บทที่ 992 ไม่ดีแล้ว หนี สู้มิได้ สู้มิได้!
บทที่ 992 ไม่ดีแล้ว หนี สู้มิได้ สู้มิได้!
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตโกรธจนตัวสั่น ไม่เคยเห็นผู้ใดไร้คุณธรรมเช่นนี้มาก่อน!
ต่อสู้ส่วนต่อสู้ ไยต้องขุดสุสานบ้านผู้อื่นด้วย
จิตสังหารของเขาพลุ่งพล่าน กลายเป็นแสงลำหนึ่งพุ่งเข้าไปในหลุมศพ หมายจะสังหารนักพรตอัษฎสมบูรณ์
“สหาย เจ้าทำอันใด ข้าออกมาแล้ว”
นอกหลุมศพ ร่างของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ปรากฏ อีกทั้งแบกโลงศพโลงหนึ่งไว้บนบ่า
อีกฟากของเอกภพ สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงเบิกตาค้าง
นักพรตอัษฎสมบูรณ์สมกับเป็นโจรปล้นสุสานมืออาชีพ แบกโลงศพออกมาอย่างนี้เลยหรือ!
พวกเขามองเห็นภาพเหตุการณ์ฟากนักพรตอัษฎสมบูรณ์ผ่านอัตประวัติโจรปล้นสุสาน
องค์จ้าวอู๋เฉินสามารถมองเห็นเช่นกัน เขาทอดสายตาเห็นแล้วก็ต้องตาค้างตาม
เอาชนะศัตรูด้วยวิธีอย่างนี้ได้ด้วยหรือ?
สุดยอด!
เขาได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!
…
ตู้ม!
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตพุ่งออกจากหลุมศพ อย่าให้เอ่ยเลยว่าหน้าตาโกรธเกรี้ยวปานใด เขาจ้องนักพรตอัษฎสมบูรณ์เขม็ง นัยน์ตาทอประกายเยียบเย็น
“หากเจ้าบังอาจทำลายศพของท่านพ่อข้า ข้าจะทำให้เจ้าไม่ตายดี!”
โทสะของเขาพุ่งทะยาน อยากตบนักพรตอัษฎสมบูรณ์ให้ตายในฝ่ามือเดียวนัก
ทว่าเขามิกล้า ศพของบิดาเขายังอยู่ในมืออีกฝ่าย
“โอ้ เจ้าขู่ข้าไม่ได้หรอก ข้าเป็นเพียงตัวละครจากหนังสือ แต่เดิมเป็นเพียงสิ่งสมมติ หาได้มีตัวตนจริงไม่”
เขากล่าวต่อ “เห็นแก่ที่เจ้ากตัญญู ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ยอมแพ้เสียตอนนี้ แล้วข้าจะวางศพของบิดาเจ้ากลับไปในหลุม”
จากนั้น เขาเอ่ยขึ้นอีก “อืม ข้าช่วยดูฮวงจุ้ยให้เจ้าด้วยก็ได้ จะได้เลือกตำแหน่งฮวงจุ้ยดี ๆ ให้บิดาของเจ้า ว่ากันตามตรง จุดที่เจ้าฝังฮวงจุ้ยใช้ไม่ได้เลย”
“เจ้า!”
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธจนอกแทบระเบิด
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ช่างไร้คุณธรรมเสียจริง ถึงขั้นขู่เขาด้วยศพบิดาของเขา!
ยามนี้เขาเกิดลังเลขึ้นมา เพราะกลัวจากใจจริงว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์จะทำลายศพของบิดาเขา
“ข้ายอมแพ้!”
สุดท้าย เขาเลือกยอมแพ้
“เช่นนั้นกลับไปกับข้า”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์แบกโลงศพหายไปจากตรงนั้น กลับมาอยู่ที่เดียวกับสุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียง
ร่างของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตตามมาติด ๆ
“เห็นหรือไม่ หัดเรียนรู้เสียบ้าง พิชิตได้โดยไม่ต้องต่อสู้! เลิกเอาแต่คิดเรื่องรบราฆ่าฟันเสียที เปล่าประโยชน์ เช่นนั้นคือความมุทะลุ”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์คลี่ยิ้มพลางเอ่ย
“ใช่แล้ว ข้าจะตั้งใจเรียนรู้จากท่าน ฝึกฝนวิชาปล้นสุสานให้เชี่ยวชาญ เมื่อถึงคราวศัตรูปรากฏ ข้าจะขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเขาเฉกเช่นท่าน!”
นักพรตอู๋เหลียงจ้องมองนักพรตอัษฎสมบูรณ์ด้วยความเลื่อมใสพลางกล่าว
ถึงขั้นสืบสานวิชากันแล้วหรือ
สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตทั้งโกรธแค้นทั้งอัดอั้นตันใจ ทั้งที่เขามีพลังเหนือกว่า กลับไร้โอกาสได้ใช้ ซ้ำยังต้องถูกข่มขู่อยู่เช่นนี้
…
ในจักรวาลซึ่งห่างออกไป
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งแค่นเสียง ไม่พอใจในพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตอย่างมาก
“ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น ไม่ถือเป็นปัญหา ปัญหาคือนักพรตเฒ่าปล้นสุสานผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย…”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม สัมผัสได้ว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์ทรงพลังอย่างยิ่งยวด ต่อให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ไม่ขู่ด้วยศพ สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตก็สู้นักพรตอัษฎสมบูรณ์มิได้
“น่ากลัวอยู่นิดหน่อย หลี่จิ่วเต้าได้รับการเตรียมการเช่นไรไปกันแน่ หนังสือเล่มหนึ่งก็สร้างตัวละครน่าพรั่นพรึงเพียงนี้ขึ้นมาได้เชียวหรือ”
เขาส่ายหัว ไม่คิดจะดำเนินการใดต่อ
หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวกว่าที่เขาคิด ขืนเขาลงมือต่อน่ากลัวว่าจะเสียเปรียบเกินไป
หรือไม่ก็อาจพาตัวเองติดร่างแหไปด้วย
“ข้าลงมือต่อไม่ได้แล้ว หมดสิ้นพลังถ่ายทอด นอกเสียจากข้าไปด้วยตัวเอง…”
เขาถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถเพิ่มพลังให้สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตได้อีก หากไม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้สิ่งมีชีวิตโลงโลหิต สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตไม่มีทางต่อกรกับนักพรตอัษฎสมบูรณ์ได้เลย
เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น ถึงอย่างไรหลี่จิ่วเต้าก็ล้ำลึกเกินไป ผู้ใดจะรู้ว่ามีกับดักอุบายอะไรอยู่อีก
“ช่างเถิด พอแค่นี้แหละ”
เขาตั้งใจยอมแพ้ ไม่ลงมือต่อแล้ว
ส่วนชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตก็ปล่อยไปถามยถากรรม เขาไม่สนใจ
ทว่าขณะที่เขาเตรียมถอดใจเบนสายตากลับมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน
“นี่มัน!!!”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียด พลังมวลใหม่ถ่ายทอดเข้าไปในร่างของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตหรือนี่!
“ดูท่า จะไม่ได้มีเพียงข้าที่ต้องการหยั่งเชิง ยังมี ‘โรค’ อื่นต้องการหยั่งเชิงเช่นกัน!”
เขาคลี่ยิ้ม มี ‘โรค’ อื่นจับตาดูอยู่ ต้องการอาศัยร่างของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตสืบให้ได้ความ
“ประเสริฐ คราวนี้ได้เรื่องแน่!”
เขาจับตาดูต่อ
…
อีกด้าน พลังปราณของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเพิ่มพูนมหาศาล คลื่นพลังอันน่าสะพรึงคืบคลาน พลังน่าครั่นคร้ามไหลหลาก
สุนัขดำ นักพรตอู๋เหลียง องค์จ้าวอู๋เฉินต่างโอนเอนไปมา รู้สึกถึงภัยคุกคามใหญ่หลวง
“ไม่ดีแล้ว หนี!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ร้องเสียงหลง โยนโลงศพให้นักพรตอู๋เหลียงแล้วเหินกลับเข้าหนังสืออย่างรวดเร็ว
มิหนำซ้ำหนังสือยังปิดดังปึง
“อย่าเรียกข้าออกไปอีก สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้!”
ก่อนหนังสือปิด เสียงของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังออกมา
จากนั้นหนังสือเล่มนี้ก็ลอยไปอยู่ด้านหลังพวกสุนัขดำ ซ้ำยังมีทีท่าจะหนี
พับผ่าสิ!
นักพรตเฒ่าอะไรกันนี่
ไร้คุณธรรมจริง ๆ สุดยอดไปเลย!
นี่ทิ้งพวกเขาไว้อย่างไม่ไยดีเชียวหรือ
พวกสุนัขดำหน้าดำคร่ำเครียดกันหมด ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุพลิกผันเช่นนี้
นักพรตเฒ่าเส็งเคร็ง!
นักพรตเฒ่าไร้คุณธรรม!
ไร้ความเป็นมนุษย์สิ้นดี!
จะหนีก็หนี เหตุใดถึงต้องโยนโลงศพมาให้เขาด้วย
นักพรตอู๋เหลียงก่นด่าในใจ
หลังนักพรตอัษฎสมบูรณ์โยนโลงศพมาให้เขา สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตก็จ้องเขาเขม็ง จนเขาอกสั่นขวัญแขวน
“แหม พี่ชาย อย่าโกรธกันเลย โลงศพนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดินนานเกินไป เจ้าดูสิ สีเพี้ยนหมดแล้ว!”
เขารีบปั้นยิ้มพลางเอ่ย “พี่ชายโปรดวางใจ ข้าเป็นมือฉมังด้านนี้ ข้าจะฟื้นสีสันของโลงศพให้ดีดังเดิมเดี๋ยวนี้! แล้วข้าจะช่วยพี่ชายหาพื้นที่ฮวงจุ้ยดี ๆ ฝังท่านอาอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ”
นี่ถึงขั้นเรียกพี่ชายแล้วหรือ
ซ้ำยังเรียกบิดาสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตว่าท่านอาอีก?
สุนัขดำชำเลืองนักพรตอู๋เหลียงอย่างดูแคลน นักพรตอู๋เหลียงปอดแหกยิ่งนัก
เสียงดังตึง เวลานั้นนักพรตอู๋เหลียงโยนโลงศพให้สุนัขดำ
จากนั้น เขาส่งสายตาให้สุนัขดำ
ท่านเก่งกาจปานนี้ กล้าหาญปานนี้ ท่านจัดการเลย!
“!!!”
สุนัขดำโมโหจนแทบเด้งตัว ไอ้อ้วนเดนตาย ไร้คุณธรรมจริยธรรมเฉกเช่นนักพรตอัษฎสมบูรณ์ ไม่เท่าไหร่ก็ให้ร้ายมันเสียแล้ว!
สายตาของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเบนมาที่สุนัขดำ
สุนัขดำโดนสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตมองจนขวัญผวาเช่นกัน
ก่อนสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตพลังเพิ่มพูน มันก็สู้ไม่ไหวแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหลังสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเพิ่มพูนพลังครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่ชาย ไอ้อ้วนนี้พูดไม่ผิด สีของโลงศพเพี้ยนจริง ๆ! นี่คือโลงศพของท่านอานะ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! ไม่ได้การ! ข้าจะซ่อมแซมโลงศพท่านอาเดี๋ยวนี้!”
มันเองก็ปั้นยิ้มเต็มหน้าเอ่ย
ยังจะดูแคลนข้าอีก ท่านเองก็เหมือนกันมิใช่หรือ ไม่เห็นองอาจเท่าไหร่ กล้าหาญมากขนาดไหน!
นักพรตอู๋เหลียงลอบหัวเราะไม่หยุด
หากเรื่องไม่มาถึงตนเอง ไม่มีทางรับรู้ความรู้สึกจริง ๆ
สุนัขดำคือตัวอย่างที่ดีที่สุด
“พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”
สีหน้าของสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตเย็นชา จิตสังหารพลุ่งพล่าน
เขาชี้นิ้วไปทางสุนัขดำ ลำแสงสยดสยองพวยพุ่งด้วยความเร็วทะลุขีดจำกัด สุนัขดำตั้งตัวไม่ทันเลย
หากไม่มีสิ่งผิดพลาด สุนัขดำจะถูกลำแสงสยดสยองนี้แทงทะลุหน้าผาก ตายสนิท!
เขาแทบมองเห็นภาพนั้นแล้ว มุมปากเผยอยิ้ม
ถึงอย่างไรเขาในยามนี้ก็มิอาจนำไปเทียบเทียมอดีต พลังแข็งแกร่งขึ้นอีกครา!
ตู้ม!
เวลานั้นเอง สายฟ้าสายหนึ่งฟาดผ่าอย่างรวดเร็ว หยุดยั้งลำแสงสยดสยองนั้นไว้ได้!
“หืม?!”
ม่านตาสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตหดลงฉับพลัน สายฟ้าจากไหนกัน?
…
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางอวกาศด้านนอกอันห่างไกล
“หลี่จิ่วเต้าออกโรงแล้วหรือ”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นยิ้มเย็น “ดียิ่ง ขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้ามีฝีมือขนาดไหน!”
…
ในมิติที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
“มาเลย ออกมากันให้หมด ขอข้าดูหน่อยว่าพวกเจ้ายังมีลูกไม้ใดอีก!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งส่งเสียงหัวเราะชวนขนลุก เอ่ยเสียงอึมครึมว่า “ดาบใหญ่ของข้ากระหายจะแย่ หลังจัดการพวกเจ้าแล้วข้าจะออกอาละวาดไปทั่วทั้งสี่ทิศ!”
มันคือสิ่งมีชีวิตที่เพิ่มพลังให้สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตทีหลัง
…
อีกด้าน สิ่งมีชีวิตโลงโลหิตทราบที่มาของสายฟ้านี้แล้ว
ไม่ใช่หลี่จิ่วเต้าที่มา
นั่นมันอะไร?
ดูเหมือนเป็น…ลานเล็กแห่งหนึ่ง?
“เป็นลานเล็กแห่งหนึ่งจริง ๆ!”
ใบหน้าของเขากระตุก อะไรกันนี่ แม้แต่ลานเล็กก็ยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ใช่แล้ว เป็นลานเล็กที่มา ปรากฏตัวด้านสุนัขดำ
“บังอาจนัก เป็นเพียงตัวละครต่ำต้อยริอ่านกำแหง!”
เวลานั้นหนังสือที่ปิดไปแล้วพลิกหน้าหนังสือเองอีกครั้ง ร่างของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ปรากฏตัวอีกครา
เขาก้มมองสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตพร้อมแผดเสียงต่อว่า ด่าสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตว่าเป็นเพียงตัวละครต่ำต้อย
“พี่ชาย มียางอายบ้างได้หรือไม่”
นักพรตอู๋เหลียงยอมแล้วจริง ๆ
มีผู้ใดไร้ยางอายได้เท่านักพรตอัษฎสมบูรณ์บ้าง
เมื่อเห็นลานเล็กมาที่นี่ ก็รู้สึกมั่นใจที่มีที่พึ่ง จึงพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง ซ้ำยังวางมาดใหญ่โต ลืมเรื่องที่ทิ้งพวกเขาอย่างไม่ไยดีเมื่อครู่เสียสิ้น
เขายังอายแทนนักพรตอัษฎสมบูรณ์!
“เจ้าจะรู้อะไร! ข้าคือตัวละครในหนังสือ ไม่อาจอยู่นอกหนังสือได้นานถึงได้กลับเข้าไป!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์กล่าวต่อ “หาไม่แล้วตัวละครต่ำต้อยอย่างเขาข้าตบตายได้ในฝ่ามือเดียว”
เล่นละคร!
เล่นละครไปเลย!
ข้าเชื่อเจ้าสิแปลก!
นักพรตอู๋เหลียงเบ้ปาก ไม่เชื่อแม้แต่คำพูดเดียวที่นักพรตอัษฎสมบูรณ์กล่าว
“หืม ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ”
เวลานั้น ลานเล็กเปล่งเสียง “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ขอยกเขาให้เจ้าแล้วกัน ข้ากลับละ”
“อย่า!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ร้อนใจขึ้นมาทันที “ไหน ๆ ก็มาแล้ว หากไม่ทำอะไรเลยคงขาดทุนแย่ ไม่เท่ากับเดินทางอย่างเปล่า ๆ ปลี้ ๆ หรือ ทำเช่นนั้นได้อย่างไร! ข้ายกเขาให้เจ้า เจ้าขยี้เขาให้ตายแล้วค่อยกลับ เช่นนี้ก็จะไม่เสียเที่ยวแล้ว”
“ข้าไม่รู้สึกขาดทุน เจ้าลงมือเถิด”
ลานเล็กหัวเราะเบา ๆ
อีกด้าน สีหน้าสิ่งมีชีวิตโลงโลหิตไม่สู้ดีอย่างยิ่งยวด
นักพรตอัษฎสมบูรณ์และลานเล็กเห็นเขาเป็นอะไร? เหยียบย่ำดูถูกเขาปานนี้เชียวหรือ ถึงได้โบ้ยกันไปมา
เขาถูกจัดการได้ง่ายดายจริงหรือ?
“พอได้แล้ว!”
เขาตวาดเสียงเย็น “โทสะในใจข้าลุกโชนขึ้นมาแล้ว พวกเจ้าทำให้ข้าพิโรธ วันนี้ พวกเจ้าหนีไม่พ้นสักคน!”
จากนั้นเขาใช้พลังหลอมดาบใหญ่เล่มหนึ่งขึ้นมา เล็งไปที่ลานเล็ก และพวกนักพรตอัษฎสมบูรณ์
“ข้าคนเดียวจะฆ่าล้างพวกเจ้าทั้งหมด!”
เขาแกว่งดาบบุกเข้าไป!