ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 546 ทำงานหนักเป็นรายคน(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 546 ทำงานหนักเป็นรายคน(2)

ตอนที่ 546 ทำงานหนักเป็นรายคน(2)

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินเจี้ยนเซ่อและฉินเคอวั่งสองพ่อลูก รวมถึงเซี่ยเหวินปิงก็ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ทั้งสามไปพบเหลียงถงก่อน หลังจากนั้นก็ไปที่สถานีรถไฟ โหยวหย่งก็รออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นพวกเขามากันแล้ว ก็ชูตั๋วรถไฟขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “พวกเราออกเดินทางกันเถอะครับ”

อีกด้านหนึ่ง ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือรู้สึกเป็นกังวลใจนิดหน่อย จึงคอยพูดอยู่ตลอด

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แม่คะ โหยวหย่งก็ไปด้วย เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

นายท่านเหยาและคุณนายเหยาก็คอยพูดเหมือนกัน “ใช่แล้ว พวกลูกไม่ต้องกังวลไปหรอก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสองอยากตั้งใจทำงานที่อายุเยอะขนาดนี้แล้ว พวกลูกสองคนก็ควระให้กำลังใจพวกเขา อย่าคอยรั้งพวกเขาให้หมดกำลังใจเลย”

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “อืม พวกเราจะไม่รั้งค่ะ”

หลังจากเทศกาลโคมไฟ มหาวิทยาลัยก็ใกล้จะเปิดแล้ว เพราะฉะนั้นฉินเคอวั่งจึงไปเพียงแค่สามสี่วันและกลับมา ซึ่งคนที่กลับมาพร้อมกับเขาก็คือโหยวหย่ง

ซูหว่านอี๋เห็นลูกชายกลับมาจึงรีบเอ่ยถามทันที “เคอวั่ง พวกลูกเดินทางไปเซินเจิ้นครั้งนี้ราบรื่นดีไหม?”

ใบหน้าของฉินเคอวั่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ พวกเราเดินทางราบรื่นมาก แล้วขาไปครั้งนี้ก็บังเอิญได้เจออาเหออีกครั้งด้วยครับ เขาพาพวกเราไปเที่ยวชมเมือง แล้วยังแนะนำเรื่องต่าง ๆ ในเซินเจิ้นให้พ่อกับอาเซี่ยด้วย เดี๋ยวครั้งหน้าถ้าผมกลับไป จะไปดูไซต์งานก่อสร้างของพวกพ่อ ผมได้ยินมาว่าที่นั่นกำลังจะจัดโครงการก่อสร้างชุมชนเล็ก ๆ ขึ้น หลังจากที่สร้างแล้วก็จะขายให้กับคนทางฝั่งฮ่องกง”

ครั้งนี้ฉินเคอวั่งไปเซินเจิ้น ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เยอะแยะมากมายแล้วก็อยากเห็นมากขึ้นอีก ได้แต่รู้สึกแปลกใหม่มาก

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็โล่งใจแล้ว

แต่ฉินมู่หลานยังตกตะลึงนิดหน่อย เธอรู้จักชุมชนเล็ก ๆ นั้น มันเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน แต่พ่อกับพ่อสามีคงไม่มีโอกาสได้ไปทำโครงการดังกล่าว

ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีโอกาสอยู่แล้วครับ พวกพ่อแค่ไปดู ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทำโครงการใหญ่ ๆ ไม่ได้หรอกครับ พวกเขาก็แค่อยากจะดู แล้วลองหาโอกาสอื่นเอา”

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าใด เมื่อได้ยินฉินเคอวั่งบอกว่าไม่มีโอกาส จึงรู้สึกว่าการเดินทางไปเซินเจิ้นครั้งนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงอาจไม่ประสบความสำเร็จ “จริง ๆ แล้วหางานไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รอพวกเขากลับมาเมืองหลวงแล้วค่อยช่วยกันคิดก็ได้”

ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกัน โหยวหย่งซึ่งไม่ค่อยเอ่ยปากมากนักก็หันไปมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ครับ ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามพี่สะใภ้หน่อย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าอย่างเป็นกันเอง

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็พาฉินเคอวั่งไปคุยกันต่อข้างนอก

ครั้งนี้ที่ไปเซินเจิ้น โหยวหย่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ตอนนี้เขาจึงมีความคิดมากมายอยู่ภายในใจ

“พี่สะใภ้ครับ พี่สะใภ้คิดยังไงถ้าผมจะจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ”

อันที่จริงเขาเคยมีความคิดนี้มาก่อน แต่ยังไม่ชัดเจนนัก ครั้งนี้ได้ไปเซินเจิ้น จึงบังเอิญได้เห็นคนคอยชักชวนคนอื่นให้ไปทำงาน เขาจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็มองโหยวหย่งอีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วความคิดนี้ก็ไม่เลวเลยนะ ต่อไปในอนาคตจะต้องมีคนต้องการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแน่นอน”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยืนยันความคิดตัวเอง โหยวหย่งก็รู้สึกดีใจมาก

“พี่สะใภ้ คุณว่าดีจริง ๆ ใช่ไหมครับ?”

ฉินมู่หลานประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย โหยวหย่งจึงรู้สึกว่าเธอต้องมีความคิดที่ดีแน่นอน

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ฉันว่าดีมากเลย แต่ว่าการตั้งบริษัทแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย นายต้องลองศึกษาดูให้รอบคอบก่อนนะว่าจะทำยังไง”

โหยวหย่งได้ยินแบบนี้ก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ครับ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”

อันที่จริงแล้วโหยวหย่งต้องการการยืนยันเท่านั้น ตอนนี้เมื่อได้รับการยืนยันจากฉินมู่หลาน เขาก็รู้สึกมั่นใจแล้ว

หลังจากโหยวหย่งไป ซูหว่านอี๋และคนอื่น ๆ ก็อยากรู้อยากเห็นมาก เพียงแต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของโหยวหย่ง พวกหล่อนจึงไม่ถามมาก

วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดลงทะเบียนเรียน ฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งสองพี่น้องจึงรีบออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า

วันลงทะเบียนค่อนข้างสบาย ๆ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกลับไปที่หอพักหลังจากไปรับหนังสือแล้ว

คนอื่นก็อยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกลับมา ก็รีบกล่าวขึ้น “มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอมาได้ทันเวลาพอดีเลย เรากำลังคุยกันว่าจะออกไปกินข้าวตอนเที่ยงด้วยกัน”

ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้คัดค้านอะไร จึงพยักหน้าแล้วกล่าวตามตรง “เอาสิ”

หลังจากหลายคนมาถึงร้านอาหารด้านนอกโรงเรียนแล้ว ก็สั่งอาหารแล้วนั่งรอ

คนครัวที่นี่ทำอาหารกันอย่างรวดเร็ว สักพักก็ยกอาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ หลังจากรอปลาตุ๋นน้ำแดงมาเสิร์ฟแล้ว สือหยวนฝูก้รู้สึกทนไม่ไหว ยกมือขึ้นปิดปากแล้วล่นถอยทันที

ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แต่คนอื่นในหอพักกลับหันไปมองด้วยความแปลกใจ

เหมาชุนเถาทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม “หยวนฝู เธอ…หรือว่าท้องเหรอ?” อันที่จริงก่อนหน้าเธอก็อยากถามเรื่องนี้ เพราะสือหยวนฟู่ที่ก่อนหน้านี้ดูผอมแห้งกลับดูอวบขึ้นไม่น้อย รู้สึกเหมือนคนกำลังท้องมาก

เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวก็จ้องมองสือหยวนฝูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

สือหยวนฝูก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ ฉันท้องแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ยิ้มแสดงความยินดี แต่พวกเธอก็สังเกตได้ว่าฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยดูมีท่าทางสงบนิ่งมาก จึงอดถามไม่ได้ “พวกเธอสองคนรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วเหรอ?”

ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูดอะไร สือหยวนฝูที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นก่อน “ก่อนหน้านี้ฉันเคยขอให้มู่หลานช่วยตรวจชีพจรให้น่ะ เธอก็เลยรู้แล้ว”

หลายคนพากันถามเพิ่ม จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เมื่อทราบว่าสือหยวนฝูตั้งครรภ์แล้ว พวกหล่อนก็คิดว่าจะต้องดูแลหล่อนให้มากกว่าเดิม

หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็พากันกลับไป และเซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดคุยกับฉินมู่หลานต่อ

“มู่หลาน ฉันพัฒนายาตัวใหม่ออกมาอีกแล้ว เดี๋ยวจะเอามาให้เธอดู”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ”

ครั้งนี้เซี่ยปิงหรุ่ยกำลังพัฒนายาทางนรีเวช สำหรับผู้หญิงที่มีรอบเดือนโดยเฉพาะ

“ตอนแรกฉันนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงเวลาเป็นช่วงวันนั้นของเดือนจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวมาก จึงอยากพัฒนายาที่ช่วยเรื่องนี้”

“นี่ดีมากเลย”

หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ก็ได้ดูยาตัวใหม่ที่เซี่ยปิงหรุ่ยเพิ่งพัฒนาออกมา ซึ่งฉินมู่หลานรู้สึกยาพวกนี้ดูดีมาก

“มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพวกเราลองผลิตยาบางส่วนออกมาก่อนได้ไหม?”

“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันลองกลับไปถามก่อนนะ ถ้าเป็นไปได้ พวกเราน่าจะได้เริ่มทำงานกันก่อนเรียนจบ”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ฉินมู่หลานสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหลาย ๆ ด้าน สุดท้ายหลิวเสวียข่ายก็ยื่นข้อเสนอให้เธอขึ้นมาหนึ่งเรื่อง “พวกคุณจะเริ่มเปิดธุรกิจเล็ก ๆ สามารถยื่นขอใบอนุญาตก่อนได้ หากต่อไปจะเปิดโรงงาน ก็ทำเหมือนโรงงานเครื่องสำอางเลย ที่สังกัดอยู่ในหน่วยงานอื่น ๆ”

“ใบอนุญาตเหรอ?”

หลิวเสวียข่ายเอ่ยเสียงเบา “ครับ ตอนนี้มีข่าวลือแว่วออกมา ว่าพร้อมใช้งานใบอนุญาตประกอบธุรกิจส่วนบุคคลแล้ว พวกคุณรออีกหน่อยเถอะครับ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว ก็จดทะเบียนยา ส่งทดสอบยาให้เรียบร้อยด้วยนะ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท