คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 708 เจ้าอาวาสน้อยนางเจ้าคิดเจ้าแค้น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 708 เจ้าอาวาสน้อยนางเจ้าคิดเจ้าแค้น

ฉินหลิวซีโน้มน้าวแม่หมอกู่ แน่นอนไม่มีทางยอมให้กู่กลืนวิญญาณนั่นดูดพลังชีวิตของเด็กหญิง ในตอนที่อูหยางเอ่ยถามว่าจะทำอย่างไร นางพลันคลี่ยิ้มหวานออกมา

“วิญญาณหยินน้อย จะจัดการนางให้อยู่หมัดไม่ใช่เรื่องยาก”

แม่หมอกู่เม้มริมฝีปาก ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ยกมือประสานคารวะฉินหลิวซีหนึ่งครั้ง มีความหมายเป็นเชิงขอร้องให้นางช่วยเหลือ

ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ ให้นางนำชาดแดงและกระดาษเหลืองมา เขียนยันต์สองแผ่น จากนั้นหยิบเข็มเงินที่พกติดตัวออกมา

อูหยางประหลาดใจ เอ่ยถาม “ท่านจะฝังเข็มหรือ ไม่เอาวิญญาณหยินออกมาก่อนหรือ”

“ท่านเคยได้ยินสิบสามเข็มประตูผีหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งใจจะใช้สิบสามเข็มประตูผีปิดเส้นทางหนีของนาง กระทั่งตัดเส้นทางอยู่ต่อของนาง”

สมมติวิญญาณหยินตนนี้ไม่ให้ความร่วมมือกระทั่งดื้อรั้นล่ะก็ อย่าได้มาโทษนางใจร้ายก็แล้วกัน

อูหยางได้ยินคำว่าสิบสามเข็มประตูผี ดวงตาพลันวาววับ

ฉินหลิวซีเปิดห่อเข็มออก เพราะเด็กหญิงอายุยังน้อย ทั้งกลัวว่าเมื่อยามฝังเข็มเข็มจะดีดกลับทำให้นางดิ้น ทำให้ฝังผิดตำแหน่งจึงสกัดจุดให้นางสลบไป ให้นางหลับไปชั่วขณะ

แม่หมอกู่ดูแล้วร้อนใจเล็กน้อย แต่มองสีหน้าสงบนิ่งของฉินหลิวซีจึงสะกดข่มอารมณ์เอาไว้

ในเมื่อเป็นคนที่หัวหน้าเผ่าพามา ทั้งยังดูออกถึงอาการของเด็กหญิง นางควรเชื่อใจอีกฝ่าย

และความรู้สึกที่ฉินหลิวซีให้มานั้นไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร กลับทำให้คนรู้สึกเป็นมิตรและใกล้ชิด

ว่ากันว่าสิบสามเข็มประตูผีรักษาขับไล่สิ่งชั่วร้ายร้อยชนิด แต่ไม่อาจใช้วิชาฝังเข็มนี้ได้ทั่วไป เจอผีสิงร่างจริงๆ ยังสามารถใช้การฝังเข็มนี้บวกกับคาถาอาคมเพื่อกำจัดวิญญาณหยินได้

รักษาด้วยเต๋า ขับเคลื่อนด้วยเต๋า ฉินหลิวซีย่อมเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี

สองมือของฉินหลิวซีทำสัญลักษณ์ มุมปากคลี่ออก บทสวดจุดลมปราณผีแบบพิเศษค่อยๆ ท่องออกมาจากปากของนาง เสียงทุ้มไพเราะทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ

มือข้างหนึ่งของนางคลำหาจุดฝังเข็ม มืออีกข้างปั่นเข็ม แทงลงไปในจุดผีสิงร่าง หยิบเข็มอีกหนึ่งเล่มออกมา แทงต่ำลงไปจากนิ้วหัวแม่มือสามส่วนที่เรียกว่าจุดสัญญาณผี จากนั้นแทงลงจุดเล็บหัวแม่เท้าเรียกว่าจุดฐานวิญญาณอีกสองส่วน

อูหยางและแม่หมอกู่ยืนมองอยู่ด้านข้างไม่อาจละสายตา

คนหนึ่งเพราะมีใจอยากร่ำเรียน หนึ่งคนเพราะไม่วางใจนัก แต่ฉินหลิวซีน่ะหรือ ราวกับรอบข้างไม่มีคน จุดผีแต่ละจุดต้องลงเข็มกี่ส่วน ราวกับฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ต้องครุ่นคิดแม้เพียงนิด และไม่รอให้ทั้งสองได้มองให้ดี เข็มของนางก็ปักลงไปแล้ว เข็มแล้วเข็มเล่า คล่องแคล่วว่องไว

อูหยาง “…”

อยากเรียน แต่สายตาไม่ไวพอ ดูไม่ออก

คนหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

หากตระกูลอูของเขามีลูกหลานที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ยังต้องกังวลว่าตระกูลอูจะไม่รุ่งโรจน์อีกหรือ

ฉินหลิวซีไม่รับรู้ว่าอูหยางเกิดความอิจฉาตามแบบฉบับของคนแก่ขึ้นมา อิจฉาไปทั่วทั้งร่าง นางเพียงจดจ่ออยู่กับเด็กหญิงตรงหน้าและความเคลื่อนไหวของนาง

เป็นเช่นนั้น ตามการลงเข็มของนาง ยามเข้าใกล้กับเข็มที่สิบสาม วิญญาณหยินที่สิงอยู่ในร่างก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใบหน้าของเด็กหญิงมีการเปลี่ยนแปลง

สายตาของแม่หมอกู่พลันแปรเปลี่ยน

เมื่อครู่มองเพียงกระดูกผีเสื้อที่นูนขึ้นนั้นยังมองไม่ชัด แต่ตอนนี้ใบหน้าของเด็กหญิงดุร้ายบิดเบี้ยว นางเห็นใบหน้าซ้อนขึ้นมาอีกหนึ่งใบหน้าอย่างชัดเจน

นั่นเป็นใบหน้าอ่อนวัย อายุเพียงสิบเอ็ดสิบสอง ดูเด็กมาก เป็นผีเด็กผู้หญิง

เด็กน้อยเจ็บจนลืมตา พ่นคำพูดออกมา “หยุด หากเจ้ายังลงเข็มอีก ข้าจะกลืนกินดวงวิญญาณของเด็กน้อยคนนี้เสีย”

มือของแม่หมอกู่กระชับกล่องกู่กลืนวิญญาณในมือแน่นทันที

ฉินหลิวซีหยิบเข็มขึ้นมา เอ่ย “หากเจ้ารีบออกจากร่าง ข้าก็จะยอมหยุด”

“เรื่องอะไรเล่า นี่เพราะนางติดหนี้ข้า หนี้สินของบิดาลูกต้องชดใช้ บิดาของนางเป็นเดรัจฉานสวมหมวกใส่เสื้อผ้า[1] ข่มขืนเด็กมานับไม่ถ้วน ทรมานข้าจนตาย นี่เป็นสิ่งที่นางควรชดใช้ให้ข้า”

ฉินหลิวซีเอ่ยตอบเสียงเย็นเยียบ “ความแค้นมีสาเหตุ หนี้สินมีเจ้าของ เจ้าต้องไปหาเจ้าเดรัจฉานนั่นถึงจะถูก เด็กคนนี้เพิ่งเกิดมา มีความผิดอะไรหรือ หรือเจ้าตั้งใจสิงร่าง อยากเป็นลูกของคนผู้นั้นหรือ”

“บัดซบเถิด เดรัจฉานนั่นคู่ควรเป็นบิดาของข้าหรือ น่ารังเกียจยิ่งนัก”

“เช่นนั้นก็ถูกแล้วมิใช่หรือ เด็กคนนี้ถูกทอดทิ้งแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น ไยเจ้ายังมาโกรธแค้นนางทำให้นางต้องลำบาก นางเพิ่งอายุหนึ่งขวบ ไม่เข้าใจอะไร” ฉินหลิวซีเอ่ย

ผีเด็กสาวเงียบไปชั่วครู่

“หรือเจ้าต้องการให้นางเป็นเหมือนเจ้า ตายไปตั้งแต่ยังเด็กอย่างนั้นหรือ”

“นั่นเป็นโชคชะตาของนาง ใครใช้ให้นางมีบิดาเช่นนั้น”

ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “เจ้าดูดกินพลังชีวิตนางไปไม่น้อย ยังไม่พออีกหรือ เป็นสตรีเช่นเดียวกัน หากเจ้ายังดูดพลังชีวิตนางต่อไป นางอาจไม่ได้มีชีวิตอยู่นานเท่าเจ้า อีกทั้งนางถูกทอดทิ้งแล้ว ถือว่าตัดขาดกับครอบครัวนั้นแล้ว เจ้าไม่ควรเอาความโกรธแค้นมาลงที่เด็กทารกคนหนึ่ง”

ผีเด็กสาวเงียบไปอีกครั้ง

ฉินหลิวซีไม่มีเวลามาเล่นหว่านล้อมกับนางนัก ลงเข็มต่ออีกหนึ่งเข็ม

ผีเด็กสาวส่งเสียงร้องโหยหวน มองฉินหลิวซีที่หยิบเข็มขึ้นมาอีกครั้งเตรียมฝังลงในจุดหัวใจผี พลันร้องไห้ขึ้นมาในทันใด “เจ้าเองก็เป็นสตรี ไยต้องช่วยคนชั่วทำชั่วด้วยเล่า”

“เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้ช่วยเดรัจฉาน ข้าเพียงช่วยเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งเท่านั้น”

ผีเด็กสาวสะอึกไปชั่วครู่ มองเข็มเงินปักลงมาบนผิว รีบออกมาจากส่วนอักเสบบวมขึ้นมาของกระดูกนั้น กำลังตั้งท่าคิดหนี

ฉินหลิวซีร่ายคาถาขึ้นมาหนึ่งประโยค สะบัดยันต์ออกไป กักตัวนางเอาไว้

ผีเด็กขยับตัวไม่ได้ สะบัดตัวไปมา เอ่ย “ข้าออกมาแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใด ยังไม่รีบปล่อยข้าอีก”

“ไม่ได้ เห็นอยู่ว่าฝังไม่กี่เข็มก็บีบเจ้าให้ออกมาได้ เจ้ากลับต้องให้ข้าฝังมาจนสิบเอ็ดเข็ม เมื่อยมือของข้ายิ่งนัก ข้าต้องจับเจ้าเอาไว้สักพักถึงจะทำให้ข้าอารมณ์ดีได้” ฉินหลิวซีถอนเข็มพร้อมทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผีเด็กสาว “?”

เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ เพียงปักเพิ่มลงไปสองเข็มก็บ่นว่าเหนื่อยจนต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นเลยหรือ

แม่หมอกู่และอูหยาง “…”

เหตุผลนี้เพียงเพราะอยากกวนผีเท่านั้นกระมัง มิเช่นนั้นเหตุผลนี้ไยจึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้

ไม่ว่าผีเด็กสาวจะดิ้นรนด่าทอเพียงใด สุดท้ายกระทั่งร้องไห้แสร้งทำตัวน่าสงสาร ฉินหลิวซีก็ยังไม่สนใจ กระทั่งถอนเข็มออกมาจนหมดแล้ว หันไปมองนางที่เสื้อผ้าขาดรุ่ยจนไม่อาจปกปิดร่างกาย สายตากวาดมองรอยช้ำตามตัวอย่างละเอียด เม้มริมฝีปาก จากนั้นหยิบกระดาษสีเหลืองหนึ่งแผ่นขึ้นมา หยิบกรรไกรจากโต๊ะขึ้นมาด้วย ถามผีเด็กสาว “เจ้ามีนามว่าอย่างไร”

ผีเด็กสาวชะงัก เอ่ยตอบ “ข้าชื่อเมิ่งเฉินเซียง”

ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด ตัดอยู่สองสามครั้งได้เสื้อผ้าออกมาหนึ่งชุด จากนั้นร่ายคาถา เผากระดาษแผ่นนั้น

ผีเด็กสาวมองชุดใหม่บนร่างกายนิ่ง ไม่มีดอกไม้อะไรทว่าปกคลุมร่างกายไปจนถึงเท้า เบ้ปาก ดึงกระโปรง เอ่ยบ่น “สีเหลืองธรรมดาไม่พอ ดอกไม้สักดอกก็ไม่มี ขี้เหร่จริงๆ”

ปากเอ่ยเช่นนี้ ทว่าน้ำตาของนางกลับไหลลงมาเป็นสาย

ฉินหลิวซีไม่สนใจนาง พลิกตัวเด็กหญิง เห็นผีเด็กสาวออกจากร่างแล้ว กระดูกผีเสื้อนั้นก็แตกเป็นแผล เผยให้เห็นกระดูกเน่าระบม จึงเอ่ยกับอูหยาง “ข้าไม่มีสมุนไพรติดตัว ขอท่านหัวหน้าเผ่าช่วยหาสมุนไพรรักษาแผลเน่าเปื่อยร้ายแรงและยาจินชวงมาให้สักหน่อย”

อูหยางส่งเสียงตอบรับ รีบจากไป

กระบอกตาแม่หมออูแดงก่ำ หมุนตัวเดินออกไป หยิบยากลับมาหนึ่งขวด “ยาจินชวง”

ฉินหลิวซีเปิดออก ดมกลิ่นดูเล็กน้อย มั่นใจว่าเป็นยาจินชวงจริงๆ แล้ว จึงให้นางหยิบมีดเล็กๆ มา เริ่มตัดส่วนที่เน่าเปื่อยทิ้ง

การอักเสบของกระดูกที่ตายเน่า[2] หากไม่กำจัด ไม่อาจอยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิต

[1] เดรัจฉานสวมหมวกใส่เสื้อผ้า สื่อถึงคนไร้ศีลธรรมทำตัวเหมือนเดรัจฉาน

[2] การอักเสบของกระดูกที่ตายเน่า เนื้อตายเน่าของกระดูกหมายถึงฝีที่อยู่ลึกซึ่งเกิดจากการสะสมของก๊าซพิษในกระดูก เนื่องจากกระดูกหักมักจะยื่นออกมาหลังการเป็

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท