คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 710 ข้ามาส่งน้องสาวเจ้ากลับบ้าน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 710 ข้ามาส่งน้องสาวเจ้ากลับบ้าน

ฉินหลิวซีไม่เคยเดินทางไปกลับในเส้นทางหยินบ่อยเช่นนี้ เหล่าผีเดียวดายล่องลอยด้วยความหวาดกลัวในเส้นทางหยินต่างลอบพิจารณา เกิดปัญหาใหญ่ที่ใดหรือไม่ มิเช่นนั้นไยเทพอสูรน้อยจึงปรากฏตัวในเส้นทางหยินบ่อยเพียงนี้เล่า

พวกที่ฉลาดสักหน่อยจะอยู่นิ่งเฉยสงบเสงี่ยม เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่ชนเข้าแล้วมอดไหม้ไป และผีร้ายตัวที่โชคร้ายก็ต้องมอดไหม้จนสิ้นเมื่อกลืนกินดวงวิญญาณผีตนอื่น

ชั่วพริบตา ถนนเส้นนี้ก็สะอาดสะอ้านจนไม่น่าเชื่อ ผีต่างก็ไม่กล้าสะอื้นเสียงดังแล้ว

ฉินหลิวซีนำแมงป่องทองมาส่งถึงมือแม่หมอกู่ ไม่ถามถึงขั้นตอนการฝึกฝน เพียงถามว่าจะเสร็จประมาณวันใด แล้วก็ไม่สนใจเรื่องใดแล้ว

นางฝังเข็มให้เด็กหญิงอีกครั้งเพื่อขับไล่พลังเย็น เขียนใบสั่งยาบำรุงกระดูกบำรุงร่างกาย ทิ้งเข็มเงินบางส่วน ยาและของบำรุงเอาไว้ให้ และนำรากฝอยที่ดึงมาจากปีศาจโสมน้อยให้แก่แม่หมอกู่ จากนั้นจึงเรียกเฮยซาที่เที่ยวสนุกอยู่ในป่าไม่รู้จักกลับมาสักทีให้กลับมา ก่อนจะเดินทางไปยังหมู่บ้านซานหยางที่เมิ่งเฉินเซียงบอก

หมู่บ้านซานหยางอยู่ห่างจากชนเผ่าตระกูลอูร้อยลี้ แต่อยู่ห่างจากเมืองเซียงหนานเพียงยี่สิบกว่าลี้ ทำให้หมู่บ้านซานหยางแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอยู่มาก หมู่บ้านยังอาศัยภูเขาสร้างโถงสำหรับเล่าเรียนโถงหนึ่งขึ้นมา เชิญอาจารย์มาสอนเด็กๆหลายหมู่บ้านในบริเวณใกล้ๆ

เดิมทีตระกูลเมิ่งเป็นตระกูลต้นๆ ของหมู่บ้านซานหยาง เมิ่งชังที่เคยเป็นเด็กกำพร้ากินข้าวร้อยบ้าน ด้วยเพราะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ก็กลายเป็นพ่อค้าหาบเร่อยู่บนท้องถนน อาศัยฝีปากที่ยอดเยี่ยมของเขา พาตนเองพลิกผันจากชีวิตอันน่าเวทนา สร้างบ้านหลังใหญ่สองทางเข้า แต่งภรรยางดงาม ยังซื้อร้านในเมืองมาเปิดกิจการทำการค้า บุตรชายบุตรสาวมีเพียบพร้อมอย่างไม่ต้องเอ่ยถึง ที่บ้านยังจ้างหญิงดูแลบ้านมาอีกสองคน เรียกได้ว่าเป็นที่น่าอิจฉาของผู้คน

แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากบุตรสาวคนเล็กของบ้านหายตัวไป ตระกูลเมิ่งก็เป็นช่วงดิ่งลงเขา เมิ่งเหนียงจื่อกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตรอมใจเพราะบุตรสาวหายตัวไป ร่างกายซูบผอมแทบเห็นกระดูก เมิ่งชังเพราะต้องตามหาบุตรสาว ทั้งยังต้องดูแลภรรยา ไม่มีใจดูแลกิจการ ถูกคนหลอกขายสินค้าไร้คุณภาพชุดใหญ่ ต้องจ่ายเงินจำนวนมากไม่พอ ยังถูกลูกค้าทำร้ายด้วย

น่าสงสารที่สุดคือบุตรชายใหญ่ตระกูลเมิ่ง เป็นคนเฉลียวฉลาด ได้ยินว่าเพราะน้องสาวนำร่มมาส่งให้เขาจึงหายตัวไประหว่างทาง เอาแต่โทษตนเอง เพราะต้องดูแลมารดา ไม่มีกะจิตกะใจร่ำเรียน พักการเรียนมาอยู่ที่บ้าน

ครอบครัวดีๆ ครอบครัวหนึ่ง ต้องมาตกต่ำลงเพราะเด็กสาวหายตัวไปไร้ร่องรอย ไม่ได้พบเจอกับความสุขอีก

คนในหมู่บ้านซานหยางต่างรู้กันดี หนึ่งปีกว่ายังหาไม่เจอ เฉินเซียงเด็กคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่แน่อาจถูกหมาป่าบนเขากินไปแล้ว หรือไม่ก็คงถูกโจรลักพาตัวเอาตัวไปแล้ว

น่าเสียดายเด็กน้อยผู้นั้น รูปร่างหน้าตาคล้ายมารดา งดงามอ่อนหวาน มารยาทงาม แตกต่างไปจากสตรีในเมืองไม่มีผู้ใดเปรียบได้ อีกสองปีก็ออกเรือนได้แล้ว ลำบากยากเย็นกว่าจะเลี้ยงลูกให้โตมาในวัยเท่านี้ กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้

ฉินหลิวซียืนอยู่หน้าบ้านตระกูลเมิ่ง มองบ้านตระกูลเมิ่งที่ปกคลุมไปด้วยเคราะห์ร้าย ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเคาะประตู

เคาะอยู่นาน ก่อนที่ด้านในจะมีเสียงฝีเท้าดังออกมา พรึบ เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้ากลัดกลุ้มโผล่หน้าออกมา “ท่านมาหาผู้ใดหรือ”

“พี่ชาย” เมิ่งเฉินเซียงมองเห็นพี่ใหญ่ เมิ่งเฉินเต้า จึงโผเข้าไปด้วยความยินดี ทว่ากลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ได้แต่ยืนนิ่งงัน เม้มริมฝีปากแน่น

เมิ่งเฉินเต้าสัมผัสได้ถึงความเย็นวูบผ่านร่างไป หันมองซ้ายขวาอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกปวดใจแปลกๆ ราวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งขาดหายไป อยากร้องไห้ออกมา

ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้ามาส่งน้องสาวเจ้ากลับบ้าน”

เมิ่งเฉินเต้าเงยหน้าขึ้นมาทันใด ดวงตาเบิกโต มองไปด้านหลังนาง นอกจากชายร่างสูงใหญ่ ไหนเลยจะมีเงาของน้องสาวเขา อดระแวงขึ้นมาในใจไม่ได้

คงจะเป็นพวกต้มตุ๋นมาหลอกลวงกระมัง

บิดาของเขาต้องติดป้ายประกาศตามหาน้องสาว หลายคนมาบอกเบาะแส ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น เพียงเพราะต้องการหลอกเอาเงิน

มิฉะนั้น ตลอดหนึ่งปีมานี้ครอบครัวของเขาจะตกต่ำลงได้เร็วถึงเพียงนี้หรือ

เมิ่งเฉินเต้าจ้องนางเขม็ง ทำท่าจะปิดประตูใส่ ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “เฉินเซียงถามว่าเงินที่ซ่อนเอาไว้ในรังนกเจ้าเอาไปแล้วหรือ”

มือของเมิ่งเฉินเต้าชะงักไป มองฉินหลิวซีอย่างไม่อยากเชื่อ รีบเอ่ยถาม “ท่าน ท่านรู้ได้อย่างไร”

“แน่นอนว่าเป็นเฉินเซียงเอ่ย นางยืนอยู่ข้างๆ เจ้า” ฉินหลิวซีมองไปข้างบ้าน มีคนยื่นหน้าออกมา จึงเอ่ย “เข้าไปก่อนค่อยพูดเถิด”

น้องสาวอยู่ข้างๆ เขาอย่างนั้นหรือ

เมิ่งเฉินเต้ามองไปด้านข้าง พลันนึกถึงความเย็นที่สัมผัสได้เมื่อครู่ ใบหน้าซีดขึ้นมา นั่นไม่ได้หมายความว่าน้องสาวตายแล้วหรือ

“เซียงเซียง เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ หรือ”

เมิ่งเฉินเซียงน้ำตานองหน้า เข้าไปจับมือของเขา สัมผัสโดยเปล่าประโยชน์ “พี่ชาย ข้าอยู่ที่นี่”

เมิ่งเฉินเต้าสัมผัสได้ถึงความเย็นที่มือ น้ำตาไหลลงมา

ฉินหลิวซีผลักเขาเข้าไปในบ้าน

“ลูก ผู้ใดมาหรือ” เมิ่งชังเดินออกมาจากในครัว มองเห็นคนแปลกหน้าพลันรู้สึกระแวดระวังขึ้นมา แต่ดวงตากลับมีความหวัง หรือว่ารู้ความเป็นไปของเสี่ยวเซียงอย่างนั้นหรือ

“ท่านพ่อ นางบอกว่ามาส่งน้องสาวกลับบ้านขอรับ”

เมิ่งชังชะงัก ส่งกลับบ้านหรือ

คนเล่า

เขาตั้งสติได้เร็วกว่าเมิ่งเฉินเต้า บุรุษสูงใหญ่ ย่างก้าวหนักแน่น ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นเทา ไม่กล้าเอ่ยถามแม้เพียงคำเดียว

เมิ่งเฉินเซียงกอดเขาเอาไว้พร้อมร้องไห้จนไม่เป็นคน

เมิ่งชังก้มหน้า น้ำตาคลอเบ้า เอ่ยถามเสียงสั่น “ใช่เซียงเซียงของพ่อหรือไม่”

“มารดาของเจ้าอยู่ที่ใด เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาเถิด” ฉินหลิวซีหันไปหาเมิ่งเฉินเต้า

เมิ่งเฉินเต้ารีบพานางไปยังเรือนหลักของบ้าน

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป กลิ่นยาเข้มข้นอบอวลลอยออกมา ทั้งยังมีเสียงไอดังออกมา

เมิ่งเฉินเต้าก้าวเข้าไปรวดเร็ว ไม่นานก็ประคองเมิ่งเหนียงจื่อออกมา

“ลูกชายข้าบอกว่า ท่านมีข่าวของลูกสาวข้าหรือ” เมิ่งเหนียงจื่อสีหน้าออกเหลือง ดวงตาบวมแดง ใบหน้าซีดขาว ร่างกายผอมซูบ

เมิ่งเฉินเซียงเห็นนางก็ร้องไห้วิ่งเข้าไปหา จากนั้นก็กอดนางร้องไห้ไม่หยุด พลังหยินกระจายไปทั่ว

ว่ากันว่ามารดาและบุตรมีใจเชื่อมกัน เมิ่งเหนียงจื่อไม่รอให้ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ น้ำตาพลันทะลักออกมา ลูกสาวของนางกลับมาแล้ว แต่ว่าคนกลับ…

เมิ่งเหนียงจื่อปวดใจราวกับเอาเชือกมารัด ท่าทางราวกับกำลังจะขาดใจ

“เฉินเซียงกลับมาแล้ว” ฉินหลิวซีเผายันต์เบิกเนตรหนึ่งแผ่น ท่องมนต์คาถา คนตระกูลเมิ่งพลันรู้สึกปวดที่ดวงตา หลังจากหลับตาลง ชั่วครู่ต่อมาพวกเขาพลันได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย

ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นลูกสาวที่รักน้องสาวที่รักที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงกำลังกอดเมิ่งเหนียงจื่ออยู่ ทุกคนส่งเสียงร้องตกใจ กอดกันกลม ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้ม

ฉินหลิวซีเดินออกไป ลากเฮยซาที่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลออกไปด้วย ให้เวลาครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน

เฮยซาร้องไห้สะอึกสะอื้น พร่ำเอ่ยว่า “ไยจึงไม่ให้ข้าร้องไห้อีกสักหน่อยเล่า”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

“ท่านมันต้นไม้เหล็กไม่มีหัวจิตหัวใจ” เฮยซาเช็ดน้ำตา หยิบซานเหอเถา[1]ออกมาจำนวนหนึ่ง เคี้ยวกรุบๆ เสียงดังขึ้น

ความเสียใจ มาเร็วไปก็เร็ว

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยเสียงเหยียด “ความเห็นอกเห็นใจของเจ้ามายังไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ ปลอมเสียจริง”

เฮยซาโกรธ อย่างไรข้าก็มีน้ำตาไหลมาตั้งสองสาย

ฟังเสียงร้องไห้ด้านใน ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ ตัวบ้าน พบการจัดวางที่น่าสนใจอยู่หลายตำแหน่ง เลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

ในตอนที่นางกำลังมองตะวันออกตะวันตกอยู่นั้น เมิ่งชังก็วิ่งออกมาด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือ

[1]ซานเหอเถา ถั่วพีแคน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท