คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 709 เป็นอีกวันหนึ่งที่โสมถูกถอน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 709 เป็นอีกวันหนึ่งที่โสมถูกถอน

ขูดกระดูกกำจัดส่วนเน่าเปื่อยออกไป ผู้ใหญ่เพียงได้ฟังยังรู้สึกเจ็บ แล้วหากเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเล่า

แม้ฉินหลิวซีจะสกัดจุดให้เด็กน้อยสงบไป ในตอนที่นางกำจัดเนื้อตายบนกระดูก ขูดส่วนเน่าตายนั้นออกไป เด็กน้อยก็เจ็บจนตื่นขึ้นมา ร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวด

แม่หมอกู่กระบอกตาแดงก่ำอย่างปวดใจ จับมือเล็กๆ สองข้างที่คว้าไปทั่วของนางเอาไว้ เพื่อไม่ให้นางดิ้นแรงเกินไปจนทำร้ายตนเอง

ฉินหลิวซีหยิบผลหลิงกั่วบีบเพื่อป้อนเข้าไปในปากนาง จากนั้นสกัดจุดชา ก่อนจะรีบลงมืออย่างรวดเร็ว

หลังจากขูดส่วนเน่าเปื่อยออกไปแล้ว ก็ทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วจึงใส่ยาจินชวง หัวหน้าเผ่าอูหยางเองก็นำสมุนไพรกลับมาพอดี ทั้งสองช่วยกันใส่ยาลงไป ทั้งยังต้มยากำจัดขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้เด็กหญิงดื่มหนึ่งถ้วย จึงทำให้เด็กหญิงสงบลง ดูดนิ้วหลับไป

ฉินหลิวซีมองหยาดน้ำตาที่เกาะอยู่บนขนตางอน พ่นลมหายใจออกมา หันไปมองเมิ่งเฉินเซียงที่ถูกกักตัวเอาไว้ไม่อาจขยับได้ เอ่ย “เห็นความเจ็บปวดของนางแล้วหรือไม่ สิ่งที่ตนเองไม่ต้องการก็อย่ายัดเยียดให้ผู้อื่น นางจะรู้อะไรเล่า”

เมิ่งเฉินเซียงเถียง “ไม่ใช่ข้าที่อยากจะสิงอยู่ในนั้น นี่เป็นเพราะเวรกรรมที่พ่อเดรัจฉานนั่นของนางสร้างขึ้น ตอนที่ทำข้าตายบังเอิญแม่นางเห็นเข้า ตกใจจนคลอดก่อนกำหนด หลังจากข้าตายไปพร้อมกับความแค้น ความแค้นนี้ได้พาข้าเข้ามาอยู่ในร่างกายของเด็กคนนี้ ผู้ใดจะรู้เล่าว่ากระดูกของนางจะเน่าเปื่อย อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะข้าใช้พลังผีสะกดแผลเน่าเปื่อยรุนแรงนั่น แผลเน่าเปื่อยของนางคงกว้างกว่านี้ไปนานแล้ว กระดูกคงเสียหายใช้การไม่ได้ไปแล้ว”

ฉินหลิวซีหรี่ตาลง “ตอนที่เจ้าตาย นางเพิ่งเกิดหรือ เจ้าอายุเท่าใด”

“สิบสอง”

“ครบหนึ่งรอบพอดี” ฉินหลิวซีเองก็ไม่รู้ว่าควรบอกว่านี่เป็นเวรเป็นกรรมหรืออย่างไรดี

ฉินหลิวซีเอ่ยถาม “ตอนนี้เจ้ายังมีความปรารถนาใดที่ยังไม่บรรลุผล”

อารมณ์พุ่งพล่านขึ้นมาทันใด เอ่ยว่า “ข้าถูกเจ้าเดรัจฉานเฉิงซิ่วไฉนั่นหลอกมาตายที่สำนักศึกษา บางทีท่านพ่อท่านแม่ข้าคงยังไม่รู้ว่าข้าตายแล้ว คงตามหาข้าไปทั่ว…”

นางก้มหน้าเอ่ย น้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด

ฉินหลิวซีนิ่งเงียบ

อูหยางจึงเอ่ย “เด็กหญิงถูกแม่หมอกู่เก็บมาจากพื้นหิมะที่ตีนเขาของหมู่บ้าน ครอบครัวเฉิงซิ่วไฉนี้ทิ้งอย่างไรหรือ”

“ไม่ใช่เป็นเพราะท่านย่าของนางรังเกียจที่นางเป็นเด็กหญิงหรือ เลี้ยงมาครึ่งปีร่างกายยังอ่อนแอดูเลี้ยงไม่โต เอาแต่ร้องไห้ทุกวัน อาศัยจังหวะที่มารดาของนางตกใจไม่มีสตินอนซมอยู่บนเตียง พานางออกมาทิ้ง” น้ำเสียงเมิ่งเฉินเซียงเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน

“เช่นนั้นพวกเจ้าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันหรือ อยู่ที่ใด”

“คือหมู่บ้านซานหยาง”

อูหยางมองไปยังฉินหลิวซี อธิบาย “หมู่บ้านซานหยางแห่งนี้ห่างจากพวกเราไม่ใกล้ไม่ไกล ไกลออกไปหนึ่งร้อยลี้”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “เดี๋ยวข้าพานางไปส่ง”

เมิ่งเฉินเซียงดีใจ

แม่หมอกู่กลับกอดเด็กหญิงในอ้อมแขนเอาไว้แน่น ก้มลงไปมอง จะส่งเด็กคนนี้กลับไปด้วยหรือไม่

“ท่านวางใจ เด็กน้อยถูกท่านเก็บได้แล้ว นั่นเป็นบุญวาสนาของนาง ท่านเลี้ยงเอาไว้เถิด” ฉินหลิวซีมองไปยังเด็กน้อยอีกครั้ง ถอนหายใจเอ่ย “นางไม่มีมารดาแล้ว”

ไม่มีมารดา ต่อให้บิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังมีท่านย่าเช่นนั้น กลับไปก็คงมีเพียงคำว่าตาย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้เป็นบิดาที่ไม่คู่ควรเป็นบิดานั่น

แม่หมอกู่ถอนหายใจ สายตาที่มองไปยังฉินหลิวซีเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

อูหยางจึงถือโอกาสเอ่ยปากแทนฉินหลิวซี อยากได้กู่หนอนไหมทองช่วยถอนพิษสักตัว

ฉินหลิวซีเอ่ยถึงวิธีการหารือของพวกเขาก่อนหน้านี้อีกรอบ เอ่ยถามอย่างจริงใจ “ท่านเป็นคนมีฝีมือในการเลี้ยงกู่ ขอท่านช่วยชี้แนะ วิธีการนี้เป็นผลหรือไม่ หากเป็นผล ท่านช่วยนำแมงป่องทองและกู่หนอนไหมทองมา จากนั้นก็เลี้ยงกู่[1]เพื่อมาใช้ถอนพิษได้หรือไม่ หากท่านเสียดาย หลังถอนพิษแล้ว แมลงกู่นั้นท่านนำกลับคืนไปได้ ข้าเพียงต้องช่วยเฉวียนจิ่งถอนพิษเท่านั้น บรรพบุรุษของเขาเป็นแม่ทัพ ปกปักรักษาประชาชนชาวต้าเฟิงของเรามาโดยตลอด คนเช่นนี้คู่ควรมีชีวิตอยู่ เป็นวาสนาแก่ประชาชนต้าเฟิงของเรา”

สายตาของแม่หมอกู่อ่อนลง เอ่ย “ท่านเอาแมงป่องทองมา ส่วนข้า ที่นี่มีแม่กู่ที่กำลังจะกลายเป็นกู่ เพียงนำสิ่งอื่นเข้าไป ก็จะกลายเป็นแม่กู่ที่มีพิษแมงป่องทอง”

ฉินหลิวซีตกใจ “ใกล้สำเร็จแล้ว ยังสามารถใส่แมลงมีพิษเข้าไปได้อีกหรือ”

“เดิมการเลี้ยงกู่ก็ต้องนำสัตว์มีพิษเข้าไปอยู่เรื่อยๆ นำแมลงพิษที่ตายและนำตัวใหม่ลงไปเป็นระยะ วนไปอยู่เช่นนี้ ด้วยวิธีนี้จึงจะสร้างแม่กู่ที่ดุร้ายและทรงพลังได้ หากตอนนี้ท่านเอาแมงป่องทองมา สองตัวต่อสู้กัน ตัวใดชนะก็จะกลายเป็นแม่กู่ แน่นอนที่นี่ยังมีทักษะและคาถาในการฝึกกู่โดยเฉพาะ หากไม่ใช่ตระกูลของข้า ไม่อาจทดลองได้ง่ายๆ ฝึกกู่ถูกกู่แว้งกัดได้ง่าย เพียงถูกกัดมีแผล คนที่เลี้ยงกู่ก็อาจถูกกลืนกิน นี่เป็นบทลงโทษของสวรรค์”

แม่หมอกู่มองฉินหลิวซี เอ่ยต่อว่า “ขั้นตอนการฝึกกู่ ต้องสัมผัสพิษมากมาย พิษบางชนิดไม่อาจควบคุมได้ง่ายๆ ง่ายต่อการติดเชื้อจากพิษทำให้รูปโฉมถูกทำลาย ดังนั้นอย่าได้ฝึกเล่นๆ”

ฉินหลิวซีมองใบหน้าและมือของนางที่มีรอยตะปุ่มตะป่ำ นึกถึงซือเหลิ่งเย่ว์ขึ้นมาทันใด เด็กคนนั้นเคยคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่

“หากแม่กู่ฝึกสำเร็จแล้ว ยามถอนพิษ เฉวียนจิ่งจะทนไหวหรือไม่”

แม่หมอกู่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “การปลูกกู่ต้องใช้สัญญาเลือดมาปลูก ขอเพียงทำสัญญาเลือดสำเร็จ กู่หนอนไหมทองจะไม่ทำร้ายเจ้านายกระทั่งปกป้องเขาด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อทั้งสองมีสัญญาเลือดต่อกัน เมื่อกู่หนอนไหมทองได้รับการโจมตี เจ้านายก็จะได้รับผลกระทบด้วย นี่เป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่หากเขาปลูกกู่หนอนไหมทอง นับแต่นั้นจะไม่พ่ายต่อพิษใด มีแม่กู่คอยช่วยเหลือ ตัวเขาเองก็จะกลายเป็นเครื่องมือสังหาร พิษกู่หนอนไหมทองไร้พิษใดมาเทียบได้ หากคนได้รับพิษนี้เลือดจะทะลักรูทวารทั้งเจ็ดจนตาย และเพราะพิษของมันร้ายแรง เป็นอันตรายต่อโลกและสวรรค์ หากผู้มีใจคิดร้ายยิ่งทำลายคนมาก การแว้งกัดยิ่งจะรุนแรงขึ้น”

นี่เป็นการบอกฉินหลิวซีถึงข้อดีและข้อเสียในการปลูกกู่ เพื่อในระยะยาว อย่าได้ใช้พิษกู่ทำร้ายผู้คน

ฉินหลิวซีเอ่ย “เพียงฝึกแม่กู่สำเร็จ ก่อนปลูกข้าจะบอกถึงข้อดีข้อเสียของมัน ข้ายังคงเป็นคนของเต๋า เชื่อในผลกรรมที่สุด เช่นเดียวกันเมื่อเขาปลูกกู่หนอนไหมทองแล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไร นั่นก็เป็นผลกรรมที่เขาต้องรับมัน”

แม่หมอกู่พยักหน้า

“เวลาไม่คอยท่า ข้าจะกลับไปนำแมงป่องทองมาก่อน” ฉินหลิวซีเอ่ย ให้เมิ่งเฉินเซียงอยู่ในขวดขังวิญญาณไปก่อน และไม่ได้เอาเฮยซาไปด้วย อย่างไรเขาก็ชอบป่าเขาของเซียงหนาน ไปเที่ยวเล่นบนเขาแล้ว

แม่หมอกู่เห็นนางหายไปกับเส้นทางหยิน ดวงตาเกิดความตื่นตกใจขึ้นมาอีกหลายส่วน เด็กสาวผู้นี้ร้ายกาจกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก

แมงป่องทองถูกเก็บเอาไว้ในเรือนยาเรือนเล็กจวนตระกูลฉิน ฉินหลิวซีไม่ได้ทำให้ผู้ใดตกใจ ออกมาจากเส้นทางหยินก็ตรงดิ่งไปหยิบที่เรือนยา ยังนำยาหลายชนิดติดตัวไปด้วย

ขณะกำลังจะไป ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็หยิบกล่องหยกกล่องหนึ่งออกไปด้วย

ปีศาจโสมน้อยกำลังคุยโม้อยู่ใต้กำแพงกับสองผีชายหญิงในเรื่องประสบการณ์พันปีที่มันได้ประสบพบเจอมา อวดเก่งไม่เบา

พลันมองเห็นฉินหลิวซีเดินเข้ามา มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนักเกิดขึ้น

“มานี่”

ปีศาจโสมน้อยหันหลังกำลังจะหนี ไม่ ข้าไม่ไป

มันเร็วแล้วแต่ฉินหลิวซีเร็วกว่า คว้าหมับเข้าที่ใบของมัน ดึงเอารากฝอยออกมา จากนั้นก็โยนมันทิ้งไป นำรากใส่เข้าไปในกล่องหยก ก่อนจะเปิดเส้นทางหยินแล้วหายไป

ปีศาจโสมน้อย “?”

มันถูกถอนอีกแล้ว!

สองผีชายหญิงหัวเราะจนพลังหยินแผ่กระจาย นี่คือพลังแห่งพายุในตำนานใช่หรือไม่

[1]เลี้ยงกู่ วิธีการเลี้ยงกู่คือเอาสัตว์มีพิษมาสู้กัน ตัวไหนชนะก็จะดูดพิษจากอีกตัวที่แพ้ไป แล้วก็เอาตัวใหม่มาสู้กันอีก แล้วก็เปลี่ยนวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดต่อสู้ชนะแล้วดูดเอาพิษทั้งหมดที่ถูกสะสมมาเรื่อยๆ กลายเป็นว่ากู่ตัวนี้จะมีพิษมากมายหลายชนิดผสมกันอยู่ในตัว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท