วชิวเฟิงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“โอกาส?” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของจั่วชิวเสวี่ย “ข้าไม่เคยต้องการโอกาสเช่นนี้!”