รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 995 หนึ่งเสียงดัง หมื่นเสียงสยบ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 995 หนึ่งเสียงดัง หมื่นเสียงสยบ!

บทที่ 995 หนึ่งเสียงดัง หมื่นเสียงสยบ!

มาแล้วหรือ ทั้งยัง…รอมันมานาน?

สิ่งมีชีวิตตนนั้นจับจ้องไปทางหลี่จิ่วเต้าอย่างดุร้าย แววตาฉายถึงความโหดเหี้ยม กระทั่งมีภาพลวงเป็นแดนล้างบาปปรากฏออกมา น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!

มันไม่พอใจกับท่าทางของหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างมาก

อันใดกัน ท่าทางประหนึ่งเหมือนมองมันลงมาจากด้านบน เช่นนั้นจะทำให้มันรู้สึกพึงพอใจได้อย่างไร? ผู้ใดกันสามารถดูแคลนมันได้?

แน่นอน มีผู้ที่สามารถปรายตามองมันจากที่สูงได้ แต่ผู้นั้นจะต้องไม่ใช่คนเบื้องหน้ามันแน่!

“เจ้ารอข้าทำสิ่งใด? รอ…ความตายอย่างนั้นหรือ?!”

มันแสยะยิ้ม ทั่วผืนฟ้าสั่นสะเทือน ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไป ประหนึ่งมหาปีศาจร้ายของโลกา สามารถทำลายล้างสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

“อารมณ์รุนแรงไร้เหตุผลยิ่งนัก เจ้าไม่ใช่นกที่ดีเลย ทว่าข้าก็ยังยินดีจะมอบโอกาสให้เจ้าอีกครั้งหนึ่ง”

ให้โอกาสมันอีกครั้ง?

สิ่งมีชีวิตตนนั้นเกือบจะหัวเราะออกมา มันยังจำเป็นต้องให้หลี่จิ่วเต้ามอบโอกาสอันใดให้ด้วย?

น่าขัน ไร้สาระยิ่ง!

“โอ้ ให้โอกาสข้าหรือ? ข้าต้องการได้ยินว่าเจ้าจะให้โอกาสอันใดกับข้า อย่างเจ้าจะให้โอกาสอันใดกับข้าได้”

มันมองไปที่หลี่จิ่วเต้าแล้วเอ่ยอย่างเหยียดหยาม

หลี่จิ่วเต้าจิบชาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นค่อยพูดตอบ “ให้โอกาสเจ้าได้ฆ่าตัวตาย”

“เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”

จิตสังหารของมันเปี่ยมล้ม ด้านหลังปรากฏภาพลวงแดนนรกลงทัณฑ์ขึ้น มันโกรธอย่างมาก

ท่าทางของหลี่จิ่วเต้าทำให้มันไม่พอใจยิ่ง!

“ให้โอกาสข้าฆ่าตัวตายหรือ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน?”

มันหัวเราะเย้ยออกมา “เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าบ้าง! ฆ่าตัวตายเสียที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้สัมผัสกับทุกฉากแดนนรกลงทัณฑ์ทั้งหมดที่ปรากฏขึ้น!”

ด้านหลังฉากแดนนรกลงทัณฑ์ปรากฏอย่างต่อเนื่อง แต่ละฉากต่างน่ากลัวสะท้านขวัญคน ไม่ว่าจะเป็นการถลกเนื้อหนังอันใด ล้วนเป็นมันที่ลงมือทำเอง

มันไม่ชอบการสังหารโดยตรง ทว่าชื่นชมการสังหารโหด

ในฉากแดนนรกลงทัณฑ์ มันทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้ไร้พลัง จากนั้นก็ลอกผิวหนังของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดออก เสร็จแล้วจึงปล่อยมดมารจำนวนนับไม่ถ้วนให้ค่อย ๆ กินเลือดเนื้อและกระดูกของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจนสะอาดหมดสิ้น

ระหว่างกระบวนการนี้ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไม่อาจทำสิ่งใดได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุด มองเหล่ามดมารค่อย ๆ กัดแทะพวกเขาไปทีละน้อย

“วิถีทำลายล้างก็ควรจะมีความพิถีพิถัน การทำลายล้างทุกสิ่งโดยตรงช่างเสียของเกินไปแล้ว…”

มันไม่ชื่นชอบการทำลายล้างโดนตรง แต่ชื่นชอบสรรหาความสนุกสนานทุกอย่างในการทำลายล้าง

ใช่แล้ว มันเองก็เป็นโรคอย่างหนึ่งด้วย มันถูกกลืนกินมาได้พักใหญ่แล้ว ยามที่มันเพิ่งถูกกลืนกิน มันสังหารล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งหนึ่งอย่างโหดร้าย

เฟิ่งหลวนคิดว่าตนเองสามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือมันได้เพราะสมบัติที่อาจารย์ของนางมอบไว้ให้ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น

พึ่งพาเพียงของเหล่านั้น เฟิ่งหลวนไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือมันได้

มันจงใจปล่อยให้เฟิ่งหลวนหนีออกไป จากนั้นก็ตามล่าสังหาร เพื่อจะได้เพลิดเพลินกับความตื่นเต้นจากการไล่ล่า ประหนึ่งแมวไล่หยอกล้อหนู ทำให้เฟิ่งหลวนรู้สึกหวาดกลัวตั้งแต่ต้นจนจบ

หลี่จิ่วเต้ามองฉากนรกลงทัณฑ์เหล่านั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ สิ่งมีชีวิตตนนี้โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้

นี่มันอันใดกัน? สิ่งมีชีวิตทั้งอาณาจักร? ถึงกลับถูกล้างสังหาร!

อีกทั้งสิ่งมีชีวิตตนนี้ยังแสดงฉากเหล่านี้ทั้งหมดออกมา นี่คือภาคภูมิใจและตั้งใจให้เห็นใช่หรือไม่?

ดวงตาของเขาเย็นเยือกลง โกรธเสียจนทั้งร่างสั่นเทาเล็กน้อย!

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพบเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน!

เขาไม่อาจปล่อยสิ่งมีชีวิตตนนี้ไปได้!

เขาตัดสินใจจะสังหารสิ่งมีชีวิตตนนี้ ทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่สิ้นชีพลงอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของสิ่งมีชีวิตตนนี้!

“เจ้าไม่มีโอกาสอันใดแล้ว…”

เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา ตัดสินใจไม่ให้โอกาสฆ่าตัวตายกับสิ่งมีชีวิตนี้อีก นั่นมันง่ายเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิตตนนี้

“ผยองยิ่งนัก!”

มันคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว มีลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมานับร้อยล้านเส้น สั่นสะเทือนทั่วจักรวาลดวงดารา

มันยื่นมือข้างหนึ่งออกมา กู่ฉินปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นมันก็เล่นเพลงฉินออกมา!

ฉากนี้นับได้ว่าแปลกประหลาดจริง ๆ สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้กลับกำลังเล่นฉิน นี่เหนือเกินกว่าความคาดหมายของหลี่จิ่วเต้า

“หนึ่งเพลงฝังสวรรค์ หนึ่งเพลงฝังราษฎร ข้าจะแสดง ‘ลำนำสิ้นโลกา’ ส่งเจ้าสู่ความตาย!”

สีหน้าของมันเย็นชา กรงเล็บแหลมคมสองข้างกลายเป็นฝ่ามือราวหยกพร่างพราวคู่หนึ่งบรรเลงเพลง สำแดงลำนำสิ้นโลกาอันน่าหวาดหวั่นออกมา

ผู้เบิกทางมีความเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีทุกประเภท มันสืบทอดด้านนี้มา ฝีมือที่เก่งกาจสุดก็คือการบรรเลงเครื่องดนตรีเหล่านี้

มันน่ากลัวอย่างยิ่ง ลมหายใจที่แผ่ออกมาไกลเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะสามารถทานทนได้

ทว่าหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ได้รับผลกระทบอันใดจากลมหายใจของมัน ทั้งยังแสดงท่าทีสูงส่งเช่นเคย มันไม่ได้โง่เขลา ตระหนักได้ทันทีว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ธรรมดา ไม่อาจรับมือได้โดยง่าย

ดังนั้นมันจึงเก็บความคิดจะสังหารอย่างทรมานทิ้งไป ไม่คิดลีลา สำแดงฝีมือแข็งแกร่งสุดออกมา ต้องการส่งหลี่จิ่วเต้าไปสู่ความตายทันที

ภายในรถม้า

ลั่วสุ่ย ต้นหลิวและคนอื่น ๆ ต่างเห็นเหตุการณ์ภายนอก

เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตนนั้นนำกู่ฉินออกมา พวกเขาต่างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“พวกเจ้าหัวเราะอันใด?”

เฟิ่งหลวนถามด้วยความสับสน ไม่รู้ว่ามีตรงใดน่าหัวร่อ

แม้สิ่งมีชีวิตน่าหวาดหวั่นนั้นจะเล่นกู่ฉินออกมาได้แปลกประหลาดจริง ๆ แต่ก็ไม่น่าหัวเราะออกมาเช่นนี้ใช่หรือไม่?

“เล่นฉินต่อหน้าคุณชาย มันกล้าดีเช่นไร!”

ลั่วสุ่ยเอ่ยเสียงหัวเราะ “คุณชายเป็นบรมอาจารย์แห่งฉิน…”

บรมอาจารย์แห่งฉิน!

ไม่แปลกใจเลย!

เฟิ่งหลวนเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจที่พวกลั่วสุ่ยหัวเราะออกมายกใหญ่เช่นนี้ การเล่นฉินต่อหน้าบรมอาจารย์ฉิน นี่นับเป็นการไม่ประเมินกำลังตนเอง ไม่ต่างจากการควงขวานหน้าบ้านหลู่ปัน

อีกด้านหนึ่งหลี่จิ่วเต้าพลันขมวดคิ้ว

เขามองไปยังสิ่งมีชีวิตตนนั้น “สิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจเช่นเจ้าจะคู่ควรกับฉินได้อย่างไร? ความสูงส่งสง่างามของฉินถูกเจ้าทำลายไปเสียหมดสิ้น!”

“ตัดสินคนจากรูปลักษณ์? น่าขันนัก! ข้าไม่หยุดเพียงฉินเท่านั้น ยังมีเครื่องดนตรีอื่นอีก เอาให้เจ้าโกรธตายไปเสีย!”

สิ่งมีชีวิตตนนั้นเหยียดยิ้ม ยังคงเล่นเพลงฉินต่อไป

แต่ภายในใจมันเองก็ตื่นตะลึงยิ่ง เพลงฉินเริ่มบรรเลงแล้ว หลี่จิ่วเต้ากลับไม่ได้รับผลกระทบอันใด นี่เกินความคาดหมายของมัน

“เจ้าอัปลักษณ์จากจิตใจเนื้อแท้ภายในอันน่ารังเกียจ ไม่ได้เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกเจ้า”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ย ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกสิ่งมีชีวิตตนนี้อัปลักษณ์จึงทำให้เขารู้สึกรังเกียจ

สิ่งที่ทำให้เขารังเกียจสิ่งมีชีวิตตนนี้ก็เพราะเนื้อแท้จิตใจอันสกปรก โหดร้าย และกระหายเลือด!

“ให้ข้าโกรธจนตายหรือ? ไม่จำเป็น! เจ้าทำเท่าใดก็ไม่อาจเทียบข้าได้!”

หลี่จิ่วเต้าหยิบปี่สั่วน่าออกมาเป่า

เสียงของปี่สั่นน่าแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ ชวนให้ขนลุกชัน ภายในใจของสิ่งมีชีวิตนั้นพังทลายลงทันที เพลงฉินที่เล่นอย่างราบรื่นพลันมีเสียงดึงผึง เส้นฉินขาดออกไปหลายเส้น!

มันตื่นตกใจอย่างมาก หลี่จิ่วเต้านั้นไม่อาจรับมือได้โดยง่ายจริง ๆ

“อย่าผยองนัก ข้ายังตีกลองได้!”

มันหัวเราะเยาะออกมา ไม่ยอมล่าถอยไป มันยังมีฝีมืออีกมากที่ยังไม่ได้สำแดง ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องถอยหนี

ตึง ตึง ตึง!

มันโบกมือเรียกกลองขนาดใหญ่ออกมา มือทั้งสองข้างปรากฏไม้ตีกลองจากนั้นก็เริ่มลงมือตี!

“ลมบูรพาพัด กลองสงครามลั่นรบ มีข้าผู้ไร้เทียมทาน จงสรรเสริญข้าเสีย!”

เสียงกลองสะท้านขวัญอย่างยิ่ง ดวงดาราสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์ทั้งหลายพังทลายระเบิดออก!

เฟิ่งหลวนตกใจกลัว นางสัมผัสได้ว่าเสียงกลองนั่นน่ากลัวเพียงใด นางไม่สงสัยแม้แต่น้อย เกรงว่าต่อให้เป็นตัวนางในตอนนี้ที่บรรลุขอบเขตล้ำขีดไปแล้วก็ยังไม่อาจต้านทานเสียงกลองได้ ตั้งแต่เสียงกลองชุดแรกดังขึ้น ร่างกายและวิญญาณของนางจะต้องระเบิดออกโดยสมบูรณ์!

“ข้ามีปี่สั่วน่า!”

หลี่จิ่วเต้าสงบนิ่งมาก เขาเป่าปี่สั่วน่าอีกครั้ง

เสียงกลองทำให้จักรวาลดวงดาราสั่นสะเทือน แต่เสียงปี่สั่วน่าชวนหวั่นเกรงเสียยิ่งกว่า กลบทับเสียงกลองในพริบตา จากนั้นพลันเกิดเสียงปังดังขึ้น กล่องทั้งหมดระเบิดออก

“เจ้า!”

สิ่งมีชีวิตตนนั้นขบฟันแน่น นี่คือเครื่องดนตรีอันใดกัน? น่าหวาดกลัวเสียจนไม่อยู่ในหลักเหตุผล!

“เครื่องดนตรีทั้งหมดสามพันชิ้น ทั้งหมดต่างเหนือชั้นอย่างถึงที่สุด! เจ้าคิดจะใช้หนึ่งเพียงสยบข้าสามพันเพลงได้ เช่นนั้นก็ลงดู!”

มันตะโกนอย่างเย็นชา ไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้

“ผีผา!”

มันเรียกผีผาขึ้นมาในมือ ยามบรรเลงประหนึ่งหยกสองก้อนเข้าชนกันส่งเสียงคมชัดเจน นำพาซึ่งท่วงทำนองล่อลวงบางสิ่ง ทำให้คนยากต้านทาน

“ข้ามีปี่สั่วน่า!”

หลี่จิ่วเต้าไม่หวาดกลัว เล่นปี่สั่วน่าอีกครั้ง

ปี่สั่วน่าเป็นจ้าวแห่งเครื่องดนตรี อีกทั้งยังได้รับมาจากบรรพจารย์ฝู การเอาชนะสามพันเสียงได้โดยไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย

เสียงตึ้งดังขึ้น สายผีผาขาดออก!

มันใกล้จะเป็นบ้าเต็มที สิ่งที่อยู่ในมือหลี่จิ่วเต้าคือเครื่องดนตรีอันใด?!

มันต้องการจะเรียกสิ่งนี้ว่าเครื่องดนตรีอันธพาล ไม่ว่าจะเป็นเสียงใดก็ยังสามารถสยบได้

“ข้าไม่เชื่อ!”

มันเอ่ยเสียงตำด้วยความโมโห “ลองดูกู่เจิ้งข้าเสีย จะส่งเจ้าไปตายเอง!”

แสงส่องประกายวาววับ มันบรรเลงกู่เจิ้งเป็นเพียงสังหาร ต้องการจะทำลายล้างหลี่จิ่วเต้าและเครื่องดนตรีในมือหลี่จิ่วเต้า

“ข้ามีปี่สั่วน่า!”

หลี่จิ่วเต้ายังคงสงบนิ่ง เป่าปี่สั่วหน้าอีกครั้ง

อันใดคือหนึ่งเสียงดัง หมื่นเสียงสยบ?

ปี่สั่วน่าแสดงจุดนี้ให้เห็นอย่างสมบูรณ์!

เมื่อเสียงปี่สั่วน่าดังขึ้น เพลงสังหารของกู่เจิ้งก็พังทลายลง สิ่งมีชีวิตตนนั้นไม่อาจบรรเลงออกมาได้อีก!

“อ๊ากกก!”

สิ่งมีชีวิตตนนั้นระเบิดออกมาแล้ว หยิบขลุ่ยยกออกมาเป่าต่อ

“ข้ามีปี่สั่วน่า!”

ยังคงเป็นคำพูดประโยคเดิม เสียงปี่สั่วน่าเหมือนเดิม และเสียงขลุ่ยเองก็ถูกสยบเช่นเดิม!

สิ่งมีชีวิตตนนั้นหยิบเอาเครื่องดนตรีออกมาอีก มีทั้งขลุ่ยไม้ไผ่ ระฆังสัมฤทธิ์และอื่น ๆ ทว่าทั้งหมดล้วนถูกเสียงปี่สั่วน่าสยบลง

“ข้ามีปี่สั่วน่า!”

คำพูดของหลี่จิ่วเต้ากลายเป็นมารในใจมันเสียแล้ว มันเล่นเครื่องดนตรีทุกอย่างที่มันรู้จัก แต่ยังคงไม่อาจเอาชนะปี่สั่วน่าได้!

มันหวาดกลัวตัวสั่นเทา เพียงแค่หนึ่งเสียงวิถีเครื่องดนตรีของหลี่จิ่วเต้าก็สามารถระงับเสียงทั้งสามพันของมันได้!

“ข้าไม่ได้สืบทอดด้านดนตรีที่แข็งแกร่งสุดมาหรือ?!”

มันคิดว่าตนเองสืบทอดดนตรีมาจากผู้เบิกทางทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่มีสิ่งใดเลย

เสียงที่แข็งแกร่งสุดอย่างปี่สั่วน่า มันไม่รู้อันใดแม้แต่น้อย!

มันไม่ได้คิดว่าผู้เบิกทางไม่รู้จักปี่สั่วน่า แต่คิดว่าตนเองไม่ได้รับสืบทอดมา

“จ้าวแห่งเครื่องดนตรี!”

มันเกิดความรู้สึกล้มเหลวเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย ตัวมันที่แข็งแกร่งด้านดนตรีที่สุด กลับประสบความล้มเหลวอย่างสังเวช!

ภายในรถม้า

สีหน้าเฟิ่งหลวนแปลกประหลาด คุณชายผู้นี้เป็นบรมอาจารย์ฉินอย่างนั้นหรือ? เหตุใดนางกลับรู้สึกว่าเป็นบรมอาจารย์ปี่สั่วน่าเล่า!

ลั่วสุ่ยมองออกว่าเฟิ่งหลวนคิดสิ่งใดอยู่ นางแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ข้าจะพูดว่า คุณชายเป็น…บรมจารย์ของทุกด้าน!”

ขณะเดียวกันนั้นเอง สิ่งมีชีวิตตนนั้นก็ไม่มีความคิดสู้อีกต่อไป ระเบิดวิชาลับออกมา กระจายออกเป็นลำแสงนับร้อยล้านพุ่งทะยานหนีอย่างรวดเร็ว

ทว่าคำพูดที่ทำให้มันหวาดกลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง!

“คิดหนีหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้า…ยังมีปี่สั่วน่า!”

สีหน้าหลี่จิ่วเต้าสงบนิ่งระหว่างยกปี่สั่วน่าขึ้นเป่าอีกครั้ง

หลังจากได้ยินประโยคนี้ หัวใจของสิ่งมีชีวิตตนนั้นพลันเต้นแรง ความมั่นใจต่อวิชาลับลดลงทันทีที่ได้ยินเสียงปี่สั่วน่าดังขึ้น

จะหนีได้จริงหรือ?

มันแทบไม่เหลือความมั่นใจ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท