ตอนที่ 588 คำสารภาพของหลินจินซาน
ตอนที่ 588 คำสารภาพของหลินจินซาน
หลินเซี่ยส่งไมโครโฟนไปรอบ ๆ แต่ทั้งสามสาวไม่เอาท่าเดียว อ้างว่าพวกหล่อนร้องเพลงไม่เป็น
“ที่นี่มีเพลงเยอะแยะจะตายไป คิดว่าลูกค้าที่มาร้องได้กันทุกเพลงเหรอ? ปกติเราเปิดเพลงคลอในร้านอยู่แล้วนี่นา จะมัวเขินอายไปทำไม?”
เมื่อหลินเซี่ยเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกหล่อนทั้งสามได้มาในที่แบบนี้ สุดท้ายเธอจึงยอมอนุโลม
หลินเซี่ยคลิกเลือกเพลง ‘ชอบเธอนะ’ เป็นคนแรก แล้วเริ่มร้องเพลงนั้นอย่างสุดพลัง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกำลังท้องอยู่ ตอนนี้อาจจะกระโดดโลดเต้นตามเพลงไปแล้วก็ได้
ตอนแรกทั้งสามสาวยกเว้นหลินเซี่ยไม่ยอมร้องเพลง เอาแต่นั่งแทะเมล็ดแตงโมเงียบ ๆ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ชุนฟางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยิบไมโครโฟนขึ้นมาร้องด้วย
จากนั้นหยางหงเสียก็ขอเลือกเพลงโปรดของหล่อนบ้าง
บรรยากาศเริ่มสนุกสนานมากขึ้นเมื่อผู้หญิงหลายคนเริ่มร้องเพลง
ที่จริงหล่อนเป็นผู้หญิงที่ร้องเพลงเพราะคนหนึ่ง
แต่อาจเป็นเพราะไม่เคยร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นมาก่อน ทำให้ไม่รู้ว่าเสียงร้องของตัวเองมีอานุภาพทำลายล้างมากแค่ไหน
หลินเซี่ยปิดหูตัวเอง เริ่มคิดหาทางหนีทีไล่
กลัวจริง ๆ ว่าการร้องเพลงของน้องสะใภ้รองจะส่งผลเสียต่อการส่งเสริมพัฒนาการก่อนคลอดของเด็ก
ขณะที่เธอกำลังบ่นอยู่ภายในใจ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงเจือความกังวลของเฉินเจียซิ่งดังขึ้น “พี่สะใภ้ เห็นหงเสียหรือเปล่า? เลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว ทำไมหล่อนยังไม่กลับบ้านอีก”
หลินเซี่ยโพล่งออกมาโดยไม่คิด “หล่อนกำลังฆ่าคนด้วยเสียงเพลง… ไม่สิ หล่อนกำลังร้องเพลงอยู่กับพวกเรา น่าจะตามกลับไปทีหลัง”
เฉินเจียซิ่งได้ยินว่าหยางหงเสียร้องเพลงเล่นอยู่กับหลินเซี่ย เขาก็พูดว่า “โอ้ งั้นเดี๋ยวผมตามไปหาหล่อน”
หยางหงเสียลากเสียงโหยหวนสองครั้ง ทำให้ลูกค้าที่อยู่ในห้องถัดไปถึงกับหูอื้อ
โชคดีที่หล่อนร้องไปแค่สองเพลงเท่านั้น ก่อนจะหยุดพักหายใจหายคอ
หลินเซี่ยร้องเพลงป๊อปยอดนิยมได้อย่างคล่องแคล่ว ไล่ไปทีละเพลง และแต่ละเพลงก็ร้องได้ไพเราะมาก
คนที่อยู่นอกห้องได้ยินชัดเจน
เซี่ยไห่ที่ได้ยินเสียงโหยหวนของหยางหงเสียกะจะเข้ามาแซว แต่พอเขาได้ยินหลินเซี่ยร้องเพลง เขาก็เดินเข้าไปพร้อมกับมองหลานสาวด้วยดวงตาเป็นประกาย “ยังมีอะไรอีกที่เธอทำไม่ได้? เธอร้องเพลงเพราะมากเลยนะ ทำไมไม่มาที่นี่บ่อย ๆ ล่ะ?”
“ฉันไม่ได้อยากร้องทุกวันนี่”
เธอร้องเพลงคลาสสิคพวกนี้มาหลายปีแล้ว จะไม่ให้ร้องเพราะได้ยังไงล่ะ?
