บทที่ 516 สามวันผ่านไป
บทที่ 516 สามวันผ่านไป
“ผู้จัดการครับ ห้องส่วนตัวของพวกเราเต็มหมดแล้ว นายน้อยเจ้ากับนายน้อยหลิวมาถึงแต่ไม่มีห้องว่างเลยครับ!”
“ให้ห้องส่วนตัวที่พวกเราเก็บสำรองเอาไว้ก่อนหน้านี้”
“ผู้จัดการ ลูกค้าห้องส่วนตัวสั่งปลาเสือทอดกรอบ แต่ทางครัวของหมดครับ!”
“เกิดอะไรขึ้น? ส่งคนไปที่โกดังหรือซื้อจากตลาดมาเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะหามาจากที่ไหนก็ต้องเอาปลามาให้ได้!”
หวงถิงเฟิงนั่งในห้องทำงานด้วยสีหน้าอิ่มเอมเต็มที่ คำแนะนำอย่างแล้วอย่างเล่าต่างบอกกล่าวกับลูกน้องที่เข้ามารายงาน
ร้านคัลเลอร์แมนไม่ได้คึกคักแบบนี้มานานแค่ไหนกัน?
น่าจะนับตั้งแต่ร้านโลกในแหวนของอู๋ฝานเปิดกิจการ ธุรกิจของร้านคัลเลอร์แมนก็ซบเซาและเลวร้ายลงไม่ขาด ห้องส่วนตัวทุกวันว่างเว้น รถหรูที่เข้ามาจอดหน้าร้านก็ลดน้อยลง ขณะที่ฝั่งร้านโลกในแหวนดีวันดีคืน หวงถิงเฟิงที่ได้เห็นย่อมร้อนรน แต่ไม่มีทางเลือก เขาพยายามหาทางเรียกลูกค้ากลับมาแล้ว กระทั่งขโมยวัตถุดิบของร้านโลกในแหวนก็ทำ ทว่าการขโมยวัตถุดิบที่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
แต่ตอนนี้เถ้าแก่ใหญ่เบื้องหลังเช่นวังเมฆาสีชาดออกมาแสดงท่าทีแล้ว ทำให้ทุกคนในเจียงโจวต่างต้องเปลี่ยนท่าทีตาม ทำให้คัลเลอร์แมนกลับมาคึกคัก
คนที่จะปฏิเสธวังเฆมาสีชาดในเจียงโจวได้มีจำนวนเพียงแค่น้อยนิด
หวงถิงเฟิงเดินไปยังหน้าต่างมองทางร้านโลกในแหวนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่มีรถหรูจอดตรงทางเข้ามากมาย ปัจจุบันได้ลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด คนคุ้นหน้าคุ้นตาที่ไม่ได้เจอซะนานต่างก็กลับมาเป็นลูกค้าของฝั่งนี้
“อู๋ฝาน ไม่ว่าแกจะแข็งแกร่งแค่ไหน คิดว่าจะเหนือไปกว่าวังเมฆาสีชาดอย่างนั้นเหรอ? อีกสามวัน …อีกแค่สามวันเท่านั้น ร้านโลกในแหวนของแกจะต้องปิดตัวลง เมื่อไหร่ที่ถึงเวลานั้น ฉันละอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองว่าแกจะทำสีหน้าท่าทียังไง น่าสนใจจริง ๆ!” หวงถิงเฟิงมองร้านโลกในแหวนด้วยแรงใจล้นเหลือ
เพียงพริบตาสามวันก็ผ่านพ้นไปท่ามกลางความกังวลและอารมณ์อันหลากหลายของผู้คน ขณะที่ร้านโลกในแหวนยังคงดำเนินกิจการตามปกติเหมือนทุกวันราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น
ชื่อเสียงของร้านโลกในแหวนได้กระจายออกไปนานแล้ว แม้สามวันมานี้ผู้มีอำนาจในเจียงโจวจะไม่กล้าเข้าใกล้ร้านเพราะท่าทีของวังเมฆาสีชาด จนทำให้กิจการฝั่งห้องส่วนตัวที่ชั้นสองค่อนข้างเงียบเหงา
แต่กิจการที่ชั้นหนึ่งของร้านไม่ได้รับผลกระทบ กระทั่งว่าดีวันดีคืนกว่าก่อนหน้านี้ซะด้วยซ้ำ สาเหตุก็เพราะรสชาติที่อร่อยของอาหาร และอย่างที่สองคือการที่ร้านโลกในแหวนวางจำหน่ายไวน์สุดเหนือเมฆที่ไม่อาจหาจากที่อื่นใดในโลก แม้จะเพิ่งเข้าตลาดได้ไม่นาน แต่กลับกลายเป็นไวน์ขาวที่ได้รับความนิยมเกินคาด ผู้คนในเจียงโจวต่างก็หลงรัก วงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ซบเซามาเนิ่นนาน ขณะนี้ถึงขั้นกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งได้
เบื้องหน้าร้านโลกในแหวนยังคงคึกคักและมีคนแวะเวียนเข้าไปใช้บริการไม่ต่างจากก่อนหน้า เรื่องนี้นับเป็นประเด็นที่หลายคนพบว่าผิดคาด
เดิมผู้คนเชื่อว่าภายใต้แรงกดดันของวังเมฆาสีชาด อู๋ฝานคงต้องเลือกเป็นฝ่ายม้วนเสื่อปิดร้าน หรืออย่างน้อยก่อนปิดกิจการก็ต้องประสบความยากลำบาก แต่กลับเห็นได้ว่ามันไม่มีท่าทีจะเป็นเช่นนั้น สามวันผ่านมาทางร้านไม่มีท่าทีคิดปิดทำการแม้แต่น้อย กระทั่งจัดกิจกรรมเชิญชวนลูกค้าอย่างเอิกเกริก จนทำให้ร้านโลกในแหวนมีชื่อเสียงในเจียงโจวโด่งดังยิ่งขึ้น จนขนาดขยับขยายไปถึงเมืองข้างเคียงแล้วด้วยซ้ำ
ผู้คนเข้าใจว่าอู๋ฝานเตรียมการตอบโต้วังเมฆาสีชาด แม้พวกเขาจะนึกนับถือความหาญกล้านี้ แต่น้อยคนจะมองว่ามีโอกาสชนะ
พวกเขาคาดว่าเบื้องหลังของอู๋ฝานควรต้องมีสำนักอยู่ เพราะเหตุการณ์ตอนวันเกิดของถังอวี่เฟย รวมถึงครั้งนี้ที่ได้รับคำข่มขู่จากวังเมฆาสีชาด หลายคนจึงรอได้เห็นสำนักเบื้องหลังดังกล่าวก้าวออกมาแก้ไขปัญหา
แต่พอสามวันผ่านพ้นกลับไม่มีสำนักใดออกมาแสดงอำนาจสนับสนุนอู๋ฝาน เรียกได้ว่าทำเอาหลายคนที่คาดคิดกันไปต่าง ๆ นานาต้องผิดหวัง กระทั่งคิดว่าชายหนุ่มไม่มีสำนักใดอยู่เบื้องหลัง หรือไม่บางทีอำนาจของสำนักเบื้องหลังก็คงไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือคลี่คลายปัญหาให้
ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอู๋ฝาน ไม่มีฝ่ายใดคาดว่าศึกเผชิญหน้าวังเมฆาสีชาดครั้งนี้ คนเพียงหนึ่งคนจะสามารถต่อกรได้ อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นสำนักชั้นหนึ่งในพื้นที่เจียงโจว และเป็นถึงสำนักชั้นสองระดับประเทศ ชายหนุ่มเป็นเพียงคนเดียวไม่มีทางต่อกรกับอำนาจของวังเมฆาสีชาดได้
ดังนั้นการที่อู๋ฝานเลือกต่อกรกับวังเมฆาสีชาดด้วยตนเองโดยไร้ซึ่งสำนักเบื้องหลังช่วยเหลือ หลายคนต่างมองว่าเป็นความเขลาไร้ซึ่งการไตร่ตรอง
ปัจจุบันกำหนดสามวันได้ผ่านไปแล้ว อู๋ฝานก็ได้แสดงท่าทีผ่านการกระทำแล้วเช่นกัน ผู้คนจึงรอคอยว่าเมื่อใดวังเมฆาสีชาดจะลงมือ
“เถ้าแก่ เช้าวันนี้มีคนส่งเทียบเชิญมาให้ ขอให้ฉันส่งต่อให้เถ้าแก่ค่ะ” ช่วงกลางวันของวันที่สี่ ขณะอู๋ฝานเดินทางมาถึงร้าน เฉินปิงเหยาก็เดินเข้ามาส่งเทียบเชิญให้
อู๋ฝานรับเอาไว้ก่อนจะเปิดมันออกโดยไม่ใส่ใจ มันปรากฏคำที่สั้นกระชับ
‘วันนี้เวลาสิบแปดนาฬิกาที่ร้านคัลเลอร์แมน ลงชื่อ จานเฮ่อ’
“เหอะ มีมารยาทดีจริง ๆ!” อู๋ฝานพับเทียบเชิญนั้นก่อนจะยิ้มออกมา
“เถ้าแก่ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?” เฉินปิงเหยาเอ่ยถาม
เธอไม่ใช่คนโง่ สถานการณ์ช่วงที่ผ่านมามันแสดงถึงปัญหาร้ายแรง อันที่จริงหญิงสาวพอจะคาดเดาได้ตั้งแต่วันแรกแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากคิดมากเนื่องจากอู๋ฝานออกปากว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ทว่าพอสามวันผ่านไป ปัญหากลับยังไม่ได้รับการคลี่คลายหรือมีวี่แววจะดีขึ้น ขณะนี้ยังมีคนส่งเทียบเชิญมาให้ เฉินปิงเหยาจะกังวลก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เธอคือหนึ่งในคนที่ฝากความหวังและอนาคตเอาไว้กับร้านแห่งนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับกิจการของร้านโลกในแหวน เธอก็ไม่มีทางเมินเฉยหรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
เมื่อเห็นอู๋ฝานไม่อยากบอก เฉินปิงเหยาจึงไม่อาจถามต่อได้ เพราะพิจารณาจากท่าทีของอีกฝ่าย แม้ร้านจะประสบปัญหา แต่เขาก็ยังสงบอารมณ์อยู่ราวกับคิดอ่านไว้หมดแล้ว หากไม่ใช่คงไม่มีทางแสดงออกเช่นตอนนี้
หลังเก็บเทียบเชิญ อู๋ฝานจึงขึ้นไปยังชั้นที่สองและเข้าไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง หวังจื่อหมิงและคนอื่นรอที่ด้านในอยู่ก่อนแล้ว หากเทียบกับวันแรก ครั้งนี้มีหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รวมอยู่ด้วย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกหวังจื่อหมิงจะคอยแวะเวียนมาที่ร้านแทบทุกวันเพื่อช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้ ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงออกว่าพร้อมยืนหยัดสนับสนุน
หลังอู๋ฝานนั่งลง เขาจึงบอกเล่าเรื่องเทียบเชิญออกมา
“อู๋ฝาน ไม่จำเป็นต้องไปค่ะ เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดัก” ถังอวี่เฟยเอ่ยขึ้น
คนของวังเมฆาสีชาดแสดงท่าทีรุนแรงต่อร้านโลกในแหวนตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องราว ขณะนี้ผ่านพ้นกำหนดสามวันแล้ว พวกเขาส่งเทียบเชิญมานัดพบ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่ดี
“อู๋ฝาน ฉันเองก็เห็นด้วยว่าไม่ควรไป” หวังจื่อหมิงร่วมเอ่ยคำขึ้น “อีกฝ่ายมีชื่อเสียงไม่ดี นัดพบครั้งนี้ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่”
หลิวอวี่กวงและเกิ่งหย่าเฟยต่างแสดงออกเช่นเดียวกัน ส่วนทางด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอยังคงแสดงท่าทีเฉยชาเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาตลอด
……………………………