ตอนที่ 238 เพียงคิด
ในภาพที่เห็น เซียวเหลิ่งสือยืนบนท้องถนนด้วยสีหน้าอัดอั้นจ มีไข่เน่าปาใส่ ไข่เหลวไหลรดเสื้อผ้า
เขาไม่คิดหลบแม้แต่น้อย ดูสภาพน่าอนาถและไร้เรี่ยวแรง
ภาพค่อยๆ จางลง ภาพตรงหน้ากลับไปเป็นเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ในเครื่องแบบดังเดิม กำลังมองนางด้วยสายตาประสงค์ร้าย
ฝีเท้าซินโย่วสะดุดเล็กน้อย ในใจพลันมีความคิดหนึ่ง
ก่อนนางมีความคิดเช่นนี้ ใต้เท้าเซียวก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็ปรากฏภาพโชคร้ายของเขา
คาดเดาจากในภาพที่เห็น คนผู้นี้น่าจะถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว
หรือว่า…อนาคตของคนผู้นี้ขึ้นกับความคิดนาง
การคาดเดานี้ทำให้ซินโย่วอดกำมือแน่นไม่ได้
“หรือคุณหนูโค่วตัดใจจากไปไม่ได้” เซียวเหลิ่งสือเห็นซินโย่วหยุดชะงัก ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นเยียบเย็น
ซินโย่วเงยหน้าสบสายตาเยียบเย็นของอีกฝ่าย กระดกริมฝีปากเล็กน้อย “ใต้เท้าเซียว ไว้พบกันใหม่”
นางไม่เคยได้เห็นความอบอุ่นจากแววตาคนผู้นี้แม้แต่น้อย คล้ายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์มาแต่กำเนิด เห็นการทรมานผู้อื่นเป็นความสุขของตนเอง
คนเช่นนี้ ดำรงตำแหน่งนี้ในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็จะมีคนโชคร้ายอีกมากมาย
ซินโย่วตัดสินใจเงียบๆ บาดแผลจากแส้บนร่างไม่รู้สึกเจ็บมากนัก
ลูกน้องเซียวเหลิ่งสือไม่ได้ส่งซินโย่วออกไปทันที แต่พานางไปยังห้องหนึ่ง
“คุณหนูโค่วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จค่อยไป”
ซินโย่วประเมินมองการตกแต่งในห้อง มีโต๊ะและตู้ ยังมีฉากกำบังและเสื้อผ้าชุดหนึ่งวางพับเรียบร้อยอยู่บนเตียง เป็นเสื้อผ้าสีเดียวกับตอนที่นางมาที่นี่
นี่กำลังกลัวว่าจะมีคนเห็นสภาพนางถูกลงทัณฑ์เข้าหรือ
ทำให้ซินโย่วยิ่งมั่นใจในเรื่องที่ตนคาดเดา
ใต้เท้าเซียวผู้นี้ไม่คิดให้คนรู้ เช่นนั้นนางก็ต้องให้คนรู้
เสื้อผ้าย่อมต้องเปลี่ยน ยามนี้อยู่ในพื้นที่ผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวใส่
ซินโย่วถอดเสื้อตัวนอกที่โดนแส้ฟาดขาดออก เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้ ก่อนจะก้มหน้าลงเดินออกไปอีกครั้ง
เซียวเหลิ่งสือยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นซินโย่วออกมาก็มองประเมิน มองไม่เห็นอันใดไม่เหมาะสมแล้ว ก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องนำตัวนางออกไป ส่วนเขาเดินตามหลังไปไม่ใกล้ไม่ไกล
ซินโย่วเดินไปไม่หันกลับ จนกระทั่งเดินออกจากประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
นอกประตูสำนัก แสงแดดสดใส กลิ่นหอมบุปผาโชยมา
เป็นกลิ่นอายแห่งต้นฤดูร้อน
“คุณหนูโค่ว!” กลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลนัก บ้างก็นั่ง บ้างก็นอน ไม่รู้ผู้ใดตะโกนขึ้น
กลุ่มคนเริ่มเคลื่อนไหว
“คุณหนูโค่วออกมาแล้ว คุณหนูโค่วออกมาแล้ว!” ทุกคนอดก้าวเข้ามาไม่ได้
เสี่ยวเหลียนพุ่งตรงเข้ามา กุมมือซินโย่วร่ำไห้ “คุณหนู ท่านไม่เป็นอันใดใช่ไหมเจ้าคะ!”
หลิวโจวกับแม่นมฟางหมัวมัวที่ตามหลังนางมา ด้านหลังยังมีนายท่านรองต้วนเหวินไป่จวนรองเจ้ากรม และเสวี่ยอิ๋งสาวใช้ต้วนอวิ๋นหลิง
สองสามวันมานี้ต้วนอวิ๋นหลิงถูกกักไม่ให้ออกจากจวน แต่ก็เป็นห่วงโค่วชิงชิง จึงส่งสาวใช้มาจับตาดูสถานการณ์
“น้องชิง สบายดีใช่ไหม!” ต้วนอวิ๋นหลางแหวกผู้คนวิ่งเข้ามา
ซินโย่วมองไปทางเขา ก็เห็นชายหนุ่มกลิ่นอายบัณฑิตเดินนำมาด้านหน้า นักเรียนหลายคนตามมาด้านหลัง
“ข้ายังสบายดี…” แววตาซินโย่วฉายแววสงสัย
หากจำไม่ผิด วันนี้เป็นวันหยุดพักของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน เหตุใดต้วนอวิ๋นหลางมากับอาจารย์และนักเรียนในสำนักได้
ต้วนอวิ๋นหลางรีบอธิบายว่า “เมื่อวานกู่อวี้ขอลาหยุด มาที่นี่กับพ่อแม่พี่น้องชาวเป่ยโหลวฝางเพื่อขอให้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินปล่อยตัวเจ้า กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวกู่อวี้กับผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝางเข้าไปแล้ว เวินเจียนเฉิงมารับเขา…”
“ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านออกมาแล้ว!” กลุ่มคนพากันตะโกนส่งเสียงดัง
ก่อนหน้านี้เป่ยโหลวฝางประสบภัย ซินโย่วบริจาคเงินทองและสิ่งของไม่น้อย เคยพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝางที่เป็นชายชราวัยใกล้ฝั่ง
คิดถึงชายชราอายุเพียงนี้ถูกขังคุกคืนหนึ่งเพราะนาง ซินโย่วก็รู้สึกซาบซึ้งใจและรู้สึกผิด
“ทำให้ผู้ใหญ่บ้านลำบากไปด้วยแล้ว” ซินโย่วก้มคำนับผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝาง
แม้ถูกขังมาหนึ่งคืน แต่ผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝางดูแล้วกำลังวังชายังไม่เลว เห็นซินโย่วเช่นนี้ก็รีบเอ่ยว่า “คุณหนูโค่วทำข้าอายุสั้นแล้ว คุณหนูโค่วเป็นผู้มีพระคุณของชาวเป่ยโหลวฝาง พวกเราช่วยเรื่องแค่นี้ไม่กระไรนัก”
“ขอบคุณคุณชายกู่” ซินโย่วหันไปคำนับบรรดาชาวบ้าน “ขอบคุณทุกท่าน”
“คุณหนูโค่วไม่เป็นอันใดก็ดี!”
“ใช่ ใช่ ออกมาแล้วก็ดี”
“คุณหนูโค่วบ้านข้าสร้างใหม่แล้ว มีเวลาก็ไปนั่งที่บ้านนะ…”
เบื้องหน้ามีแต่ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า จิตใจเย็นเยียบซินโย่วที่ถูกกักตัวในห้องลงทัณฑ์พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
นางเคยคิดใช้ประโยชน์จากการขายนิยายใหม่มากระพือข่าวนางถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไป ด้วยชื่อเสียงผู้ใจกุศลจากการบริจาคเงินช่วยเขตภัยพิบัติติ้งเป่ย ด้วยบุญคุณที่ได้ช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ในเมืองหลวงมีสายตามองดูอยู่มากมายนับไม่ถ้วน อย่างน้อยก็จะไม่เกิดเรื่องอย่างเงียบเชียบไร้สำเนียง
นางเองเคยคิดว่าบางทีอาจมีคนเอ่ยถึงนางต่อหน้าคนผู้นั้น อาจเป็นองค์หญิงใหญ่เจาหยาง อาจเป็นขุนนางตรวจสอบที่ได้ยินข่าวลือมา
แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ช่วยนางให้พ้นจากเหตุการณ์นี้ก็คือชาวบ้านธรรมดาสามัญอย่างที่สุด พวกเขาใช้การกระทำที่เรียบง่ายแต่กลับกล้าหาญอย่างที่สุด ทำให้นางก้าวออกจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาได้ ออกมาก้าวอยู่ภายใต้แสงตะวันอีกครั้ง
ท่านแม่เคยบอกว่า หากมีเวลาให้ช่วยผู้ประสบภัยให้มาก อย่าได้คำนึงถึงผลตอบแทน เพราะเช่นนั้นจะทำให้รู้สึกผิดหวัง แต่สักวันย่อมมีคนตอบแทนความดีที่เจ้าทุ่มเทไป และนั่นก็จะเป็นความประหลาดใจระคนดีใจเล็กๆ ในชีวิตที่แสนเรียบง่าย
ตอนนี้นางได้ลิ้มรสชาติความประหลาดใจระคนดีใจนี้แล้ว
แววตาซินโย่วมีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาแวบหนึ่ง หันไปมองประตูใหญ่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
ไม่รู้ว่าเซียวเหลิ่งสือมายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เมื่อใด แววตาที่จ้องมองนางดังคมดาบ เยียบเย็นและคมกริบ
มีคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินออกมาขับไล่คนที่มุงกันอยู่หน้าประตู
“ไป ไป รีบไปได้แล้ว!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนไล่ ซินโย่วร่างโงนเงนก่อนจะล้มลง
“คุณหนูโค่ว!”
“น้องชิง!”
เสียงตะโกนตกใจดังขึ้นสี่ทิศ เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นก็รีบร้องไห้ส่งเสียงดังว่า “คุณหนูท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ บาดเจ็บใช่หรือไม่เจ้าคะ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน…กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินลงทัณฑ์ท่านหรือเจ้าคะ”
ลงทัณฑ์?
คนที่ได้ยินพากันสีหน้าแปรเปลี่ยน เดิมเซียวเหลิ่งสือสีหน้าดำทะมึนอยู่ก็พลันเปลี่ยนสีหน้า
ยามนี้เขาเกิดจิตคิดสังหารซินโย่วแล้ว
แต่เขาไม่มีโอกาสแล้ว
ขณะที่ต้วนเหวินไป่สั่งการให้คนประคองคุณหนูนอกขึ้นรถม้า หญิงสาววัยกลางคนแต่งกายเรียบร้อยก็ก้าวออกมา ด้านหลังมีผู้คุ้มกันตามมาอีกสองสามคน
หญิงสาวแสดงสถานะตนเองต่อต้วนเหวินไป่ เป็นนางข้าหลวงผู้ดูแลประจำจวนองค์หญิงใหญ่
“องค์หญิงกังวลเรื่องคุณหนูโค่ว พอดีในจวนองค์หญิงใหญ่มีหมอหญิง ไม่ทราบว่าส่งคุณหนูโค่วไปให้หมอหญิงตรวจสักหน่อย…”
แต่ไรมาหมอที่วิชาแพทย์สูงส่งมักเป็นชาย หญิงสาวที่พอรู้วิชาแพทย์มักจะเป็นพวกเกี่ยวข้องกับการผดุงครรภ์จำพวกนั้น แต่อาจนับว่าได้ว่าในช่วงกลียุค หลังฮองเฮาซินจัดตั้งกลุ่มหมอหญิงขึ้นด้วยตนเอง แต่นั้นมาหมอหญิงจึงได้เป็นที่รู้จักของทุกคน และมีหญิงสาวเป็นหมออย่างเปิดเผย
หมอหญิงที่มีไว้เพื่อรักษาเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงย่อมมีวิชาแพทย์สูงส่ง
ต้วนเหวินไป่ลังเลเล็กน้อยก่อนตอบตกลง
ซินโย่วไปจวนองค์หญิงใหญ่พร้อมกับเสี่ยวเหลียนและฟางหมัวมัว
ตั้งแต่ออกจากวังมาองค์หญิงใหญ่เจาหยางก็คอยสังเกตการณ์ข่าวความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกวังมาตลอด ได้ยินว่าเสด็จพี่ยอมปล่อยตัวก็สั่งให้คนรออยู่นอกประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ พอได้ยินว่าคุณหนูโค่วเป็นลมก็รีบพากลับจวน สั่งการให้หมอหญิงมาตรวจ
ไม่นาน หมอหญิงก็ออกมารายงาน