หลังจากที่หยางหงเสียร้องเพลงไปสองเพลง หล่อนก็นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ทำอะไรอีก สาเหตุหลักเป็นเพราะกังวลว่าจะถูกชายชราวิพากษ์วิจารณ์เมื่อกลับถึงบ้านคืนนี้
เมื่ออาศัยอยู่กับชายชราผู้น่าเกรงขาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่เช่นบ้านพักทหาร หล่อนไม่กล้าทำให้เขาโกรธเลยจริง ๆ
หล่อนพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันกลับก่อนดีไหม?”
“เจียซิ่งจะมารับเธอเร็ว ๆ นี้ ไม่ต้องห่วง”
หลินเซี่ยไม่ยอมปล่อยหล่อนไป ดังนั้นหล่อนจึงต้องนั่งลงตามเดิม
เซี่ยไห่มองดูพวกเธอแล้วพูดอย่างลึกลับว่า “พวกเธอทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย หลังจากนี้ร้านของเราจะมีโปรแกรมโชว์พิเศษ ไว้ค่อยออกไปหลังจากโชว์จบ”
“อารอง โชว์อะไรกันคะ?” หลินเยี่ยนถามอย่างสงสัย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาร้องเพลง หลินเยี่ยนทั้งตื่นตาตื่นใจและสนุกสนานมาก แค่การร้องเพลงก็มีชีวิตชีวามากพออยู่แล้ว ทางร้านยังมีโปรแกรมเสริมให้อีกเหรอ?
เซี่ยไห่ยิ้มอย่างลึกลับ “เสี่ยวเยี่ยน อีกเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”
ทุกคนตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็ร้องเพลงกันไป แม้แต่เซี่ยไห่ก็เข้ามาผสมโรงด้วย
หลินเซี่ยถามเซี่ยไห่ “พี่ชายฉันกับเจิ้งอวี่ล่ะ? ตอนนี้พวกเขางานยุ่งมากไหม? ถ้าไม่ก็เรียกพวกเขาขึ้นมาร้องเพลงด้วยกันเถอะ”
ได้ยินมาว่าตอนที่ห้องเต้นรำเปิดทำการตามเวลาปกติ พวกเขาทั้งคู่ไม่มีอะไรทำ ได้แค่นั่งสังเกตการณ์อยู่ในออฟฟิศของเจ้านายใหญ่ สู้เข้ามาร้องเพลงฆ่าเวลาให้กระชุ่มกระชวยน่าจะดีกว่า ไหน ๆ ชุนฟางก็อยู่ที่นี่แล้ว หลินเซี่ยก็ต้องการให้หลินจินซานสร้างโอกาสสานสัมพันธ์
ไหนจะน้องสาวของเธออย่างหลินเยี่ยน กับเสี่ยวลู่ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่น พวกเขาควรเดินหน้าความสัมพันธ์กันให้มากกว่านี้
เซี่ยไห่หยิบไมโครโฟนขึ้นมา เตรียมร้องเพลงอีกเพลง “ถ้าพวกเขาไม่มีอะไรทำ อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาเองนั่นแหละ”
เมื่อเขาเห็นว่าบรรยากาศภายในห้องส่วนตัวครึกครื้นกันแค่ไหน เขาก็ยิ่งทำหน้าหงิกงอ
หลินเซี่ยเห็นเขาเข้ามาแล้วจึงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“น้องสามี นายคงไม่โกรธที่ฉันพาหงเสียออกมาร้องเพลงใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอพูดด้วยใบหน้าแข็งทื่อ “พี่สะใภ้ จะไม่ให้ผมโกรธได้ยังไง!”
หยางหงเสียตกใจเมื่อเห็นการแสดงออกของเฉินเจียซิ่ง รีบดึงเขาออกไป
หล่อนรีบอธิบายว่า “เจียซิ่ง อย่าถือโทษโกรธพี่สะใภ้เลยนะ”
เฉินเจียซิ่งมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะพูดว่า “พี่สะใภ้ ทำไมจะมาร้องเพลงทั้งทีแล้วไม่ยอมเรียกผมมาด้วยล่ะ ผมน่ะแฟนคาราโอเกะตัวยงเลยนะ”
หลินเซี่ย “!!!”
