ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 545 ทำงานหนักเป็นรายคน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 545 ทำงานหนักเป็นรายคน(1)

ตอนที่ 545 ทำงานหนักเป็นรายคน(1)

ซูหว่านอี๋ได้ยินคำพูดของลูกชาย ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าวทันที “ใช่ อะไรที่ไม่เคยเห็นย่อมเชื่อไม่ได้อยู่แล้ว”

“เพราะฉะนั้นผมกับเหวินปิงก็เลยว่าจะไปดูกันก่อนไง ถ้าหางานได้ที่เซินเจิ้นจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะทำงานอยู่ที่นั่น”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเจี้ยนเซ่อ ซูหว่านอี๋ก็อ้าปากค้างอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรอีกอยู่ดี หล่อนกับสามีแต่งงานกันมานานแล้ว ดูจากสายตาก็มองออกว่าครั้งนี้เขาอยากทำมันจริง ๆ เขาอยากจะไปเซินเจิ้นจริง ๆ

เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างก็มีความคิดแบบเดียวกัน

จึงได้แต่หันมองเหยาจิ้งจือแล้วกล่าวว่า “จิ้งจือ ผมก็คิดเหมือนกับเจี้ยนเซ่อ พวกเราจะลองไปดูก่อน ถ้ามันมีงานอย่างที่ว่าจริง พวกเราก็จะอยู่ทำงานที่เซินเจิ้น ถึงตอนนั้นก็จะตามเคอเหล่ยและเคอเจี๋ยไปด้วย แล้วจัดตั้งทีมงานก่อสร้างกัน”

เหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋มองหน้ากัน ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวอย่างไรต่อ

แต่ฉินมู่หลานยังเปิดปากพูดต่อ “พ่อคะ ถ้าพวกพ่อคิดดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูก่อนก็ได้ค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเห็นด้วยกับความคิดของพวกเขา เซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อก็ดีใจ

“ได้ พวกเราค่อยหารือเรื่องนี้กันทีหลัง แล้วค่อยลองดูว่าไปช่วงไหนกันดี”

ตอนแรกซูหว่านอี๋ยังอยากจะพูดอะไร แต่ในเมื่อลูกสาวพูดแบบนั้นแล้ว หล่อนจึงไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่หาโอกาสตอนไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้วลองถามสามีอีกครั้ง

ฉินมู่หลานทราบว่าทางฝั่งเซินเจิ้นกำลังพัฒนา ถึงตอนนั้นจะต้องมีโครงการเยอะมากแน่นอน แต่โครงการพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับคนง่าย ๆ ก็ไม่รู้ว่าหลังจากพ่อกับพ่อสามีไปแล้วจะหางานแบบไหนได้ แต่เนื่องจากพวกเขามีความตั้งใจแบบนี้ ก็ให้ลองไปดูก่อน หากคัดค้านไปเลยก็คงไม่ดีแน่

เมื่อซูหว่านอี๋และฉินเจี้ยนเซ่ออยู่กันตามลำพัง ซูหว่านอี๋ก้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจี้ยนเซ่อ พวกคุณคิดเรื่องนี้ดีแล้วเหรอ?”

“ใช่ คิดดีแล้ว”

“แต่ว่า…เซินเจิ้นอยู่ไกลขนาดนั้น พวกคุณตัดสินใจว่าจะไปจริง ๆ เหรอ ถึงทางฝั่งเมืองหลวงนี้จะไม่ค่อยมีงาน แต่ก็ยังลองหาได้ตลอด อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อก็หันไปมองซูหว่านอี๋แล้วพูดว่า “หว่านอี๋ ตอนนี้คุณกับญาติเจ้าบ่าวกำลังไปได้ดี ผมกับเหวินปิงจึงคิดว่า พวกเราก็อยากทำงานของพวกเราได้ดีเหมือนกัน ครั้งนี้พวกผมก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเซินเจิ้นจริง ๆ คุณไม่ต้องห่วง ถ้าที่นั่นไม่มีงาน พวกเราจะกลับมาแน่นอน”

ซูหว่านอี๋ตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนี้

“พวกคุณ…จริง ๆ แล้วไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าฉันกับจิ้งจือจะกำลังไปได้ดี แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะมู่หลาน”

“ผมเข้าใจ แต่พวกผมเองก็อยากจะประสบความสำเร็จบ้าง”

ในตอนนั้นเอง ซูหว่านอี๋ก็ตระหนักได้ว่าฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย จึงอยากออกไปทำงานของตัวเองเหมือนกัน เพื่อไม่ให้เกิดข้อเปรียบเทียบกับพวกหล่อน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ชาย การจะมีความคิดแบบนี้ก็ย่อมเข้าใจได้

“ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดู แต่จะไปที่นั่นกันเองได้เหรอ?”

ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้

“ได้อยู่แล้ว ผมกับเหวินปิงเราโตแล้ว คงไม่หลงทางหรอก”

อีกด้านหนึ่ง บทสนทนาระหว่างเซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือก็มีลักษณะคล้ายกัน

อันที่จริงเหยาจิ้งจือทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าสามีกังวลมากเป็นบางครั้ง แต่ปรากฎว่าเขาเครียดมาโดยตลอด “ได้ ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดู แต่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยให้มาก ๆ ด้วยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเหวินปิงก็ยิ้มแล้วพยักหน้า

“วางใจ พวกผมจะระวังให้มาก”

หลังจากเรื่องนี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่หลานก็ทราบว่าพ่อและพ่อสามีจะออกเดินทางไปหลังจากช่วงเทศกาลโคมไฟ จึงอดแนะนำไม่ได้ “พ่อคะ พวกพ่อลองถ่ายรูปบ้านตัวเองไปด้วยก็ได้ค่ะ ถ้าอาเผยอนุญาต พวกพ่อก็ถ่ายรูปบ้านของพวกเขาไปด้วยก็ได้ หลังจากนั้นก็ให้คนช่วยตกแต่งภาพให้ พอคนอื่นได้เห็นรูปภาพบ้านแล้ว ก็จะรู้ถึงฝีมือของพวกพ่อค่ะ”

ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อได้ยินมู่หลานพูดขึ้นมา สีหน้าก็พลันแปลกใจ “จริงสิ ยังทำแบบนี้ได้นี่นา ดีๆๆ พวกเราลองไปถามสตูดิโอถ่ายภาพ ให้พวกเขาช่วยมาถ่ายให้ได้ไหม”

หลังจากทั้งสองถ่ายภาพแล้ว ฉินมู่หลานก็ช่วยเรื่องตกแต่ง

หลังจากฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงได้รับแล้ว ก็รู้สึกว่าใช้ได้ กระนั้นก็ยังลังเล “แต่ว่า…อาจารย์เหลียงเป็นคนออกแบบงานพวกนี้ ถ้าเราไปที่เซินเจิ้น ก็ไม่มีอาจารย์เหลียงคอยช่วยแล้ว เราคงออกแบบอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่”

ฉินมู่หลานเคยนึกถึงปัญหาเรื่องนี้มาก่อน จึงเอ่ยถามขึ้น “แล้วพวกพ่อลองถามอาจารย์เหลียงหรือยังคะ?”

“ยังเลย”

ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงต่างพากันส่ายหัว หลังจากนั้นทั้งสองก็ตัดสินใจไปถามอาจารย์เหลียง เพราะงานพวกนี้ก็ถือเป็นอาชีพของเขาเหมือนกัน หากทำได้คงไม่เลวร้ายแน่นอน แต่ทั้งสองก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายนัก พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์เหลียงคงไม่ตอบตกลงที่จะไปด้วยแน่นอน

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ อาจารย์เหลียงกลับเห็นด้วย

ฉินมู่หลานก็ประหลาดใจเมื่อได้ทราบข่าว “อาจารย์เหลียงตกลงจริงเหรอคะ”

“ใช่แล้ว พวกเราคาดไม่ถึงเลย อาจารย์เหลียงบอกว่าอาศัยจังหวะที่มหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเรียน ครั้งนี้จะพาเคอวั่งไปด้วย”

ซูหว่านอี๋คาดไม่ถึง ว่าสุดท้ายแม้แต่ลูกชายก็จะต้องไปด้วย

“แต่ว่า…เคอวั่งใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะกลับมาคนเดียวเหรอ?” หล่อนยังเป็นกังวลนิดหน่อย

ฉินมู่หลานครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “เดี๋ยวถึงเวลาหนูจะลองไปถามโหยวหย่งดูค่ะว่าครั้งนี้เขาจะเดินทางไปด้วยได้ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็จะได้สบายใจ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ๆ ถ้ามีโหยวหย่งไปด้วย ก็คงไม่เป็นไรแล้ว”

หลังจากโหยวหย่งทราบ ก็ตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด

“ดีมากเลยเสี่ยวหย่ง ถ้าอย่างนั้นต้องฝากเธอดูแลพวกเขาด้วยนะ”

เมื่อได้ยินซูหว่านอี๋กล่าวแบบนั้น โหยวหย่งก็อดหัวเราะไม่ได้ “คุณน้าซู พวกเราก็แค่ไปเซินเจิ้นกันเองครับ อีกไม่นานก็กลับแล้ว”

เมื่อถึงช่วงเทศกาลโคมไฟ ครอบครัวของเจี่ยงสือเหิงและเซี่ยปิงชิงก็กลับมาจากซีอาน ดังนั้นทั้งสองครอบครัวจึงได้ใช้เวลาในช่วงเทศกาลโคมไฟด้วยกัน

หลังจากเจี่ยงสือเหิงทราบว่าเซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อกำลังจะไปเซินเจิ้น เขาก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ที่นั่นกำลังพัฒนาจริง ๆ พวกนายไปหาโอกาสก็เป็นเรื่องที่ดี แต่พวกนายเข้าไปกันเองเลยคงจะหางานที่เหมาะได้ยาก เดี๋ยวจะให้คนลองไปดูให้ หลังจากนั้นจะมาแนะนำพวกนายนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อก็รีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกสือเหิง พวกเราจะลองไปดูก่อน”

เรื่องนี้ลูกสาวบอกพวกเขาแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น พวกเขายังไม่รู้อะไรเลย จึงต้องลองไปดูก่อน

เมื่อเห็นฉินเจี้ยนเซ่อกล่าวแบบนั้น เจี่ยงสือเหิงก็ไม่พูดอะไรอีก

เซี่ยปิงชิงรู้สึกตกตะลึงนิดหน่อยเมื่อทราบเรื่อง หล่อนนึกไม่ถึงว่าพ่อและพ่อสามีของฉินมู่หลานที่มีอายุเยอะขนาดนี้แล้วยังจะออกไปทำงานหนักอีก แต่ตอนนี้เจี่ยงสือเหิงกำลังคุยกับพวกเขา หล่อนจึงไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพูดคุยกับฉินมู่หลานเรื่องวิธีการเลี้ยงลูกแทน

ฉินมู่หลานเล่าให้หล่อนฟังมากมาย เมื่อเห็นเด็กทั้งสองอ้วนกลม จึงอดเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ “ปิงชิง เธอเลี้ยงพวกเขามาดีมากนะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานชมตัวเอง ใบหน้าของเซี่ยปิงชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น เจี่ยงสือเหิงและเซี่ยปิงชิงก็พาลูก ๆ สองคนของพวกเขากลับไป

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

การจะไปทำงานต่างถิ่นมันต้องเตรียมตัวพร้อมระดับหนึ่งนะ จะได้ไม่ลำบาก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท