รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 990 กำลังรบระดับล้ำขีดมาแล้ว ใช้บูชายัญดาบได้พอดี!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 990 กำลังรบระดับล้ำขีดมาแล้ว ใช้บูชายัญดาบได้พอดี!

บทที่ 990 กำลังรบระดับล้ำขีดมาแล้ว ใช้บูชายัญดาบได้พอดี!

“อามิตาพุทธ ในเมื่อเจ้าดึงดันไม่ยอมกลับตัว ข้าได้แต่…โปรดเจ้าด้วยดาบเล่มนี้!”

มารจี๋ตี้ชักดาบธรรมะเล่มหนึ่งออกมา เปี่ยมด้วยมาดของต้าเต๋อ สมแล้วที่ถูกโปรดโดยต้าเต๋อ ดาบธรรมะเล่มนั้นชี้ไปที่สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิต

พลังปราณของเขาพลุ่งพล่าน ตวัดดาบเข้าไป ที่เขาเอ่ยว่าต้าเต๋อฝอนั้นเก่งกาจหาใช่การโมเม ต้าเต๋อเคยพาเขาไปตามหาวาสนาการเปลี่ยนแปลง ให้เขาได้ยกระดับขอบเขต

บัดนี้เขาทลายเพดานของโลกหลังฉาก ตั้งตนอยู่เหนือขั้นหก จึงมั่นใจว่าโปรดสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตได้

เขารู้ว่าที่สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตกล้ามายังเขาหลิงซานย่อมมีความมั่นใจของตน ดาบนี้จึงไม่ได้ยั้งพลัง กวัดแกว่งด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี!

แสงพุทธะเจิดจรัสอาบไล้ทั่วฟ้า วาววามแยงตา สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วเขาหลิงซาน พุทธสาวกไม่น้อยสั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ ตัวสั่นประดุจเจ้าเข้า

“อามิตาพุทธ!”

ภายในวิหารต้าสยงมีคนผู้หนึ่งก้าวออกมา รูปลักษณ์เปี่ยมบารมีน่าเกรงขาม หน้าตาเคร่งขรึม

เขาคืออู้ฝ่า หรือก็คือ ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ ในอดีต ต่อมารู้ว่าตัวเขามิใช่พระอมิตาภะพุทธเจ้าตัวจริงจึงเปลี่ยนชื่อ ขนานนามตนว่าอู้ฝ่า

“สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่…”

คิ้วของเขาขมวดมุ่น สังหรณ์ใจไม่ดีนัก รู้สึกว่ามารจี๋ตี้คงจัดการสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตไม่ไหว

อย่างที่คิด มารจี๋ตี้จัดการสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตไม่ได้

ดาบธรรมะที่เขาฟาดฟันเข้าไปไม่ทันได้เข้าใกล้สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตก็ระเบิดแหลกลาญ กลายเป็นเสี่ยง ๆ ร่วงกระจายเต็มพื้น

ส่วนตัวเขาเองก็กระเด็นออกไปเพราะแรงสะเทือน ร่างแตกโพล่งกลางทาง เลือดสาดกระเซ็น เศษเนื้อปลิวว่อน

“เจ้าไม่ควรค่าให้ข้าลงมือด้วยซ้ำ!”

สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตแบกดาบเงินยาวสี่สิบจั้งบนบ่า เอ่ยกลั้วหัวเราะ

เพิ่งอยู่แค่ขอบเขตอิสระขั้นหกเท่านั้น ยังกล้าลั่นวาจาว่าจะโปรดเขา น่าขันยิ่งนัก

“เจ้า!”

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มิน่ามันถึงกล้ามาเหยียบเขาหลิงซานโดยไม่เกรงกลัวต่อต้าเต๋อฝอ

“มีความสามารถเพียงนิดหน่อยก็กล้ากำเริบสืบสานแล้วหรือ”

“หลูเฮา เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”

เสียงตวาดดังลั่น เงาร่างมากมายพุ่งออกมาล้อมรอบสิ่งมีชีวิตในโลงโลหิต

พวกเขาต่างเป็นกำลังรบระดับเพดานแห่งโลกหลังฉาก เคยทำความผิดในอาณาจักรนี้ ต่อมาได้ต้าเต๋อเทศนาที่เขาหลิงซาน กลายเป็นธรรมบาล

“แหม ๆ ๆ พวกเจ้าช่างน่าสมเพชจริง ๆ เคยเป็นถึงยอดฝีมือชั้นสูงจากโลกหลังฉาก ยิ่งใหญ่ไปทั่วแดนดิน บัดนี้กลับกลายเป็นสุนัขรับใช้ให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ!”

สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตจำเงาร่างเหล่านี้ได้ พวกเขาล้วนเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย ล้วนแล้วผยองกราดเกรี้ยว เป็นที่ยำเกรงของสิ่งมีชีวิตหลังฉากอย่างยิ่ง บัดนี้กลับยอมอยู่ในเขาหลิงซานทั้งหมด

“ต้าเต๋อฝอทรงมีเมตตา มอบชีวิตใหม่แก่พวกเรา ช่วยให้พวกเราตระหนักว่าบาปกรรมที่เคยก่อร้ายแรงปานใด หลูเฮา เจ้าควรวางดาบในมือเจ้าลงเช่นกัน แล้วบำเพ็ญเพียรอยู่ในเขาหลิงซาน!”

“เจ้ายังไม่รู้แจ้งถึงปรมัตถ์แท้จริงแห่งการบำเพ็ญ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้ารังแต่จะยิ่งทำผิดพลาดมากขึ้น”

เงาร่างทั้งหลายตวาดเสียง ล้วนแล้วโกนหัวบำเพ็ญธรรมด้วยใจอันศรัทธา

ความชั่วในใจพวกเขาถูกตัดสะบั้น เหลือไว้เพียงจิตใจอันใฝ่ธรรม หลี่จิ่วเต้าเคยสนทนาทางธรรมกับต้าเต๋อ จนต้าเต๋อได้รับประโยชน์มหาศาล เทศนาผู้อื่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

“น่าขัน อย่างพวกเจ้ามีหน้าสอนสั่งปรมัตถ์อันแท้จริงแห่งการบำเพ็ญด้วยหรือ”

สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตขบขันเหลือคณา “พวกเจ้าไม่ตวงน้ำชะโงกดูเงาตนเองกันบ้างเลย”

เงาร่างทั้งหลายต่างมีระดับพลังไม่ธรรมดา อยู่ในขอบเขตอิสระขั้นเจ็ด หากมิใช่ว่าต้าเต๋อมีของวิเศษในมือมากพอ คงไม่สามารถเทศนาเงาร่างเหล่านี้ได้จริง ๆ

ทว่ากำลังรบขั้นเจ็ดไม่พอให้ลงมือสำหรับสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตในตอนนี้

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตอยู่เหนือขอบเขตอิสระ บรรลุขอบเขตล้ำขีดเรียบร้อย มิอาจเทียบได้กับในอดีต

“ไสหัวไป!”

เขาตวาดเสียงเบา คลื่นพลังอันมองไม่เห็นโถมทับ จากนั้นเงาร่างทั้งหลายก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดมากมาย

“เหตุใดถึงน่าพรั่นพรึงได้ปานนี้?!”

พุทธสาวกในเขาหลิงซานสะท้านเหลือแสน พวกเขารู้ว่าเหล่าธรรมบาลน่ากลัวเพียงใด มีตำแหน่งสูงส่งเพียงใด กลับถูกสิ่งมีชีวิตโลงศพจัดการได้ในเสียงเดียว นับว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง!

“อามิตาพุทธ!”

เวลานั้นเอง พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเปล่งแสง ประกายเจิดจ้าสาดส่อง คลื่นพลังพิเศษบางอย่างไหลเวียน

“หลูเฮา เจ้าจำอาตมาได้หรือไม่ ในอดีตอาตมาเคยปล่อยให้เจ้ารอด จนป่านนี้เจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมกลับตัวอีกหรือ”

เสียงพุทธะดังกังวาน พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจ้องมองสิ่งมีชีวิตโลงโลหิต

“ตาเฒ่าหัวโล้น เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ ข้านึกว่าเจ้าตายอยู่ที่สมรภูมิมืดมิดแล้วเสียอีก!”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตคลี่ยิ้ม “ไยจึงส่งจิตสำนึกมาเพียงเสี้ยวเดียวเล่า เช่นนั้นฆ่าไปก็ไม่สาแก่ใจ ร่างต้นของเจ้ากล้าจุติมายังที่นี่หรือไม่”

เขามองทะลุถึงความจริงเท็จได้ในปราดเดียว จิตสำนึกเสี้ยวหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจุติลงบนพระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้า

ใช่แล้ว พระอมิตาภะพุทธเจ้าผู้ยังอยู่ในสมรภูมิมืดมิดสร้างการเชื่อมต่อกับพระพุทธรูปทองคำในที่แห่งนี้ รับรู้ถึงสถานการณ์ที่นี่จึงส่งจิตสำนึกมาเสี้ยวหนึ่ง

นั่นก็บ่งบอกแล้วว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าทรงพลังอย่างยิ่งยวด

หากเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าในอดีตย่อมไม่มีทางข้ามผ่านระยะทางแสนไกล สร้างการเชื่อมต่อกับพระพุทธรูปทองคำในที่แห่งนี้ได้

“พระผู้เป็นเจ้า!”

“อามิตาพุทธ!”

พระผู้เป็นเจ้าสำแดงอิทธิฤทธิ์ พุทธสาวกในเขาหลิงซานพลันสงบลง มิได้หวาดกลัวอีก พากันนั่งขัดสมาธิกับพื้นปากบริกรรมบทสวด เพิ่มพูนพลังให้พระผู้เป็นเจ้า

“หลูเฮา เหตุใดวันนี้คือผลในวันหน้า เจ้าอย่าได้สร้างบาปคร่าชีวิตผู้ใดจนติดอยู่ในบ่วงกรรมอีก หากเจ้าควบคุมความต้องการฆ่าในตัวเองไม่ได้จริง ๆ สามารถมายังสมรภูมิมืดมิด ที่นี่มีศัตรูนับไม่ถ้วนให้เจ้าได้เข่นฆ่า”

พระอมิตาภะพุทธเจ้ากล่าว

“ตาเฒ่าหัวโล้นไม่ต้องมาพล่ามไร้สาระกับข้า เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่มาที่นี่ด้วยร่างต้น เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ฆ่าสาวกของเจ้าทีละคน จนกระทั่งร่างต้นของเจ้ายอมมา”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตหัวเราะลั่นอย่างมุ่งร้าย ไม่คิดเลยว่าจะเจอเรื่องน่ายินดีอย่างคาดไม่ถึงที่นี่!

ฆ่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า แล้วค่อยฆ่าต้าเต๋อ อืม ต่อให้เขาต้องตายก็ไม่เสียใจแล้ว สามารถไปหาหลี่จิ่วเต้าได้อย่างสบายใจ

พลันเขาเตรียมลงมือ ตั้งใจก่อกรรมทำเข็ญต่อหน้าพระอมิตาภะพุทธเจ้า

“หยุด!”

พระอมิตาภะพุทธเจ้าตวาด มือใหญ่สีทองประทับลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดยั้งสิ่งมีชีวิตโลงโลหิต

“อย่าพูดให้น่าขัน จิตสำนึกเสี้ยวเดียวของเจ้ายังไม่พอ”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตคำรามเสียงเบา ทันใดนั้นพลังมหาศาลก็เข้าพันธนาการพระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้า หลังจากนั้นพระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจกระดิกตัวได้อีก…

ณ สมรภูมิมืดมิด

ร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้าโอนเอน สีหน้าซีดเซียวเพราะได้รับแรงกระทบไปด้วย

“ไยจึงแข็งแกร่งปานนี้”

เขายากจะเชื่อได้ลง ขอบเขตของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเกินกว่าที่เขาคิดไว้

“พระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านเป็นอันใดไป”

องค์จ้าวอู๋เฉินสัมผัสได้ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าแปลกไป จึงก้าวออกจากฐานตำหนัก มาอยู่ข้างกายพระอมิตาภะพุทธเจ้า

พระอมิตาภะพุทธเจ้าเล่าต้นสายปลายเหตุ “อาตมาก้าวสู่ขั้นแปดแล้ว แต่ยังรู้สึกห่างจากเขาไกลโข บางทีเขาอาจบรรลุเหนือขอบเขตอิสระไปแล้ว!”

ตัวเขานั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง น่าทึ่งอย่างยิ่งยวด หลังได้ดื่มสุราของหลี่จิ่วเต้าหนึ่งหยดก็ยกระดับพุ่งพรวด จากขั้นหกมาถึงขั้นแปด

“บรรลุเหนือขอบเขตอิสระ? กำลังรบระดับล้ำขีดหรือ”

องค์จ้าวอู๋เฉินอึ้งไปนิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะมีกำลังรบระดับล้ำขีดปรากฏออกมา

“เกี่ยวข้องกับฝ่ายพลังมืดมิดหรือไม่”

สีหน้าของเขาเคร่งเครียด นึกถึงพลังมืดมิดในทันที

กำลังรบระดับล้ำขีดไฉนเลยจะปรากฏออกมาได้ง่าย ๆ

บางทีอาจเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิดจริง

“ไปเถิด ข้าจะไปกับท่าน!”

เขาพาพระอมิตาภะพุทธเจ้าไปจากที่นี่

ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเกี่ยวข้องกับพลังมืดมิดหรือไม่ เขาก็ต้องไปให้ได้เห็นสักครา

เขาหลิงซานเป็นถิ่นของต้าเต๋อ ต้าเต๋อเป็นคนข้างกายคุณชาย และเขาได้รับเมตตาจากคุณชายมหาศาล ไฉนเลยจะทนดูถิ่นของต้าเต๋อเกิดเรื่องอยู่เฉย ๆ

เขาไม่มีทางทำเช่นนั้น

ลมหายใจต่อมา เขากับพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็มาถึงเขาหลิงซาน

“สมแล้วที่เจ้าเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้า ข้าไม่ทันฆ่าใครสักคนเจ้าก็มาถึงเสียก่อน”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตมองพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยอารมณ์ชื่นบาน เขามีโอกาสแก้แค้นแล้ว

“เป็นกำลังรบระดับล้ำขีดจริงด้วย!”

องค์จ้าวอู๋เฉินหรี่ตา ยืนยันขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตได้แล้ว

เขาเคยดื่มชากินข้าวกับคุณชาย ทั้งยังได้รับการชี้แนะจากคุณชายเอง ประโยชน์ที่รับมาย่อมเหนือจินตนาการ

ก่อนไปยังสมรภูมิมืดมิด ขอบเขตของเขาก็บรรลุมาถึงขั้นเก้า และในระยะเวลาที่ผ่านมา เขาทลายขีดจำกัดขอบเขตอิสระจนก้าวสู่ขอบเขตล้ำขีดแล้ว

ด้วยเหตุนี้หลังเห็นสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตจึงแน่ใจในขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตได้ทันที

“แหม ข้ารึคิดว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าอย่างเจ้านั้นเปี่ยมเมตตากรุณา ทนเห็นโลหิตหลั่งรินบนเขาหลิงซานไม่ได้ถึงได้เร่งรุดเข้ามา ที่แท้ความจริงหาใช่เช่นนั้นไม่ เจ้ามีผู้ช่วยถึงกล้ามาที่นี่โดยไม่เกรงกลัว”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตพินิจพิเคราะห์องค์จ้าวอู๋เฉินอยู่เช่นกัน สัมผัสถึงภัยคุกคามจากตัวองค์จ้าวอู๋เฉินได้เสี้ยวหนึ่ง และแน่ใจได้ทันทีว่าองค์จ้าวอู๋เฉินคือกำลังรบระดับล้ำขีด

ทว่าไม่เป็นไร เขายังมีดาบเงินระดับล้ำขีดอยู่ ไม่ต้องกลัวองค์จ้าวอู๋เฉินอะไรนั่น

“พอดีเลย ใช้เจ้าเป็นเครื่องบูชายัญดาบเงินสี่สิบจั้งของข้าแล้วกัน!”

เขาคลี่ยิ้มพลางเอ่ย ไม่เพียงแต่ไม่กลัว ทว่ายังปรารถนาจะได้ต่อสู้กับองค์จ้าวอู๋เฉิน

และหลังจากนี้เขาจะไปหาหลี่จิ่วเต้า

หลี่จิ่วเต้าย่อมหาใช่ผู้ที่ต่อกรได้ง่าย ๆ เขาเพิ่งได้รับพลังระดับล้ำขีดมา ไม่ทันได้ใช้การจริง พอดีได้ต่อสู้กับองค์จ้าวอู๋เฉิน ช่วยให้เขาควบคุมพลังระดับล้ำขีดและพลังดาบเงินได้ดียิ่งขึ้น

เช่นนี้ถึงคราวเผชิญหน้าหลี่จิ่วเต้า เขาก็จะมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น

“เช่นนั้นมาสู้กันสักตั้งเถิด”

องค์จ้าวอู๋เฉินออกจากเขาหลิงซานมาอยู่นอกอาณาจักร ต้องการสู้กับสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตที่นอกอาณาจักร

หากยังอยู่ที่เขาหลิงซาน เขาไม่อาจสำแดงฤทธิ์เดชได้เต็มที่ กลัวจะพลอยทำให้พุทธสาวกในเขาหลิงซานติดร่างแหไปด้วย

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตตวัดดาบเงินสี่สิบจั้งบุกเข้าไป

พวกเขาปะทะกันในชั่วพริบตา ปราศจากการหยั่งเชิง ทุกกระบวนท่าล้วนเป็นมหาวิชาพิฆาต

นอกอาณาจักรพลันเดือดพล่าน ดวงดาวระเบิดแหลกลาญนับคณา การต่อสู้ระดับล้ำขีดน่าพรั่นพรึงเกินไป ลำพังพลังปราณเสี้ยวเดียวที่ซัดสาดออกมาก็พอให้บดขยี้ดวงดาวทั่วฟ้า

ปริภูมิเวลาบิดเบี้ยว กฎระเบียบแตกสลาย มองไม่เห็นภาพการต่อสู้ของพวกเขา เพราะสยดสยองเกินไป เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของสิ่งมีชีวิตที่นี่

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตยิ่งสู้ยิ่งเดือด พลังที่ปะทุออกมาก็กล้าแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดาบเงินฟาดฟันไม่หยุด น่ากลัวถึงขีดสุด ทุกดาบที่ตวัดลงมาล้วนน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง!

องค์จ้าวอู๋เฉินได้รับการชี้แนะจากหลี่จิ่วเต้าโดยตรง ระดับวิถีนั้นสูงส่ง สำแดงมหาวิชาสะท้านโลกันตร์ได้ง่ายดาย เปล่งพลานุภาพเต็มที่ เข้าปะทะกับดาบเงินไม่หยุด ต้านทานได้ดาบแล้วดาบเล่า

“การต่อสู้เช่นนี้มีความจำเป็นมากจริง ๆ!”

สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตคลี่ยิ้มกว้าง ใช่พลังระดับล้ำขีดและดาบเงินได้ช่ำชองขึ้นเรื่อย ๆ พลังที่ปล่อยออกไปก็น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ!

เสียงดังพรวด องค์จ้าวอู๋เฉินถูกดาบเงินฟัน หน้าอกถูกแหวกออกเผยให้เห็นกระดูกสีขาวด้านใน โลหิตหลั่งริน

โลงโลหิตไม่ให้โอกาสองค์จ้าวอู๋เฉินสักนิด ตวัดดาบเงินออกไปอย่างรวดเร็วอีกครา หมายจะเอาชีวิตในทุกการฟาดฟัน ต้องการปลิดชีพองค์จ้าวอู๋เฉินลงที่นี่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท