บทที่ 1375 ทดสอบความแข็งแกร่ง
บทที่ 1375 ทดสอบความแข็งแกร่ง
ภายในโลกแห่งดารา สีหน้าของเฉินซีเครียดขึง กระดูกสันหลังเหยียดตรง ความสงบปกคลุมที่หว่างคิ้ว ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้น พลังงานของตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุเปล่งเสียงดังกึกก้อง มันคำรามและพุ่งทะยานราวกับมหาสมุทร ภายใต้ทักษะในการ ‘หลอมรวมเต๋า’ เกือบสามส่วนของมหาสมุทรเบญจธาตุหลากสีนี้ได้กลายเป็นพลังงานของอักขระยันต์แล้ว
สีของอักขระยันต์เหล่านี้สดใส ควบแน่นจนเป็นแสงสีแดงเข้ม สีดำ สีเหลือง สีเขียว และสีทองอันศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่
พวกมันไม่เหมือนกับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ เพราะการหมุนเวียนของพวกมัน ไม่เพียงดูเหมือนการเคลื่อนคล้อยไปตามวิถีของดวงดาว แต่ยังแฝงด้วยจังหวะของใบบัวที่ปลิวไสวไปตามสายลม เพราะมันไร้รูปร่างทั้งยังมองไม่เห็น และเปี่ยมด้วยกลิ่นอายที่ลึกซึ้ง
มันคือกลิ่นอายของกฎปราชญ์เต๋า!
แต่ทว่ามันยังอ่อนแอยิ่งนัก และครอบครองเพียงสามในสิบของมหาสมุทรเบญจธาตุเท่านั้น
นี่คือความก้าวหน้าของเฉินซี หลังจากการบ่มเพาะในโลกแห่งดาราตลอดครึ่งปี!
ใช้เวลากว่าครึ่งปีแต่หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุได้เพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น ทั้งอยู่ภายใต้การส่งเสริมของไข่มุกปราชญ์เต๋าแสงอัคคี อาสนะคุนอู่และคัมภีร์ร้อยปราชญ์เต๋า สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการ ‘หลอมรวมเต๋า’ นั้นยากเพียงใด
…
ครึ่งปีในโลกแห่งดารา คือหนึ่งเดือนในโลกภายนอก
ในช่วงเดือนนี้ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับการตายของจั่วชิวคง ยังคงถูกพูดถึง สิ่งนี้ทำให้เหล่าศิษย์และอาจารย์ทั้งหมดจากตระกูลจั่วชิวที่อยู่ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ต้องทนทุกข์และถูกเยาะเย้ยไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความขุ่นเคืองและความคับแค้นในใจของเหล่าศิษย์และอาจารย์จากตระกูลจั่วชิวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของศิษย์สายในหลายคน นั่นคือแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเปิดในอีกสองเดือนข้างหน้า!
ในเวลานั้น ศิษย์สายในสิบคนจะเข้าไปในที่นั่นเพื่อบ่มเพาะ โดยที่ศิษย์สิบคนนั้นย่อมเป็นหลิงชิงอู๋ เยี่ยถัง เฉินซีและศิษย์คนอื่น ๆ อีกหลายคนที่โดดเด่นที่สุด
ทว่า ศิษย์ที่เป็นที่สนใจมากที่สุด กลับไม่ใช่สุริยันอันเจิดจ้าอย่างหลิงชิงอู๋และเยี่ยถัง คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินซี!
ปัจจุบัน เหล่าศิษย์และอาจารย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ยินมาว่า เฉินซีได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์แล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่ใคร ๆ ก็แสวงหาหนทางสู่การเป็นเทพ เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งนี้ เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และคนอื่น ๆ ที่เข้ามาสำนักฝ่ายในพร้อมกับเฉินซียังคงอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ
โดยที่ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเท่านั้น!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เนื่องจากเฉินซีก้าวจากขอบเขตเซียนทองคำสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี ความเร็วในการบรรลุขอบเขตที่เย้ยสวรรค์เช่นนี้ ทำให้เหล่าศิษย์และอาจารย์ในสำนักหลายคนต้องตกตะลึงอย่างแท้จริง
ยิ่งมีข่าวลือหนาหูว่าจั่วชิงคงได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเฉินซี ทำให้ชื่อเสียงในสำนักสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เฉินซีได้แซงหน้าสุริยันอันเจิดจ้าทั้งสองดวงอย่างเยี่ยถังและหลิงชิงอู๋แล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข่าวที่เฉินซีกำลังจะเข้าสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าในอีกสองเดือนข้างหน้า ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
เฉินซีจะสามารถรับมรดกของจักรพรรดิเต๋าภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าได้หรือไม่?
การบ่มเพาะจะมีความก้าวหน้า หลังจากที่กลับมาจากแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าหรือไม่?
ตระกูลจั่วชิวจะล้างแค้นเฉินซีภายในสำนักหรือไม่?
คำถามที่ยังไร้คำตอบเหล่านี้ กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลาก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเปิดขึ้น
…
เฉินซีบ่มเพาะในโลกแห่งดาราเป็นเวลาหนึ่งปี ในขณะที่สองเดือนผ่านไปในโลกภายนอก
ในช่วงเวลานี้ เขาหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุได้หกในสิบส่วนแล้ว และกลิ่นอายน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมา ก็เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่
สามวันก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเปิดขึ้น เฉินซียังขาดอีกแค่ก้าวเดียว เกือบจะหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุได้เก้าในสิบส่วนแล้ว
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่า พลังฝีมือของตนได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเพิ่มขึ้นมากเพียงใด
ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเดินทางไปยังแดนเซียนสวรรค์มายาเสียแล้ว…
เหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้น และเฉินซีไม่อยากเสียเวลาแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงลุกขึ้นและออกจากโลกแห่งดาราทันที
…
แดนเซียนสวรรค์มายา
ฟิ่ว!
ร่างสูงใหญ่วูบไหวสองสามครั้ง ก่อนจะมาถึงแท่นบวงสรวงที่ตั้งอยู่ด้านหน้าด่านที่เจ็ดสิบสามของแดนเซียนสวรรค์มายา
ซึ่งพวกมันมีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดด่านในแดนเซียนสวรรค์มายา โดยที่สามสิบหกด่านแรกได้เตรียมไว้สำหรับศิษย์ในขอบเขตเซียนลึกลับเพื่อขัดเกลาตนเอง และอีกสามสิบหกด่านถัดไปได้เตรียมไว้สำหรับศิษย์ขอบเขตเซียนทองคำ
สำหรับสามสิบหกด่านสุดท้ายได้เตรียมไว้สำหรับศิษย์ขอบเขตเซียนปราชญ์
แน่นอนว่าการเข้าสู่ด่านที่เจ็ดสิบสามจำเป็นต้องจ่ายแต้มดาราเช่นกัน และทั้งหมดคือห้าล้านแต้ม
โอ้ นึกไม่ถึงเลยว่าข้ามีแต้มดาราถึงเจ็ดสิบเก้าล้านแต้มแล้ว… เฉินซีเพ่งมองตราดาราม่วงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็สังเกตเห็นว่าแต้มดาราได้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า! แต่นี่นับเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เนื่องจากรางวัลที่ได้รับจากการครองตำแหน่งในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงและศิลาวิถีสำหรับเจ็ดสิบสองด่านแรกของแดนเซียนสวรรค์มายา… คือแต้มดารามากกว่าสิบล้านแต้มทุกเดือน
ดังนั้นการมีแต้มดาราเจ็ดสิบเก้าล้านแต้มในตอนนี้ จึงเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
เว้นแต่จะมีวันที่อันดับของเขาถูกผู้อื่นยึดครอง
เมื่อเฉินซีมาถึง มีศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นอยู่บนแท่นบวงสรวงที่หน้าทางเข้าด่านที่เจ็ดสิบสาม
“เฉินซี?”
“เขาออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว?”
“ที่แท้ก็ศิษย์น้องเฉินซีนี่เอง เจ้ากำลังจะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายาหรือ?”
แม้จะมีศิษย์อยู่เพียงไม่กี่คน แต่ศิษย์เหล่านี้ล้วนจดจำเฉินซีได้ ทุกคนจึงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง
เฉินซีไม่รู้จักพวกเขา แต่ก็ยังคงยิ้มขณะทักทายทีละคน หลังจากนั้น ความสนใจของเขาก็ถูกดึงไปที่ศิลาวิถีที่อยู่ด้านข้าง
ผู้ที่ครองอันดับหนึ่งของศิลาวิถีคือหัวเจี้ยนคง!
เมื่อเห็นชื่อนี้ เฉินซีก็นึกถึงยันต์ศัสตราของเขาทันที และมันยังคงอยู่ที่หัวเจี้ยนคงในขณะนี้
ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครสามารถทำลายสถิติเหล่านี้มาหลายปีแล้ว…
ชายหนุ่มละสายตาจากชื่อของหัวเจี้ยนคง จากนั้นก็เห็นชื่อของเซวียนหยวนพัวจวิน หวังต้าวหลู โจวจื่อหลี เจี้ยงอวี่และคนอื่น ๆ เจ้าของสถิติเกือบทั้งหมด ล้วนเป็นผู้อาวุโสในสำนัก
มีเพียงไม่กี่ชื่อที่เฉินซีไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่กล้ายืนยันว่าชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อาวุโสในสำนักหรือศิษย์สายในขอบเขตเซียนปราชญ์กันแน่
“ศิษย์น้องเฉินซี นี่คงเป็นครั้งแรกเจ้าที่มาที่นี่สินะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และอธิบายด้วยท่าทางที่ค่อนข้างอบอุ่น “ในบรรดาผู้ถือครองสถิติสิบอันดับแรกบนศิลาวิถี มีแปดคนเป็นผู้อาวุโสในสำนัก และสถิติพวกนี้ ก็ไม่เคยถูกทำลายจนกระทั่งบัดนี้”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “สำหรับเนี่ยซิงเจินผู้อยู่ในอันดับเก้าและกู่เยวหรูผู้อยู่ในอันดับที่สิบ พวกเขาเป็นศิษย์สายในขอบเขตเซียนปราชญ์ แน่นอนว่าทั้งสองอยู่ในอันดับที่หนึ่งและสองในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ของฝ่ายใน”
เทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์!
เฉินซีเคยได้ยินมาว่ามีเซียนทองคำประมาณแปดร้อยคน และเซียนปราชญ์ประมาณสามร้อยคนในบรรดาศิษย์สายใน โดยที่ตามความแตกต่างในขอบเขตการบ่มเพาะ พวกเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นสองเทียบอันดับ ได้แก่เทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงและเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์!
เทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์เป็นสถานที่ที่ศิษย์ในขอบเขตเซียนปราชญ์จะแข่งขันกันเอง และมีเพียงสามสิบอันดับเท่านั้น ผู้ที่มีรายชื่ออยู่บนเทียบอันดับ ล้วนเป็นบุคคลชั้นนำในขอบเขตเซียนปราชญ์
ตัวอย่างเช่น เนื่องจากเนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูสามารถขึ้นสู่อันดับที่หนึ่งและสองของเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ได้ จึงเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาน่ากลัวเพียงใด
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะตั้งแต่เข้ามาในสำนัก ก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเซียนปราชญ์ที่น่าเกรงขามเช่นพวกเขามาก่อน
ทว่าในเวลาต่อมา เฉินซีก็กระจ่าง เมื่อคนตรงหน้าอธิบายเพิ่ม
ทั้งเนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูเป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงในสำนัก แต่ทั้งสองอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะมาเกือบพันปีแล้ว พวกเขากำลังพุ่งเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียน ดังนั้นข่าวที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจึงค่อย ๆ ลดลง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ศิษย์ใหม่อย่างเฉินซีจะเคยได้ยินชื่อของพวกเขา
“ขอบคุณศิษย์พี่” ชายหนุ่มประสานมือคำนับ
“ฮ่า ฮ่า ศิษย์น้องเฉินซี ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้าก็แค่เข้าสำนักเร็วกว่าเจ้า โอ้ ใช่แล้ว ข้าชื่อกัวตงเสิ่ง มาจากทวีปนภาเหมันต์” ชายตรงหน้ามีความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง และยิ้มกว้างขณะแนะนำตัวเอง
ความประทับใจที่มีต่อกัวตงเสิ่งนั้นไม่เลวนัก เฉินซีจึงสนทนากับเขาอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็กระโจนเข้าสู่ทางเข้าด่านที่เจ็ดสิบสามทันที
“การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลเช่นเฉินซี ถือว่าเป็นวาสนาอย่างยิ่ง” กัวตงเสิ่งจ้องมองไปยังจุดที่อีกฝ่ายหายตัวไป โดยที่พึมพำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในปัจจุบัน ชื่อเสียงของเฉินซีภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าในท้องฟ้ายามเที่ยงวัน ซึ่งไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ ดังนั้นศิษย์หลายคนหวังว่าจะสามารถพูดคุยกับคนผู้นี้ และสร้างความสัมพันธ์กับเขา
กัวตงเสิ่งก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ตงเสิ่ง เจ้าคิดว่าศิษย์น้องเฉินซีจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้หรือไม่” เมื่อศิษย์ขอบเขตเซียนปราชญ์คนอื่น ๆ บนแท่นบวงสรวงเห็นคนกระโจนเข้าสู่ทางเข้าด่านที่เจ็ดสิบสาม ทั้งหมดก็เข้ามารุมล้อมด้วยความสงสัยและเริ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
“ข้าคิดว่ายาก ศิษย์น้องเฉินซีเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ และเขาอาจยังไม่ได้สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตัวเอง ดังนั้นความหวังในการสร้างสถิติใหม่จึงน้อยมาก” กัวตงเสิ่งเพิ่งอ้าปาก ก็มีคนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและชิงกล่าวขึ้นก่อน
ทันทีที่สิ้นคำ ก็ทำให้หลายคนเห็นพ้องต้องกันทันที พวกเขาตระหนักดีว่า ผู้ที่ทำลายสถิติทุกคนที่สามารถติดอันดับบนศิลาวิธีได้ ล้วนแต่สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตนเองแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานในการสร้างสถิติใหม่
นอกจากนั้น ไม่ว่าจะการบ่มเพาะ ประสบการณ์การต่อสู้ เจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้… ล้วนมีเงื่อนไขที่รุนแรงอย่างยิ่งต่อเรื่องทั้งหมดนี้เช่นกัน
สิ่งนี้สามารถสังเกตได้จากเจ้าของสถิติบนศิลาวิถี ตัวอย่างเช่นเนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูซึ่งครองอันดับที่หนึ่งและสองในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ แต่พวกเขาสามารถครองได้เพียงอันดับที่เก้าและสิบในศิลาวิถีเท่านั้น
แล้วเฉินซีที่เพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ไม่นาน จะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างไร?
“ข้าคิดว่าศิษย์น้องเฉินซีจะทำลายสถิติได้ อย่าลืมว่าเขาคือเฉินซี!” กัวตงเสิ่งขมวดคิ้ว จากนั้นความมั่นใจก็ปกคลุมทั่วใบหน้า ใช่ เป็นเพราะคนคนนั้นคือเฉินซี และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพราะชื่อนี้แสดงถึงปาฏิหาริย์และความรุ่งโรจน์มานับไม่ถ้วน!