ตอนที่ 1502 สะดุดตา
แสงไฟในตำหนักส่องสะท้อนดวงตาคมกริบของเซียวหรงเหยี่ยนจนยิ่งดูล้ำลึกมากกว่าเดิม ชายหนุ่มมองไปทางฮองเฮาที่ดูสงบนิ่งครู่ใหญ่ จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ ฮองเฮาของตงอี๋ผู้นี้ต้องการใช้วิธีแก้พิษของกู่มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับต้าเยี่ยน
นอกจากต้าโจวจะใช้องค์ชายเจ็ดเป็นตัวบีบฮองเฮาตงอี๋แล้ว ยังใช้กู่นี่อีก ทว่า หากต้าเยี่ยนช่วยถอนกู่ออกจากตัวฮองเฮาได้สำเร็จไม่รู้ว่านางจะก่อเรื่องอันใดขึ้นมาอีก ใต้หล้าแห่งนี้มีคนที่พร้อมจะสละชีวิตของลูกตัวเองเพื่อประโยชน์ของตัวเองอยู่เช่นกัน เสด็จพ่อของเขาคือหนึ่งในนั้น
ฮองเฮาของตงอี๋เป็นคนเจ้าแผนการ หากนางตัดใจทอดทิ้งบุตรชายแท้ๆ ของตัวเองได้ ถึงเวลานั้นต้าเยี่ยนจะไม่มีสิ่งใดควบคุมฮองเฮาอีก แม้ต้าเยี่ยนจะอยากสร้างปัญหาให้ต้าโจว ทว่า ต้าเยี่ยนจะทำลายแผนการนี้ของต้าโจวไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ว่าเรื่องแมลงกู่จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ตอนนี้ฮองเฮาของตงอี๋ก็เกิดความคิดอยากเปลี่ยนตัวองค์ชายเจ็ดตัวปลอมเป็นคนของตัวเองแล้ว ขอเพียงราชสำนักตงอี๋ขัดแย้งกันเองต้าเยี่ยนก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาไม่อยากผิดใจกับต้าโจวเพราะตงอี๋
เซียวหรงเหยี่ยนสวมหน้ากากบนใบหน้าตามเดิม
“ฮองเฮาโปรดพิจารณาเรื่องการตั้งค่ายทหารของต้าเยี่ยนในตงอี๋ให้ดีด้วย หากไม่สำเร็จ ตงอี๋ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป ถึงเวลานั้นองค์ชายเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกัน! ทว่า ฮองเฮาเป็นคนฉลาด ขอเพียงเป็นเรื่องที่ฮองเฮาอยากทำฮองเฮาต้องทำสำเร็จแน่นอน นอกเสียจากว่าฮองเฮาจะไม่อยากให้ต้าเยี่ยนมาตั้งค่ายทหารในตงอี๋”
ดวงตาคมกริบภายใต้หน้ากากจ้องไปยังสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น
“แม้การช่วยคนๆ หนึ่งออกมาจากต้าโจวจะเป็นเรื่องยากลำบาก ทว่า การสังหารคนๆ หนึ่งในต้าโจวนั้นง่ายนิดเดียว ฮองเฮาต้องทบทวนให้ดีเพื่อความปลอดภัยขององค์ชายเจ็ด!”
ร่างของฮองเฮาแข็งทื่อเพราะสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า นางพยายามข่มความหวาดกลัวไว้ในใจ จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว วันหน้าตงอี๋ยังต้องการให้ต้าเยี่ยนช่วยรับมือกับต้าโจวอยู่”
เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนสวมหมวกของเสื้อคลุมและเดินออกไปจากตำหนักเรียบร้อยฮองเฮาจึงทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
ไม่ว่าต้าเยี่ยนหรือต้าโจวต่างก็ไม่ใช่แคว้นที่สามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆ เลยสักนิด
นางฟังออกกว่าผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนต้องการให้นางหาเด็กที่อายุเท่ากับบุตรชายของนางมาแทนที่องค์ชายเจ็ดตัวปลอมของต้าโจว ต้าโจวจะได้ไม่ใช้เด็กตัวปลอมนั่นสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยน นางเองจะได้มีกำลังเสริมของต้าเยี่ยนไว้คอยใช้งาน
เมื่อตัวปลอมนั่นถูกสับเปลี่ยน นางที่เป็นถึงงไทเฮาของตงอี๋จะสามารถควบคุมราชสำนักตงอี๋และต่อกรกับต้าโจวได้!
ระหว่างนี้หากนางสามารถถ่วงเวลาไม่ให้ต้าโจวสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยนได้ก็ควรทำ หากทำไม่ได้ก็ให้ส่งข่าวรายงานต้าเยี่ยนล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ
เหตุใดนางต้องทำเช่นนั้นด้วย แค่เพราะทหารของต้าเยี่ยนอยู่ในตงอี๋ ตงอี๋จึงกลายเป็นเกราะกำบังของต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ สุดท้ายคนที่ต้องเดือดร้อนก็มีเพียงตงอี๋ของนางแคว้นเดียวเท่านั้น!
สองแคว้นต่างใช้ชีวิตของบุตรชายนางมาบีบบังคับนาง!
ฮองเฮาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เมื่อนางกำนัลข้างกายของฮองเฮาส่งเซียวหรงเหยี่ยนจากไปเสร็จนางจึงเดินกลับเข้ามาในตำหนัก เมื่อเห็นน้ำตาของฮองเฮาไหลพรากจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาให้ฮองเฮา
“ฮองเฮา ทรงเป็นอันใดเพคะ”
“มิเป็นอันใด…”
ฮองเฮาส่ายหน้าพลางเบนหน้าหนีผ้าเช็ดหน้าของนางกำนัล นางจ้องไปยังควันสีขาวที่ลอยออกมาจากกระถางธูปหอม น้ำตาของนางไหลพรากไม่ขาดสาย
“ข้าแค่…คิดถึงหลินเอ๋อร์เท่านั้น”
“แค่สามปีเองเพคะ พวกเขาเดิมพันกันแค่สามปีเท่านั้น บ่าวได้ยินว่าจักรพรรดินีต้าโจวเป็นคนรักษาสัญญา นางต้องส่งตัวองค์ชายเจ็ดคืนให้พวกเราแน่นอนเพคะ ถึงเวลานั้นองค์ชายเจ็ดต้องสูงขึ้นแล้วแน่นอนเพคะ!”
นางกำนัลกล่าวปลอบฮองเฮาด้วยดวงตาที่แดงก่ำเช่นเดียวกัน
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเดินออกมาจากทางลับเยว่สือจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มทันที
“นายท่าน!”
เซียวหรงเหยี่ยนเดินไปขึ้นรถม้าโดยไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย เมื่อขึ้นไปบนรถม้าก็หลับตานิ่ง…
แม่ลูกกู่อย่างนั้นหรือ!
เซียวหรงเหยี่ยนหัวเราะออกมาเบาๆ พลางลืมตาขึ้น แสงไฟจากโคมไฟทั้งสี่ดวงที่แขวนอยู่ตรงสี่มุมของตัวรถม้าส่องกระทบหน้ากากเงินของชายหนุ่มทำให้ชายหนุ่มดูอ่อนโยนขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ฮองเฮาตงอี๋กล่าวเรื่องจริงแค่สามส่วน โกหกอีกสามส่วน ส่วนที่เหลือกลับซ่อนเอาไว้ ทว่า นางช่างแสดงได้สมจริงยิ่งนัก
เซียวหรงเหยี่ยนไปพบฮองเฮาของตงอี๋ในคืนนี้เพราะต้องการให้ฮองเฮาทำให้ราชสำนักตงอี๋วุ่นวายขึ้นมา เมื่อตงอี๋วุ่นวาย พวกเขาจะได้ไม่มีเวลามาสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนเชื่อว่าฮองเฮาต้องรับปากเรื่องค่ายทหารของต้าเยี่ยนแน่นอน
ฮองเฮาต้องการให้ต้าเยี่ยนและต้าโจวคานอำนาจกันเองดังนั้นตงอี๋ต้องให้ต้าเยี่ยนตั้งค่ายทหารในตงอี๋แน่
เซียวหรงเหยี่ยนไม่แปลกใจนักที่อาเป่าส่งคนของตัวเองมาเป็นจักรพรรดิของตงอี๋ ทว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องแม่ลูกกู่สักเท่าใดนัก
“เยว่สือ…”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้นช้าๆ
“เจ้าขี่รถม้ากลับที่พักไปก่อน”
เยว่สือรู้ว่าเจ้านายของเขาจะไปพบหน้าคุณหนูใหญ่เพราะอดทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงรับคำยิ้มๆ
“ขอรับ!”
หน้าต่างของรถม้าถูกเปิดออกเล็กน้อย เงาๆ หนึ่งกระโดดออกไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ในรถม้าอีกเลย เยว่สือบังคับรถม้าไปยังจวนของผิงอ๋องราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนต้องมาหานางในคืนนี้จึงยังไม่ได้นอนพักผ่อน
หญิงสาวถอดชุดเกราะออกแล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ ใบหน้างดงามไร้ซึ่งเครื่องประทินโฉมใดๆ มีเพียงปิ่นปักผมห่านป่าที่เซียวหรงเหยี่ยนแกะสลักให้ปักอยู่บนผมยาวสลวยสีดำของหญิงสาวเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดผ้าไหมนุ่มสีขาวนวลนั่งอยู่ใต้แสงไฟ ข้างกายมีกาน้ำชาที่กำลังเดือดปุดๆ แขวนอยู่เหนือเตาผิง
ไป๋ชิงเหยียนนั่งเอนกายพิงเก้าอี้ มือข้างหนึ่งถือตำราหมากล้อม มืออีกข้างคีบหมากหยกไว้ สายตาของหญิงสาวจดจ้องอยู่ที่ตารางหมากอย่างจดจ่อ ไม่ได้สังเกตเลยว่าน้ำในกาน้ำชาเริ่มล้นออกมาจากกาแล้ว
ควันสีขาวลอยขึ้นเหนือฉากกั้นลายภูเขาของฤดูทั้งสี่ เป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
เซียวหรงเหยี่ยนยืนมองภรรยารักของตัวเองนิ่งอยู่ตรงหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดสนิท เขาไม่อยากทำลายภาพงดงามที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้
เมื่อไป๋ชิงเหยียนวางหมากลงบนกระดาน วางตำราลงบนโต๊ะด้านข้างและใช้ผ้าขนหนูยกกาน้ำชามารินน้ำลงในถ้วยสองถ้วย เซียวหรงเหยี่ยนจึงรู้ว่าถูกไป๋ชิงเหยียนจับได้แล้ว ชายหนุ่มไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป เขาถอดหน้ากากบนใบหน้าออก จากนั้นผลักฉากกั้นเดินเข้าไปด้านในอย่างแผ่วเบา
“อาเป่ารู้ว่าข้ามาอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนวางกาน้ำชาลงบนเตาผิงเหมือนเดิม จากนั้นเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ
“ไปพบฮองเฮาของตงอี๋มาแล้วใช่หรือไม่…”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนวางผ้าขนหนูร้อนไว้บนโต๊ะด้านข้างและเห็นรอยแดงบนนิ้วเรียวขาวราวกับหยกของหญิงสาวที่ตนรักเซียวหรงเหยี่ยนจึงขมวดคิ้วแน่น เขาจับมือไป๋ชิงเหยียนมาพิจารณาใกล้ๆ พลางเอ่ยถามขึ้น
“วันนี้ตอนเห็นเจ้าเจ้ายังไม่มีแผลนี่ ไปโดนอันใดมา”
“ตอนกลับมาเสี่ยวซื่อรบเร้าอยากเรียนยิงธนู ข้าจึงสอนนาง ทว่า เสี่ยวซื่อออกแรงมากเกินไปจนสายธนูขาด ข้ามิเป็นอันใดมาก…”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่นจึงกล่าวออกมายิ้มๆ
“ข้าทายาเรียบร้อยแล้ว หากคืนนี้ท่านไม่มาพรุ่งนี้ท่านคงไม่เห็นรอยนี้แล้วด้วยซ้ำ”