ใบหน้าที่ตึงเครียดของหยางหงเสียผ่อนคลายลงทันที
ก่อนจะมองเฉินเจียซิ่งด้วยสายตาว่างเปล่า
ทันทีที่เฉินเจียซิ่งมาถึงเขาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและเริ่มร้องเพลงอย่างเฮฮา
จริงอย่างที่ว่า เขาเป็นคนที่ช่ำชองกับเรื่องอะไรทำนองนี้มาก ทันทีที่ร้องเพลงก็กลายร่างเป็นหนุ่มสังคมไปโดยปริยาย
เมื่อเฉินเจียซิ่งร้องเพลงไปถึงสี่เพลงรวด เซี่ยไห่ก็แย่งไมโครโฟนมาจากมือของเขา
“เจียซิ่ง หยุดร้องเพลงได้แล้ว”
“ออกไปสูดอากาศข้างนอกสักเดี๋ยวกันเถอะ”
เฉินเจียซิ่งยอมวางไมโครโฟน พอได้ยินเซี่ยไห่ขอให้เขาออกไป เขาก็พูดกึ่งล้อเลียนว่า “เถ้าแก่เซี่ย มาแย่งไมค์ผมทำไม? ผมยังไม่อยากเช็คบิลนะ”
เซี่ยไห่พูดไม่ออก “ดูความมั่นหน้าของนายซิ”
เฉินเจียซิ่งถูกเรียกออกไปโดยเซี่ยไห่ ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงนั่งกินเมล็ดแตงโม ดื่มเครื่องดื่ม และร้องเพลงกันต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นหลินจินซานที่เดินเข้ามาโดยสวมชุดสูท หวีผมอย่างพิถีพิถัน และถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ
ลู่เจิ้งอวี่ เซี่ยไห่ และเฉินเจียซิ่งก็เดินตามเขาเข้ามาด้วย
หลินจินซานเดินเข้าไปในห้อง ตรงไปที่ชุนฟาง
จากนั้น สาว ๆ หลายคนก็ตระหนักว่าหลินจินซานต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสารภาพรัก
หลินเซี่ยที่เพิ่งแทะเมล็ดแตงโมไปได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องตกใจ เธอมองหลินจินซานด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะมาบอกความในใจสาวด้วยรูปแบบนี้
หลินจินชานถือช่อดอกไม้ มองดูชุนฟางด้วยสีหน้ากังวล พูดจาตะกุกตะกัก “ชุนฟาง คือว่า… มันอาจจะดูกะทันหันนิดหน่อย ไม่ทันได้หาดอกไม้สด หาเจอแต่ดอกไม้พลาสติก ถึงอย่างนั้น…”
“ฉันแค่อยากจะถามว่า เธอช่วยสัญญากับฉันได้ไหม ว่าจะรับฉันไว้พิจารณา?”
หลังจากที่หลินจินซานพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม รู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะมองสบเข้าไปในดวงตาของชุนฟาง
“ว้าว สารภาพรักแล้ว”
หลินเซี่ยส่งเสียงเชียร์จากด้านข้าง “พี่ชาย พูดต่อไปสิ”
หลินจินซานรวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อว่า “ชุนฟาง ฉันชอบเธอมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยกล้าพูดถึงเรื่องนี้กับเธอเลย เพราะกลัวว่าเธอจะปฏิเสธฉัน วันนี้พอได้ยินว่าเธอมาที่นี่ ฉันเลยตัดสินใจว่าเลือกวันสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ เพราะฉะนั้น… เธอยินดีมาเป็นแฟนของฉันไหม?”
ชุนฟางมองดูเจ้านาย เพื่อนสาว เซี่ยไห่ และคนอื่น ๆ ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายมากจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
ไม่นึกเลยว่าหลินจินซานจะมาสารภาพรักกับตัวเองแบบนี้
วิธีที่เขาเลือกใช้ช่างโรแมนติกมาก จนหัวใจชุนฟางพองโตเต็มไปด้วยฟองสีชมพู เปี่ยมความสุขอันแสนหวาน
แต่เมื่อเห็นทุกคนจ้องมองอยู่ หล่อนก็กังวลมากจนกลายเป็นใบ้
ชุนฟางไม่ยอมพูดอะไร หลินจินซานจึงกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลินเยี่ยนบอกว่า “พี่ชุนฟาง รีบตอบรับพี่ชายฉันเร็วเข้า”
“ใช่แล้ว รับช่อดอกไม้นั่นเถอะ”
“พูดจริงหรือเปล่า?” แม้ว่าชุนฟางจะประหม่าและขี้อาย แต่หล่อนก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิง สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง มองหน้าหลินจินซานและถามอย่างจริงจัง
หลินจินซานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “พูดจริงสิ ฉันจริงจังที่สุดในชีวิต ฉันชอบเธอมานานแล้ว ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอ แม้แต่โลกยังต้องเรียนรู้”
“ไอหยา ฟังเข้าสิ จินชานเริ่มใช้สำบัดสำนวนแล้ว เขาหมายความว่าอย่างนั้นไม่ผิดแน่”
ขณะที่เฉินเจียซิ่งกำลังจะโวยวายและเชียร์ให้ชุนฟางตอบตกลง หลินเซี่ยก็ปรามเขาด้วยเสียงต่ำ “อย่าวุ่นวาย ปล่อยให้พวกเขาคุยกันเอง”
ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ช่วงเวลาแบบนี้ ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้เสียงรอบตัวมาส่งผลต่อการตัดสินใจของตัวเอง
หลินจินซานมองหล่อนและพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ชุนฟาง ถึงฉันจะมาจากบ้านนอก แถมยังเรียนมาน้อย แต่สิ่งที่ฉันมีเต็มเปี่ยมคือแรงบันดาลใจ เรารู้จักกันมานานไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน เธอน่าจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวและอุปนิสัยส่วนตัวของฉันเป็นอย่างดี อยู่ที่เธอแล้วว่าอยากคบกับฉันหรือเปล่า?”
ชุนฟางมองดูชายคนนั้นที่แสดงความจริงใจอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ตอบรับเสียงทุ้ม
“ว่าไงนะ? ไม่ได้ยินเลย” หลินจินซานไม่ได้ยินจริง ๆ
เขาต้องการคำตอบที่ชัดเจน
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “เราก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน”
ชุนฟางปิดหน้าอย่างเขินอาย รวบรวมความกล้าแล้วโพล่งออกไป “ฉันยินดี”
“จริงเหรอ?”
หลินเซี่ยมองไปที่หลินจินซานซึ่งเอาแต่ตกตะลึงจนน่าเบื่อ แล้วผลักเขาไปข้างหน้า “หล่อนตอบว่ายินดีจะคบกับพี่ ยังมัวอึ้งอะไรอยู่อีก เข้าไปกอดหล่อนเร็วเข้าสิ”
ขืนยังถามคำถามซ้ำเดิมต่อไป หญิงสาวได้เขินอายและวิ่งหนีไปแน่ ๆ
หลินจินซานมองไปรอบ ๆ เห็นคนรู้จักกำลังเฝ้าดูความโกลาหล สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงเข้ม “จะให้ฉันกอดตอนนี้เลยเนี่ยนะ?”
“ไอ้พี่เซ่อเอ๊ย”
หลินเซี่ยบ่น หลินจินซานจึงกัดฟัน อ้าแขนออกแล้วเข้าไปกอดรวบชุนฟางเข้ามาในอ้อมแขน
เมื่อถูกกอดต่อหน้าทุกคน ชุนฟางรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจที่เต้นรัวแต่เดิมเวลานี้แทบจะหยุดเต้น
หล่อนผลักหลินจินซานออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พยายามถอยห่างจากเขา
ตอบรับก็ส่วนตอบรับ ถึงอย่างไรหล่อนก็ยังไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับแฟนหนุ่มต่อหน้าทุกคนอย่างเปิดเผย
หล่อนยังก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไม่ได้
หลินเซี่ยเห็นว่าชุนฟางมีท่าทางขวยเขิน ส่วนหลินจินซานก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป หลินเซี่ยจึงยื่นไมโครโฟนให้เขา “มาเร็ว พี่ชาย ร้องเพลงรักสักเพลงให้ชุนฟางฟังเพื่อแสดงความรักอีกครั้ง พวกเราก็จะอยู่ฟังด้วย”
หลินจินซานหยิบไมโครโฟนขึ้นมา จากนั้นหันมองหญิงสาวที่ถือช่อดอกไม้
“ฉันจะร้องเพลง ‘สาวน้อยใต้แสงไฟริมถนน’ ให้ชุนฟางแล้วกัน”
ชุนฟางกอดช่อดอกไม้พลางทำท่าทางบิดไปมา ประหม่าเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้ามอง
หลินจินซานทำงานที่นี่มาเป็นเวลานาน ฟังคนอื่นร้องเพลงมาหลายโอกาส จึงสามารถร้องเพลงได้ทุกประเภท
เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและเริ่มร้อง ชุนฟางมองดูชายหนุ่มร้องเพลง ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความสุข
เมื่อเห็นว่าการสารภาพรักของหลินจินซานประสบความสำเร็จ ลู่เจิ่งอวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลินเยี่ยนก็เหลือบมองไปที่หญิงสาวบ่อยครั้ง หลินเยี่ยนเผอิญมองเขาพอดีทำให้สบตากัน แต่ไม่นานก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่น
อย่างไรก็ตาม ลู่เจิ้งอวี่ยังคงขยับไปอยู่ข้าง ๆ หล่อนอย่างระมัดระวัง แล้วยืนอยู่ข้างหล่อนแบบนั้น
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้เกินไป หลินเยี่ยนจึงรู้สึกถึงลมหายใจของเขา หัวใจที่ประหม่าของหล่อนยิ่งเต้นเร็วขึ้น ใจหนึ่งก็อยากขยับออกห่าง แต่อีกใจก็สั่งให้ตัวเองอยู่กับที่
ชุนฟางกอดช่อดอกไม้พลางทำท่าทางบิดไปมา ประหม่าเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้ามอง
หลินจินซานทำงานที่นี่มาเป็นเวลานาน ฟังคนอื่นร้องเพลงมาหลายโอกาส จึงสามารถร้องเพลงได้ทุกประเภท
เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและเริ่มร้อง ชุนฟางมองดูชายหนุ่มร้องเพลง ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความสุข
เมื่อเห็นว่าการสารภาพรักของหลินจินซานประสบความสำเร็จ ลู่เจิ่งอวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลินเยี่ยนก็เหลือบมองไปที่หญิงสาวบ่อยครั้ง หลินเยี่ยนเผอิญมองเขาพอดีทำให้สบตากัน แต่ไม่นานก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่น
อย่างไรก็ตาม ลู่เจิ้งอวี่ยังคงขยับไปอยู่ข้าง ๆ หล่อนอย่างระมัดระวัง แล้วยืนอยู่ข้างหล่อนแบบนั้น
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้เกินไป หลินเยี่ยนจึงรู้สึกถึงลมหายใจของเขา หัวใจที่ประหม่าของหล่อนยิ่งเต้นเร็วขึ้น ใจหนึ่งก็อยากขยับออกห่าง แต่อีกใจก็สั่งให้ตัวเองอยู่กับที่
“พี่จินซานร้องเพลงเพราะมากเลยเนอะ” ลู่เจิ้งอวี่พูดข้างหูหล่อน
หลินเยี่ยนก้มหน้าลงทำปากขมุบขมิบ
“ผมก็ร้องเพลงได้ดีมากเหมือนกัน” ลู่เจิ้งอวี่พูดต่อ
ถามว่า “คุณอยากฟังเพลงอะไรไหม? ผมจะร้องให้ฟัง”
หลินเยี่ยนประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ไม่ยอมตอบอะไร
ยิ่งนานก็ยิ่งประหม่าจนตีตัวออกห่างจากลู่เจิ้งอวี่ เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นสังเกตเห็น
แต่พอหล่อนก้าวไปข้างหน้า ลู่เจิ้งอวี่ก็ขยับตัวตามอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกัน
หลังจากหลินจินซานร้องเพลงเสร็จ เขาก็ก้าวมายืนข้างชุนฟางอย่างรู้งาน มองหน้าหล่อนแล้วถามว่า “เพลงเพราะไหม?”
ชุนฟางตอบกลับเขิน ๆ “เพราะค่ะ”
หลินจินซานและชุนฟางนั่งบนโซฟาด้วยกัน จากนั้นหลินจินซานก็เริ่มแสดงความรักกับหล่อนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เทเครื่องดื่มให้ แกะเปลือกเมล็ดแตงโม ลูบผม ทำทุกอย่างที่คนรักควรกระทำต่อกัน
เซี่ยไห่พูดอย่างเสียไม่ได้ “มา หยุดหวานกันสักที มาดื่มต่ออีกแก้วสองแก้ว”
เซี่ยไห่มองไปที่คนหนุ่มสาวคู่ใหม่ตรงหน้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเล็กน้อย
เป็นความเหงาที่ส่งผ่านออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ว้าว โรแมนติกจังเลยน้าพี่จินซาน
เถ้าแก่เซี่ยรู้ว่าความเหงาเป็นยังไงแล้วก็พิจารณาหาคนคบหน่อยไหมคะ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………