บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1377 กระบี่เซียนบงกชคราม

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

1377 กระบี่เซียนบงกชคราม

บทที่ 1377 กระบี่เซียนบงกชคราม

กระบี่เซียนวิญญาณชาด ระดับวีรบุรุษขั้นต่ำ ตัวกระบี่ปกคลุมด้วยข้อจำกัดสามพันหกร้อยชั้น เพียงกวัดแกว่งก็ทำให้ภูตผีและทวยเทพสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว กระบี่เล่มนี้ได้รับการหลอมสร้างโดยยอดปรมาจารย์ด้านการสร้างศัสตรา โอวเผิง ราคาหกล้านแต้มดารา

กระบี่เซียนเงามังกร ระดับวีรบุรุษขั้นกลาง หลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของมังกรหมึก ตัวกระบี่ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กเย็นจรัสหยก ศิลายมโลกเหล็กกล้าทองคำ แก่นแท้เมฆาม่วงเก้าชั้นฟ้า และสมบัติอมตะขั้นสูงอีกสามสิบสี่ชนิด ซึ่งสืบทอดมาจากหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายใน เจี้ยงอวี่ ราคาสิบสามล้านแต้มดารา

กระบี่เซียนสะท้านสายฟ้า ระดับวีรบุรุษขั้นสูง… ราคา 19,300,000 แต้มดารา

กระบี่เซียนเงาทะลวง ระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุด… ราคา 36,000,000 แต้มดารา

ที่หน้าชั้นวางสมบัติบนชั้นสามของโถงแต้มดารา เฉินซีมองดูบรรดากระบี่เซียนที่เปล่งประกายและทรงพลังซึ่งจัดแสดงอยู่ที่นั่น และถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“แพงจริง ๆ!”

กระบี่เซียนระดับวีรบุรุษขั้นต่ำเพียงเล่มเดียว ก็มีมูลค่าถึงหกล้านแต้มดารา ซึ่งถ้าเป็นศิษย์ธรรมดาคงต้องทำทำงานหนักหลายปีกว่าจะรวบรวมแต้มดาราจำนวนนี้ได้

แน่นอนว่า ตามความเห็นของเฉินซี แต้มดาราเล็ก ๆ น้อยๆ นี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่เขาประหลาดใจเพราะกระบี่เซียนระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุดมีมูลค่าเกือบสามสิบล้านแต้มดารา!

สามสิบล้านแต้มดารา!

หากเป็นในอดีต เฉินซีคงไม่กล้ามีความปรารถนาที่ฟุ่มเฟือยเช่นนี้

แต่ตอนนี้เขาได้รับแต้มดาราเกือบสิบล้านแต้มดาราในทุกเดือน ดังนั้นจึงสามารถซื้อสมบัติราคาแพงเช่นนี้ได้

“ศิษย์พี่เฉินซี ท่านต้องการกระบี่เซียนระดับวีรบุรุษขั้นใด? บางทีข้าอาจพอช่วยแนะนำได้ เพราะตัวข้านั้นโชคดีที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่นี่เมื่อหลายปีก่อน เชื่อมือข้าได้เลย” ชิงเยี่ยยิ้มอย่างเขินอาย

“โอ้?” เฉินซีเหลือบมองชิงเยี่ยด้วยความประหลาดใจ “เช่นนั้นต้องรบกวนศิษย์น้องชิงเยี่ยแล้ว กระบี่เซียนระดับวีรบุรุษเล่มใดที่ทรงพลังที่สุด?”

ชิงเยี่ยขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “พลังของสมบัติอมตะขั้นสูงสุดได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ พวกมันเหมาะสมกับผู้ครอบครองหรือไม่”

เฉินซีพยักหน้า “นั่นก็จริง”

“อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่ากระบี่เซียนทั้งสามนี้เหมาะสมกับศิษย์พี่อย่างยิ่ง” ชิงเยี่ยยิ้มพลางชี้ไปที่กระบี่เซียนระดับวีรบุรุษสามเล่ม “กระบี่เซียนแสงยมโลกเล่มนี้ เป็นกระบี่ของอาจารย์ใหญ่ฝ่ายนอกโจวจื่อหลีเมื่อหลายปีก่อน เมื่อเขาบรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น เขาจึงวางกระบี่เล่มนี้ไว้ที่นี่เพื่อแลกกับแต้มดารา”

หลังจากนั้น ชิงเยี่ยชี้ไปที่กระบี่เซียนอีกเล่มหนึ่งแล้วกล่าวว่า “กระบี่เซียนหิมะโลหิตเล่มนี้ถูกนำกลับมาจากซากโบราณสถานโดยศิษย์ของท่านเจ้าสำนัก หัวเจี้ยนคง ที่มันอยู่ที่นี่เป็นเพราะมันไม่เข้ากับเต๋าแห่งกระบี่ของเขา”

“สำหรับกระบี่เซียนบงกชครามเล่มนี้… ถูกสร้างขึ้นจากกลีบบงกชครามชำระโลกาจากยุคบรรพกาลสามสิบหกกลีบ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งถึงจนเหนือล้ำกว่าขอบเขตของระดับวีรบุรุษ และเป็นกระบี่คู่กายของผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งมันได้สังหารเหล่าทวยเทพที่น่าเกรงขามไปมากมาย ทำให้ชื่อของมันสะท้านภพ” เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี่ สีหน้าของชิงเยี่ยก็เผยความเสียดายอย่างอดไม่ได้ “น่าเสียดายที่กระบี่เล่มนี้ประสบภัยพิบัติเมื่อหลายปีก่อน และได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ทำให้ปัจจุบันสามารถสำแดงพลังได้แค่ระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุดเท่านั้น”

กระบี่เซียนบงกชคราม? เฉินซีจ้องมองกระบี่ใสราวกับหยก ยาวประมาณสี่ฉื่อกว้างสองชุ่น และพื้นผิวถูกปกคลุมไปด้วยแถวของสัญลักษณ์ลึกลับ ดูเหมือนเส้นใบของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์และคลุมเครือ

น่าเสียดายที่สัญลักษณ์ลึกลับจำนวนมากบนตัวกระบี่ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง มิฉะนั้น กลิ่นอายน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านจากกระบี่เล่มนี้ จะไม่อยู่เพียงแค่ระดับดังกล่าวอย่างแน่นอน

“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ” เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะละสายตาออกไป แล้วจ้องไปที่กระบี่แสงยมโลกและกระบี่หิมะโลหิต ชายหนุ่มพินิจมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าในตอนท้าย

ไม่ใช่ว่ากระบี่เซียนทั้งสองเล่มนี้ไม่ดี แต่เพียงกลิ่นอายของกระบี่ทั้งสอง ก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่เหมาะกับเขา

ในท้ายที่สุด เฉินซีก็หันกลับไปมองกระบี่เซียนบงกชครามอีกครั้ง และเกิดความสงสารในใจ ช่างเป็นสมบัติล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ แต่ทำไมมันถึงได้รับความเสียหายขนาดนี้?

“ศิษย์พี่เฉินซี หรือท่านชอบกระบี่เล่มนี้?” ชิงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะเตือน “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครชอบมัน แต่ปัญหาคือมันได้รับความเสียหายรุนแรงเกินไป ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสามารถแลกมันได้ แต่เมื่อใช้พลังของมันจนถึงขีดจำกัด มันก็จะพังทลาย ดังนั้นจึงไม่คุ้มกับราคาเลย”

เฉินซีพยักหน้า เพราะคำกล่าวของชิงเยี่ยถือได้ว่าสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มก็ตระหนักดีว่า ถึงแม้กระบี่เซียนบงกชครามจะยังสามารถแสดงพลังของสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุด แต่เมื่อมันถูกใช้งานจนถึงขีดจำกัด พลังของมันก็จะค่อย ๆ ลดลงจนพังทลายโดยสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่คุ้มเลยที่จะแลกแต้มดาราสามสิบล้านแต้มกับสมบัติอมตะเช่นนี้ และไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะไม่มีใครสนใจมัน

แต่ว่า…

เฉินซีก็ตัดสินใจแล้ว และหยิบตราดาราม่วงออกมาส่งให้ชิ่งเยี่ย “ชิงเยี่ย ช่วยนำมันมาให้ข้าที”

ชิงเยี่ยรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่เฉินซี ท่านแน่ใจแล้วหรือ?”

เฉินซียิ้ม “ข้าค่อนข้างสนใจสมบัติชิ้นนี้มาก อย่างน้อยข้าก็ศึกษาจากมัน”

“แต่นั่นคือสามสิบล้านแต้มดารา!” ชิงเยี่ยรู้สึกปวดใจกับแต้มดาราจำนวนมหาศาลแทนเฉินซี “จำนวนแต้มดาราขนาดนี้เพียงพอที่จะแลกเป็นสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษที่ทรงพลังอื่น ๆ ได้ ศิษย์พี่ ท่านคิดดูอีกทีหรือไม่?”

เฉินซีส่ายหน้า “ไม่จำเป็น”

ไม่ใช่แค่เฉินซีและชิงเยี่ยเท่านั้นที่อยู่ในชั้นสามของโถงแต้มดารา ดังนั้นจึงมีศิษย์หลายคนที่จ้องมองเฉินซีตั้งแต่เข้ามาในชั้นนี้

ดังนั้น เมื่อเห็นเฉินซียืนหยัดในการแลกเปลี่ยนแต้มดาราสามสิบล้านแต้ม กับกระบี่เซียนที่เสียหาย ทุกคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่พวกเขาล้วนรู้สึกว่าเฉินซีเป็นเพียงคนโง่มือเติบเท่านั้น

หรือว่าเขามีแต้มดาราอยู่มากเกินไป จนไม่รู้ว่าจะผลาญมันยังไงดี?

เมื่อเห็นคนยืนยันหนักแน่น ชิงเยี่ยก็ทำได้แค่ถอนหายใจ และกดตราดาราม่วงของเฉินซีเบา ๆ ลงบนช่องที่อยู่บนชั้นผลึกแก้ว

โอม!

เสียงใสดังก้องกังวาน ก่อนที่กระบี่บงกชครามจะกลายเป็นดวงแสงสุกใสพุ่งออกมา

ชิงเยี่ยรีบคว้ามัน แล้วค่อย ๆ วางมันลงในกล่องหยก ก่อนที่จะส่งมันให้อีกฝ่ายพร้อมกับตราดาราม่วง

เฉินซีมองไปที่ตราดาราม่วง และพบว่าแต้มดาราลดลงสามสิบล้านแต้ม เหลือเพียงสี่สิบเก้าล้านแต้มเท่านั้น

“ช้าก่อน” ชิงเยี่ยก้าวเดินออกจากโถงชั้นสาม แต่ถูกเฉินซีเอ่ยรั้งไว้ “ศิษย์น้องชิงเยี่ย ช่วยข้าเลือกกระบี่เซียนอีกเล่มหนึ่ง”

ชิงเยี่ยตกตะลึง ศิษย์พี่เฉินซีแลกกระบี่เซียนบงกชครามก็เพียงเพื่อประโยชน์ในการศึกษาจริง ๆ สินะ มิฉะนั้นคงไม่แลกกระบี่เซียนอีกเล่มเช่นนี้?

“ถ้าอย่างนั้น… ศิษย์พี่เฉินซี ท่านต้องการกระบี่เซียนระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุดหรือ?” ชิงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้

“แน่นอน” เฉินซีตอบตามตรง

ริมฝีปากของศิษย์คนอื่น ๆ กระตุกยิก ความอิจฉาที่อธิบายไม่ได้พลุ่งพล่านอยู่ในใจ กระบี่เซียนระดับวีรบุรุษขั้นสูงสุดอีกเล่มหนึ่ง คนผู้นี้… ช่างร่ำรวยจริง ๆ!

พวกเขาไม่สนใจแล้วว่าเฉินซีจะเสียแต้มดาราไปก่อนหน้านี้ไปเท่าไหร่ แน่ชัดแล้วว่าเฉินซีเพียงมีแต้มดาราเยอะเกินเท่านั้น!

เมื่อเฉินซีและชิงเยี่ยออกจากชั้นสามของโถงแต้มดารา เขาได้กระบี่เซียนใหม่มาสองเล่ม เล่มหนึ่งคือกระบี่เซียนบงกชคราม และอีกเล่มคือกระบี่เซียนนภาม่วง

กระบี่เซียนนภาม่วงมีราคาสามสิบเจ็ดล้านแต้ม แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดในทุกด้าน แต่ความครอบคลุมก็ค่อนข้างโดดเด่น

เฉินซีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เคล็ดวิชาต่อสู้ของเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรูปแบบเดียว และมันจะสำแดงพลังได้ก็ต่อเมื่อได้รับการส่งเสริมจากกระบี่เซียนที่มีพลังที่ครอบคลุมอย่างไม่ธรรมดา

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงเหลือแต้มดาราเพียงสิบสองล้านแต้มดาราเท่านั้น

ดังนั้น หากเขาต้องการแลกชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรวบรวมแต้มดาราได้มากพอ แต่เฉินซีหาได้กังวลไม่ ตราบใดที่เขาได้รับการสืบทอดมรดกของจักรพรรดิเต๋าภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า เมื่อนั้นก็จะมุ่งความสนใจไปที่การรวบรวมแต้มดารา ประกอบการได้รับแต้มดารามากกว่าสิบล้านแต้มในทุกเดือน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่สามารถรวบรวมแต้มดาราได้เพียงพอ

หากเขาไม่สามารถสืบทอดมรดกของจักรพรรดิเต๋าได้ ไม่ว่าเขาจะครอบครองแต้มดาราสักเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์

“ศิษย์พี่ ท่านแลกกระบี่เซียนบงกชครามด้วยเหตุผลอันใดหรือ?” หลังจากคิดมาสักพักแล้ว ชิงเยี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้

เฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่คิดว่ากระบี่เซียนนี้ผิดปกติหรือ?”

ชิงเยี่ยตกตะลึง หรือศิษย์พี่เฉินซีจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติเกี่ยวกับกระบี่เซียนบงกชคราม?

แต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นสมบัติของเฉินซี ไม่ว่าจะมีความลับใดอยู่ภายใน มันไม่เกี่ยวกับตน

“ใช่แล้ว นอกจากการแลกเปลี่ยนแต้มดาราเป็นสมบัติอมตะแล้ว เราก็สามารถแลกเปลี่ยนสมบัติเป็นแต้มดาราได้เช่นกัน ใช่หรือไม่?” เมื่อมาถึงชั้นหนึ่งของห้องโถง เฉินซีก็จำได้ว่า ตนยังคงมีสมบัติอมตะที่หายากมากมายที่ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา และรู้สึกว่าบางทีอาจคว้าโอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนสมบัติเหล่านี้ทั้งหมดเป็นแต้มดารา

“ถูกต้อง มีสองวิธีในการแลกเปลี่ยนสมบัติเป็นแต้มดาราในโถงแต้มดารา วิธีแรกคือฝากสมบัติของท่านไว้ที่นี่และติดป้ายราคาไว้ หากศิษย์คนใดต้องการสมบัติ พวกเขาจะต้องจ่ายเงินแต้มดาราเพื่อแลกมัน แต่สำนักจะหักแต้มดาราหนึ่งในสิบส่วนเป็นค่าธรรมเนียม”

ชิงเยี่ยอธิบายอย่างรวดเร็ว “วิธีที่สองคือการเสนอราคา วิธีนี้จะมุ่งเป้าไปที่สมบัติล้ำค่าบางอย่าง พวกมันจะถูกฝากไว้ที่เวทีการประมูลพิเศษและติดป้ายกำกับด้วยราคาต่ำสุด ก่อนที่จะระบุเวลาปิดประมูล เมื่อถึงเวลา ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะได้รับสมบัติไป และสำนักจะหักแต้มดาราสามในสิบส่วนจากราคาประมูลเป็นค่าธรรมเนียม”

สำนักเก็บค่าธรรมเนียมอีกแล้ว! ช่างหน้าเลือดเสียจริง!

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะกลอกตาเมื่อฟังจบ

“ศิษย์พี่เฉินซี ท่านตั้งใจจะขายสมบัติหรือ?” ชิงเยี่ยถาม

“วัตถุดิบอมตะหายากบางอย่าง พวกมันส่วนใหญ่ได้มาจากทะเลอนันตรา และบางส่วนก็มาจากสมรภูมินอกพิภพ” เฉินซีกล่าวอย่างสบาย ๆ

ทะเลอนันตรา!

สมรภูมินอกพิภพ!

เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ชิงเยี่ยก็เข้าใจทันทีว่า สมบัติที่เฉินซีตั้งใจจะขายนั้นพิเศษเพียงใด เขาจึงแนะนำทันที “หากเป็นเช่นนั้น ข้าแนะนำให้ศิษย์พี่มุ่งหน้าไปที่เวทีประมูล”

เฉินซีไหวไหล่ “แม้ว่าค่าธรรมเนียมของสำนักจะขูดรีดเกินไป แต่ข้าก็ทำได้เพียงเท่านี้”

 

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท